AVATR 07: นิยามใหม่ของ SUV ไฟฟ้าอัจฉริยะสุดหรู สู่ตลาดไทยปี 2025
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากยุคน้ำมันสู่ยุคแห่งพลังงานไฟฟ้า และเมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2025 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ไม่ได้เป็นเพียงกระแสอีกต่อไป แต่คืออนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ความอัจฉริยะ และประสบการณ์ที่เหนือระดับ AVATR 07 คือหนึ่งในผู้เล่นที่พร้อมจะเข้ามาสร้างนิยามใหม่ให้กับวงการนี้ โดยเฉพาะในตลาดประเทศไทย ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง และ SUV ไฟฟ้าหรู AVATR แบรนด์ที่เกิดจากการผนึกกำลังอันแข็งแกร่งระหว่าง Changan ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่, Huawei ผู้นำด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะ และ CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับโลก ได้รังสรรค์ AVATR 07 ให้เป็นมากกว่าแค่รถยนต์ไฟฟ้า แต่คือสัญลักษณ์ของความล้ำสมัยที่มาพร้อมการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ และสมรรถนะที่เร้าใจ
การประกาศราคาอย่างเป็นทางการในงาน Motor Expo 2025 วันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ผู้คนในวงการและผู้บริโภคต่างเฝ้ารอคอย ด้วยความคาดหวังว่า AVATR 07 จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างในตลาดรถเอสยูวีไฟฟ้าพรีเมียมที่ต้องการทั้งความหรูหรา ความแรง และเทคโนโลยีสุดล้ำ ด้วยข้อมูลและภาพจริงที่เผยออกมา เราสามารถกล่าวได้ว่า AVATR 07 ไม่ได้มาเล่นๆ แต่มาพร้อมกับอาวุธครบมือเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดแห่งอนาคต ผมจะพาคุณเจาะลึกทุกแง่มุมของ AVATR 07 ที่ทำให้มันโดดเด่นและน่าจับตามองอย่างแท้จริง
AVATR 07: วิสัยทัศน์แห่งยานยนต์ 2025
ในปี 2025 รถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเพียงพาหนะ แต่เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ดิจิทัล เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่เชื่อมโยงกับโลกภายนอกอย่างชาญฉลาด AVATR 07 ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์วิสัยทัศน์นี้อย่างแท้จริง ด้วยปรัชญา “Future Mobility, Redefined” หรือ “นิยามใหม่แห่งการเดินทางแห่งอนาคต” แบรนด์ AVATR มุ่งเน้นการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีอัจฉริยะ ความสะดวกสบายระดับพรีเมียม และสมรรถนะที่เหนือความคาดหมาย
จากประสบการณ์ที่ผมได้คลุกคลีกับนวัตกรรมยานยนต์มาตลอด ผมเห็นว่าผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ได้มองหาแค่สเปกตัวเลข แต่ต้องการ “คุณค่า” และ “ประสบการณ์” AVATR 07 เข้าใจจุดนี้เป็นอย่างดี มันถูกสร้างมาเพื่อมอบความรู้สึกพิเศษในการขับขี่ ด้วยการผสานดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวเข้ากับเส้นสายที่เรียบหรู พร้อมฟังก์ชันการทำงานที่ชาญฉลาดและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างไร้รอยต่อ สิ่งนี้เองที่จะทำให้ AVATR 07 กลายเป็นจุดศูนย์กลางของนวัตกรรมยานยนต์ในตลาดไทย
การเข้ามาของ AVATR 07 ในไทยนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของแบรนด์ในศักยภาพของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีอัตราการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค การนำเสนอรถยนต์ที่เหนือกว่ามาตรฐานทั่วไปจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญ ที่จะทำให้ AVATR สามารถสร้างฐานลูกค้าพรีเมียมที่มองหาความแตกต่างได้อย่างยั่งยืน
สองบุคลิกสุดแกร่ง: AVATR 07 Max RWD และ AVATR 07 Ultra AWD
AVATR 07 เวอร์ชั่นไทยที่นำเข้าแบบ CBU จากจีน จะมาพร้อมตัวเลือก 2 รุ่นย่อย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและสไตล์การขับขี่ที่แตกต่างกันของลูกค้า ผมขอเปรียบเทียบทั้งสองรุ่นเสมือนเป็นสองบุคลิกที่เติมเต็มซึ่งกันและกัน แต่ยังคงไว้ซึ่ง DNA ความล้ำสมัยของ AVATR
AVATR 07 Max RWD: ความหรูหราที่มาพร้อมความคล่องตัว (คาดราคาเริ่มต้น 1,5xx,000 บาท)
รุ่น Max RWD เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการความสมดุลระหว่างความหรูหราในชีวิตประจำวัน สมรรถนะที่ตอบสนอง และประสิทธิภาพในการใช้งาน มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวที่ขับเคลื่อนล้อหลัง มอบพละกำลังสูงสุด 338 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 365 นิวตันเมตร ซึ่งถือว่าเหลือเฟือสำหรับการใช้งานในเมืองและเดินทางไกล อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.8 วินาที แสดงให้เห็นถึงความฉับไวที่พร้อมตอบสนองทุกการเร่งแซง ความเร็วสูงสุดที่ 200 กม./ชม. นั้นเพียงพอต่อทุกสภาพถนนในประเทศไทย
สิ่งที่น่าสนใจคือการใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion (LFP) จาก CATL ขนาดความจุ 82.16 kWh ที่ทำงานบนสถาปัตยกรรม 800V Technology ทำให้รุ่น Max RWD สามารถวิ่งได้ไกลถึง 575 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งเป็นระยะทางที่วางใจได้สำหรับการเดินทางโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จบ่อยครั้ง ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ยังคงมอบอรรถรสในการขับขี่ที่สนุกสนาน มีความคล่องตัว และให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติในการควบคุมรถ ทำให้เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ที่กระฉับกระเฉงแต่ยังคงความนุ่มนวล
AVATR 07 Ultra AWD: สุดยอดสมรรถนะเหนือจินตนาการ (คาดราคาเริ่มต้น 1,8xx,000 บาท)
สำหรับผู้ที่แสวงหาสุดยอดสมรรถนะและเทคโนโลยีขั้นสูงสุด รุ่น Ultra AWD คือคำตอบที่ไร้ข้อกังขา ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่สองตัว มอบพละกำลังรวมสูงสุดถึง 590 แรงม้า และแรงบิดมหาศาล 645 นิวตันเมตร ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่แค่สเปกบนกระดาษ แต่หมายถึงอัตราเร่งที่น่าทึ่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.9 วินาที ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับรถสปอร์ตสมรรถนะสูงเลยทีเดียว ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เป็นความมั่นใจในทุกการเดินทาง
รุ่น Ultra AWD มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 82.16 kWh เช่นเดียวกับรุ่น Max RWD แต่ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD) และพละกำลังที่มากกว่า ทำให้ระยะทางวิ่งตามมาตรฐาน NEDC อยู่ที่ 545 กม. ซึ่งยังคงเป็นระยะทางที่น่าประทับใจ การขับเคลื่อน 4 ล้อ มอบการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมในทุกสภาพอากาศและความเร็ว ให้ความมั่นคง ปลอดภัย และเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ
สิ่งที่ทำให้ Ultra AWD โดดเด่นกว่าใครคือระบบช่วงล่างแบบถุงลมพร้อม CDC Electronic Dampers ที่สามารถปรับระดับความสูงได้ถึง 60 มิลลิเมตร ระบบนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ แต่ยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งบุคลิกของรถให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่แบบสปอร์ต การเดินทางไกลที่ต้องการความนุ่มนวล หรือแม้แต่การเพิ่มระยะห่างจากพื้นเพื่อความอเนกประสงค์ สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำถึงความพรีเมียมและเทคโนโลยีขั้นสูงที่ AVATR มอบให้
ความมั่นใจหลังการขาย: โปรโมชั่นและการรับประกันคุณภาพ
จากประสบการณ์ของผม การรับประกันหลังการขายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรถยนต์ไฟฟ้า AVATR ประเทศไทย ได้แสดงความมุ่งมั่นในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าด้วยแพ็คเกจการรับประกันที่น่าสนใจ:
รับประกันคุณภาพตัวรถ (Warranty): นาน 5 ปี หรือ 120,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ดีในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
รับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง (High Voltage Battery): นาน 8 ปี หรือ 160,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) นี่คือหัวใจสำคัญของรถ EV และการรับประกันที่ยาวนานนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานคลายความกังวลในระยะยาว
การรับประกันเหล่านี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของ AVATR ในคุณภาพและความทนทานของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างความไว้วางใจในแบรนด์ใหม่ในตลาด
มิติแห่งการออกแบบและวิศวกรรม: ความสมบูรณ์แบบที่มองไม่เห็น
AVATR 07 ไม่ได้เป็นเพียงรถที่ดูดี แต่ยังเป็นผลงานวิศวกรรมที่คำนึงถึงทุกรายละเอียด จากการวิเคราะห์มิติตัวถังที่น่าประทับใจ:
ความยาว 4,825 มิลลิเมตร
ความกว้าง 1,980 มิลลิเมตร
ความสูง 1,620 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ Wheelbase 2,940 มิลลิเมตร
ระยะต่ำสุดถึงพื้น Ground Clearance 155 – 166 มิลลิเมตร
มิติเหล่านี้บ่งบอกถึงการออกแบบที่เน้นความโอ่อ่าของพื้นที่ภายในห้องโดยสาร ด้วยระยะฐานล้อที่ยาวเกือบ 3 เมตร ทำให้ AVATR 07 มีพื้นที่ใช้สอยภายในที่กว้างขวางเป็นพิเศษ มอบความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับผู้โดยสารทุกคน ขณะที่ความกว้างและความสูงที่พอเหมาะช่วยให้รถดูมั่นคงและมีสัดส่วนที่ลงตัว ระยะต่ำสุดถึงพื้นที่มีให้เลือกสองระดับ (155-166 มม.) บ่งบอกถึงความยืดหยุ่นในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง หรือการเผชิญกับสภาพถนนที่หลากหลาย
นอกจากนี้ การออกแบบยังคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์อย่างเคร่งครัด ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (cd) เพียง 0.259 ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมสำหรับรถเอสยูวี ตัวเลขนี้ไม่เพียงช่วยลดเสียงลมรบกวนในห้องโดยสาร แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน ทำให้รถสามารถวิ่งได้ระยะทางที่ไกลขึ้น และช่วยลดการใช้พลังงานโดยรวม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้า
พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่กว้างขวาง ขนาด 500 – 1,325 ลิตร เมื่อพับเบาะหลัง พร้อมช่องเก็บสัมภาระด้านหน้า (Frunk) ขนาด 90 ลิตร สะท้อนถึงความเข้าใจในความต้องการของผู้ใช้งานเอสยูวีที่มองหาความอเนกประสงค์ ทำให้ AVATR 07 สามารถรองรับทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเพื่อการเดินทางในชีวิตประจำวัน หรือการผจญภัยช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
หัวใจที่เต้นรัว: ขุมพลังและช่วงล่าง
การพูดถึงขุมพลังของ AVATR 07 โดยไม่เน้นย้ำถึงเทคโนโลยี 800V คงจะเป็นการมองข้ามจุดเด่นที่สำคัญที่สุดไป ระบบ 800V ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลข แต่คือการก้าวกระโดดทางวิศวกรรมที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการชาร์จ ความร้อนสะสม และการส่งกำลังของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างมหาศาล ด้วยเทคโนโลยีนี้ AVATR 07 Ultra AWD รองรับการชาร์จกระแสตรง (DC Fast Charging) ได้สูงสุดถึง 420 kW ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเติมพลังงานให้รถยนต์ของคุณได้ในเวลาอันสั้น เพียงไม่กี่นาทีคุณก็จะได้ระยะทางวิ่งเพิ่มขึ้นอีกหลายร้อยกิโลเมตร ทำให้การเดินทางระยะไกลด้วย EV ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป
ช่วงล่างและระบบเบรก:
ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Double Wishbone และ ด้านหลังแบบอิสระ 5-Links คือการผสมผสานที่ลงตัว มอบทั้งความนุ่มนวลในการเดินทาง และการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมในยามที่ต้องการสมรรถนะ
ระบบเบรกแบบดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อนทั้งหน้าและหลัง ให้ประสิทธิภาพการหยุดรถที่ยอดเยี่ยมและสม่ำเสมอในทุกสภาวะ
ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว Agile Wheel พร้อมยางขนาด 255/50 R20 ไม่เพียงเสริมความงาม แต่ยังถูกเลือกมาเพื่อให้เหมาะสมกับสมรรถนะและการควบคุมของรถ
ในรุ่น Ultra AWD การมีระบบช็อกอัพถุงลม CDC Electronic Dampers ที่ปรับระดับได้ 60 มม. คือความได้เปรียบที่สำคัญ ช่วยให้ AVATR 07 สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพถนนและรูปแบบการขับขี่ที่แตกต่างกันได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าคุณจะต้องการความนุ่มนวลราวกับลอยอยู่บนเมฆ หรือความแน่นหนึบเพื่อการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ระบบนี้ก็สามารถตอบสนองได้อย่างแม่นยำและฉับไว
ห้องโดยสารอัจฉริยะ: สุนทรียภาพแห่งการเดินทาง
ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ AVATR 07 คุณจะพบกับประสบการณ์ที่ไม่ใช่แค่การนั่งรถ แต่คือการดำดิ่งสู่โลกแห่งความหรูหราอัจฉริยะที่ออกแบบมาเพื่อมนุษย์อย่างแท้จริง
ประตูกระจกแบบไร้กรอบ (Frameless Door) และ กระจกบังลมหน้า 2 ชั้น Acoustic Glass ไม่เพียงเสริมความงามล้ำสมัย แต่ยังช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างดีเยี่ยม สร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว
มือเปิดประตูภายนอกแบบซ่อน (Hidden Door Handles) และ ฝาท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบกันหนีบ ล้วนเป็นรายละเอียดเล็กๆ ที่แสดงถึงความใส่ใจในดีไซน์และความสะดวกสบาย
เบาะหนังแท้ Nappa เคลือบเงาแบบ Pearl-like Shimmer (อุปกรณ์เสริม) ให้สัมผัสที่หรูหราและสง่างาม เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Zero Gravity ที่ปรับเอนได้ถึง 120 องศา พร้อมระบบนวด Massage Seats 5 โหมด ความแรง 3 ระดับ มอบความผ่อนคลายสูงสุดในการเดินทางไกล
เบาะนั่งด้านหลังที่สามารถแยกพับอิสระ 60:40 และพับราบเป็นเตียงนอนพื้นที่ 3 ตารางเมตร สะท้อนถึงความอเนกประสงค์ในการใช้งานที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนระหว่างเดินทาง หรือการขนสัมภาระชิ้นใหญ่
วัสดุบุนุ่มรอบคันกว่า 10 ตารางเมตร สร้างความรู้สึกอบอุ่นและพรีเมียมในทุกสัมผัส
ระบบน้ำหอมปรับอากาศภายในรถ Perfume 6 กลิ่น และ ระบบไฟสร้างบรรยากาศ Emotive Streaming Lighting ช่วยปรับอารมณ์และสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารให้ตรงกับความรู้สึกของผู้โดยสาร
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ช่วยให้ทุกคนในรถสามารถปรับอุณหภูมิที่เหมาะสมกับตนเองได้
หลังคากระจก Panoramic Roof พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า เปิดโอกาสให้ผู้โดยสารได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพภายนอกอย่างเต็มที่ และสามารถควบคุมปริมาณแสงที่เข้ามาในห้องโดยสารได้ตามต้องการ
กระจกมองข้างแบบกล้อง (อุปกรณ์เสริม) คืออีกหนึ่งนวัตกรรมล้ำสมัยที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยในการขับขี่
ศูนย์กลางความบันเทิงและเชื่อมต่อ: โลกดิจิทัลในมือคุณ
ในยุค 2025 ประสบการณ์ดิจิทัลในรถยนต์คือสิ่งสำคัญ AVATR 07 ยกระดับมาตรฐานนี้ด้วยระบบความบันเทิงที่ล้ำหน้าเกินใคร
หน้าจอแดชบอร์ดหน้า Panorama รวม 5 หน้าจอ ขนาด 35.4 นิ้ว ความละเอียด 4K และ หน้าจอกลางระบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 2K สร้างสรรค์ประสบการณ์ดิจิทัลที่ดื่มด่ำและน่าทึ่ง ข้อมูลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ ระบบนำทาง ความบันเทิง ถูกจัดแสดงอย่างสวยงามและชัดเจน
หน้าจอควบคุม Tablet ที่วางแขนเบาะนั่งด้านหลัง เชื่อมต่อกับระบบ AVATRLink ช่วยให้ผู้โดยสารตอนหลังสามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของรถได้ เพิ่มความสะดวกสบายและความหรูหรา
ระบบนำทาง Petal Map ที่ผสานรวมเข้ากับระบบนำทางอัจฉริยะ ให้ข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์และการนำทางที่แม่นยำ
การเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth, ช่องเชื่อมต่อ USB Type A / Type C, และที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger ครบครันด้วยอุปกรณ์ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อเป็นไปอย่างราบรื่น
ระบบเสียงรอบทิศทาง Meridian Premium Sound System พร้อมลำโพง 25 ตำแหน่ง กำลังขับ 2,016 watts คือหัวใจของความบันเทิงภายในห้องโดยสาร มอบประสบการณ์เสียงที่คมชัด รายละเอียดครบถ้วน และทรงพลังราวกับกำลังนั่งอยู่ในคอนเสิร์ตฮอลล์ระดับโลก
บทสรุปและคำเชิญชวน
AVATR 07 คือคำตอบของยานยนต์แห่งอนาคตที่มาพร้อมความสมบูรณ์แบบทั้งในด้านดีไซน์ สมรรถนะ เทคโนโลยี และความหรูหรา ด้วยการนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายถึงสองรุ่นย่อย แต่ละรุ่นตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะตัว โดยมีหัวใจหลักคือเทคโนโลยี 800V ที่เป็นแกนหลักของการชาร์จเร็วพิเศษและประสิทธิภาพการทำงานของระบบขับเคลื่อน AVATR 07 ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถเอสยูวีไฟฟ้า แต่คือการลงทุนในประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ และเป็นพาร์ทเนอร์อัจฉริยะที่พร้อมตอบสนองทุกความต้องการในชีวิตประจำวันของคุณ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่า AVATR 07 จะเป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าจับตามองและประสบความสำเร็จอย่างสูงในตลาดประเทศไทยปี 2025 และจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถเอสยูวีไฟฟ้าพรีเมียมอย่างแน่นอน
อย่าพลาดโอกาสที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ มาร่วมสัมผัสประสบการณ์แห่งอนาคตด้วยตัวคุณเอง ค้นพบนวัตกรรมยานยนต์ที่แท้จริง และเป็นเจ้าของ AVATR 07 รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่ผสมผสานความแรง ความหรูหรา และเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
เตรียมพบกับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการและราคาที่คุณจะต้องประทับใจ ที่งาน Motor Expo 2025 ในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ แล้วคุณจะได้รู้ว่าอนาคตของการเดินทางที่แท้จริงเป็นอย่างไร!
