มิตซูบิชิ เปิดวิสัยทัศน์ยานยนต์ 2025: XPANDER HEV, XPANDER CROSS HEV และ TRITON STREET ใหม่! พลิกโฉมตลาดรถยนต์ไทยสู่ยุคแห่งนวัตกรรมและการใช้ชีวิตที่เหนือกว่า
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าสังเกตและวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของตลาดรถยนต์ไทยมาอย่างต่อเนื่อง และในปี 2025 นี้ ถือเป็นอีกหมุดหมายสำคัญที่อุตสาหกรรมกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาส ผู้บริโภคมีความต้องการที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยขั้นสูง การเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อ ไปจนถึงการออกแบบที่สะท้อนไลฟ์สไตล์ส่วนตัวอย่างชัดเจน ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมด้วยการเปิดตัวยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับปี 2026 ซึ่งพร้อมที่จะเข้ามาพลิกโฉมและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาด ไม่ว่าจะเป็น Mitsubishi Xpander HEV 2026, Mitsubishi Xpander Cross HEV 2026 ที่มาพร้อมเทคโนโลยีไฮบริดล้ำสมัย และ Mitsubishi Triton Street 2026 รถกระบะไลฟ์สไตล์ที่ผสานความสปอร์ตเข้ากับความแกร่งได้อย่างลงตัว นี่ไม่ใช่เพียงการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ แต่คือการประกาศวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการส่งมอบประสบการณ์การขับขี่และการใช้ชีวิตที่เหนือกว่าให้กับคนไทย
มิตซูบิชิ XPANDER HEV และ XPANDER CROSS HEV 2026 – นิยามใหม่ของรถยนต์ MPV ไฮบริดสำหรับครอบครัวยุคใหม่
ในยุคที่ผู้คนมองหารถยนต์อเนกประสงค์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งในชีวิตประจำวันและการเดินทางพักผ่อนกับครอบครัว Mitsubishi Xpander ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดรถยนต์ MPV 7 ที่นั่ง และสำหรับรุ่นปี 2026 นี้ มิตซูบิชิได้ยกระดับไปอีกขั้นด้วยการผสานเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฮบริด (HEV) เข้ามาอย่างลงตัว ทำให้ Xpander HEV 2026 และ Xpander Cross HEV 2026 กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยยังคงคุณสมบัติเด่นของรถยนต์ครอบครัวไว้อย่างครบครัน
วิวัฒนาการสู่ระบบขับเคลื่อนไฮบริด (HEV): ก้าวสำคัญสู่ยานยนต์ไฟฟ้า
หัวใจสำคัญที่ทำให้ Mitsubishi Xpander HEV และ Xpander Cross HEV รุ่นปี 2026 โดดเด่นเหนือคู่แข่งคือระบบขับเคลื่อนไฮบริดอัจฉริยะ การนำเทคโนโลยีไฮบริดเข้ามาใช้ในรถยนต์ MPV ถือเป็นการตอบสนองต่อเทรนด์โลกและพฤติกรรมผู้บริโภคในไทยที่ตระหนักถึงความสำคัญของการประหยัดพลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ระบบ HEV ของมิตซูบิชิได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การขับขี่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด มอบพละกำลังที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องการการออกตัวที่นุ่มนวลและเงียบ หรือการเดินทางไกลที่ต้องการอัตราเร่งแซงที่มั่นใจ นอกจากนี้ ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงลงได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ในยุคที่ราคาน้ำมันยังคงผันผวน การผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้รถสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดทั้งด้านพละกำลังและการประหยัดน้ำมัน
การออกแบบที่สะท้อนอนาคตและเอกลักษณ์ “Dynamic Shield” ที่เหนือชั้น
รูปลักษณ์ภายนอกของ Mitsubishi Xpander HEV และ Xpander Cross HEV 2026 ได้รับการปรับโฉมให้มีความโฉบเฉี่ยวและล้ำสมัยยิ่งขึ้น โดยยังคงเอกลักษณ์การออกแบบ Dynamic Shield อันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิไว้ แต่มีการปรับปรุงให้ดูดุดันและพรีเมียมมากขึ้น กระจังหน้าและกันชนดีไซน์ใหม่เป็นสีดำสนิท พร้อมกรอบตกแต่งไฟหน้ารมดำที่ช่วยเสริมลุคเท่และดุดัน ไฟตัดหมอก LED และไฟท้าย LED ดีไซน์ Smoke ไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเวลากลางคืนหรือในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ล่าสุด ยังเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ช่วยเติมเต็มความสปอร์ตและความทันสมัยให้กับตัวรถได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สำหรับสีสันที่เลือกได้นั้น Xpander HEV 2026 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเงิน (Blade Silver), สีเทา (Graphite Grey) และสีขาวหลังคาดำ (White Diamond with Black Roof) ซึ่งสีทูโทนนี้เพิ่มราคาเพียง 15,000 บาท ส่วน Xpander Cross HEV 2026 มีทางเลือก 4 สี ได้แก่ สีเทา (Graphite Grey), สีดำ (Jet Black Mica), สีขาวหลังคาดำ (White Diamond with Black Roof) และสีเขียวหลังคาดำ (Green Bronze with Black Roof) ซึ่งรุ่นหลังคาดำเช่นกัน จะมีราคาเพิ่ม 15,000 บาท การมีตัวเลือกสีที่หลากหลายและทันสมัย ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกสีที่สะท้อนบุคลิกและไลฟ์สไตล์ของตนเองได้อย่างเต็มที่
ภายในห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง: มิติใหม่แห่งความสะดวกสบายและอเนกประสงค์
เมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสารของ Xpander HEV และ Xpander Cross HEV 2026 จะสัมผัสได้ถึงความกว้างขวางและความสะดวกสบายที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน สำหรับ Xpander HEV ภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและทันสมัย ขณะที่ Xpander Cross HEV มาพร้อมกับการตกแต่งโทนสีน้ำตาล-ดำ ที่ให้ความรู้สึกหรูหราและอบอุ่นมากขึ้น เหมาะสำหรับการเดินทางกับครอบครัว เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ไม่เพียงแต่ให้ความสบาย แต่ยังมาพร้อมคุณสมบัติพิเศษ “Heat Guard” ที่ช่วยสะท้อนความร้อน ทำให้ห้องโดยสารเย็นสบายแม้ในสภาพอากาศร้อนจัดของประเทศไทย ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ผู้ใช้รถยนต์ในไทยจะชื่นชอบเป็นพิเศษ
จุดเด่นอีกประการคือพื้นที่ห้องโดยสารขนาดใหญ่ 7 ที่นั่ง ที่สามารถปรับพับได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อรองรับการใช้งานที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการโดยสารผู้โดยสารจำนวนมาก หรือการขนสัมภาระชิ้นใหญ่ ระบบปรับพับเบาะที่ยืดหยุ่นนี้เป็นสิ่งที่ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญมองว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ MPV ที่แท้จริง นอกจากนี้ ความปลอดภัยของผู้โดยสารยังเป็นสิ่งที่มิตซูบิชิให้ความสำคัญสูงสุด ด้วยการติดตั้งถุงลมนิรภัยถึง 6 ตำแหน่ง ครอบคลุมผู้โดยสารทุกที่นั่ง มอบความมั่นใจและอุ่นใจในทุกการเดินทาง
เทคโนโลยีและความปลอดภัยอัจฉริยะ “Diamond Sense 360 องศา”
มิตซูบิชิได้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยใน Xpander HEV และ Xpander Cross HEV 2026 ด้วยระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ “Diamond Sense 360 องศา” ที่ได้รับการติดตั้งมาอย่างครบครัน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ระบบเหล่านี้รวมถึง:
ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert – RCTA): ช่วยแจ้งเตือนเมื่อมีรถยนต์หรือวัตถุเคลื่อนที่ผ่านด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในลานจอดรถที่มีการจราจรพลุกพล่าน
ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Blind Spot Warning with Lane Change Assist – BSW with LCA): ช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่บนถนนที่มีหลายเลน
ระบบเตือนการออกนอกเลน (Lane Departure Warning – LDW): ช่วยเตือนผู้ขับขี่เมื่อรถเริ่มเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากความเหนื่อยล้าหรือเสียสมาธิ
กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor): มีเฉพาะในรุ่น XPANDER CROS HEV 2026 ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพรอบตัวรถได้ 360 องศา ทำให้การจอดรถหรือขับขี่ในพื้นที่แคบเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ในด้านความบันเทิงและการเชื่อมต่อ ห้องโดยสารมาพร้อมกับเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay & Android Auto แบบไร้สาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลได้อย่างลงตัว ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย เพื่อเข้าถึงแอปพลิเคชันนำทาง เพลง หรือการสื่อสารต่างๆ ได้โดยไม่มีสะดุด
ราคาที่จับต้องได้สำหรับเทคโนโลยีล้ำสมัย
สำหรับราคาจำหน่าย Mitsubishi Xpander HEV 2026 อยู่ที่ 939,000 บาท ส่วน Mitsubishi Xpander Cross HEV 2026 มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 969,000 บาท เมื่อพิจารณาจากเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่ล้ำสมัย ดีไซน์ที่โดดเด่น ภายในที่กว้างขวางสะดวกสบาย และระบบความปลอดภัยระดับสูงที่จัดเต็มมาให้ ผมมองว่านี่คือราคาที่สมเหตุสมผลและคุ้มค่าอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ MPV ไฮบริด 7 ที่นั่ง ที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าและตอบโจทย์ทุกการใช้งานของครอบครัวยุคใหม่ได้อย่างลงตัว
มิตซูบิชิ TRITON STREET 2026 – รถกระบะไลฟ์สไตล์ตัวเตี้ยที่ผสานความสปอร์ตและความแกร่ง
นอกเหนือจากรถยนต์ MPV ไฮบริด มิตซูบิชิยังคงไม่ทิ้งตลาดรถกระบะ ซึ่งเป็นตลาดสำคัญในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัว Mitsubishi Triton Street 2026 (เมกะ แค็บ ตัวเตี้ย) ที่มาพร้อมกับแนวคิดใหม่ในการนำเสนอรถกระบะที่ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือในการทำงาน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ นี่คือรถกระบะที่ผสมผสานความสปอร์ตเข้ากับความแข็งแกร่งได้อย่างลงตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถกระบะที่พร้อมลุยงาน แต่ยังคงความเท่และไม่เหมือนใครในทุกการเดินทาง
การกำเนิดของ “Street” – การตอบโจทย์คนเมืองและนักแต่ง
Mitsubishi Triton Street 2026 ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหารถกระบะที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง ไม่ใช่แค่รถกระบะทั่วไป แต่เป็นรถที่สะท้อนถึงความเร็ว ความคล่องตัว และความสปอร์ต การตกแต่งกระจังหน้าดีไซน์สปอร์ต และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ที่ติดตั้งมาให้จากโรงงาน ทำให้ Triton Street มีความโดดเด่นและดึงดูดสายตาตั้งแต่แรกเห็น โดยไม่ต้องนำไปตกแต่งเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความสำเร็จรูปแต่ดูดีมีสไตล์
สีสันที่มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว (Solid White), สีเงิน (Blade Silver) และสีเทา (Graphite Grey) โดยสำหรับสีเงินและสีเทาจะเพิ่มราคา 7,000 บาท การเลือกใช้สีที่เรียบง่ายแต่คลาสสิก ทำให้รถดูสปอร์ตและทันสมัยอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือออกเดินทางไปตามเส้นทางต่างๆ
โครงสร้างแชสซีส์ “MEGA FRAME” – แกร่งทนทาน แต่น้ำหนักเบา
หัวใจสำคัญที่ทำให้ Mitsubishi Triton Street 2026 แข็งแกร่งและมีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมคือโครงสร้างแชสซีส์ “MEGA FRAME” ขนาดใหญ่ ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ แต่ในขณะเดียวกันก็มีน้ำหนักเบา การออกแบบโครงสร้างที่แข็งแกร่งนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่และรองรับการบรรทุกได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะใช้งานในเชิงพาณิชย์ หรือใช้เป็นรถส่วนตัวสำหรับขนของอเนกประสงค์ นอกจากนี้ น้ำหนักที่เบาลงยังส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน และความคล่องตัวในการขับขี่ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับรถกระบะในปัจจุบัน
เครื่องยนต์ดีเซลประหยัดน้ำมัน: พลังที่ตอบสนองและคุ้มค่า
Mitsubishi Triton Street 2026 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลที่ได้รับการพิสูจน์แล้วถึงความประหยัดน้ำมันและพละกำลังที่ตอบสนองได้ทันใจ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นพละกำลังที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความคล่องตัว หรือการเดินทางระยะไกลที่ต้องการอัตราเร่งแซงที่มั่นใจ เครื่องยนต์ดีเซลของมิตซูบิชิขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและการบำรุงรักษาที่ไม่ยุ่งยาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ใช้รถกระบะในไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่ง และในยุคที่ต้นทุนการดำเนินงานเป็นสิ่งสำคัญ ความประหยัดน้ำมันของ Triton Street จึงเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่ไม่ควรมองข้าม
ภายในห้องโดยสารโทนดำ: สปอร์ต ทันสมัย และฟังก์ชันครบครัน
ภายในห้องโดยสารของ Mitsubishi Triton Street 2026 ถูกออกแบบมาในโทนสีดำที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและทันสมัย แม้จะเป็นรถกระบะตอนเดียว แต่ก็ยังคงให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและเทคโนโลยีที่จำเป็น หน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 10 นิ้ว ที่รองรับ Apple CarPlay & Android Auto ช่วยให้การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเป็นไปอย่างราบรื่น ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงระบบนำทาง เพลง หรือแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เพิ่มความเพลิดเพลินและความสะดวกสบายในการเดินทาง ไม่ว่าจะสำหรับวันทำงานที่ต้องเดินทางยาวนาน หรือวันพักผ่อนกับกิจกรรมกลางแจ้ง
ระบบความปลอดภัย “Forward Collision Mitigation (FCM) with Pedestrian Detection”
สิ่งที่ทำให้ Mitsubishi Triton Street 2026 ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นคือการติดตั้งระบบความปลอดภัยเชิงรุกที่ทันสมัย นั่นคือระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว และระบบตรวจจับคนเดินถนน (Forward Collision Mitigation with Pedestrian Detection – FCM) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่สำคัญและมักพบในรถยนต์รุ่นท็อปเท่านั้น การที่มิตซูบิชินำระบบนี้มาเป็นมาตรฐานใน Triton ทุกรุ่น รวมถึง Triton Street ด้วย แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการส่งมอบความปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้ใช้รถยนต์ ระบบ FCM นี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันกับรถคันอื่นหรือคนเดินถนน มอบความมั่นใจในทุกสภาพถนนและการใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็นวันทำงานหรือวันพักผ่อน
สำหรับราคาจำหน่าย Mitsubishi Triton Street 2026 อยู่ที่ 649,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เข้าถึงได้สำหรับรถกระบะที่มีทั้งดีไซน์สปอร์ต สมรรถนะที่แข็งแกร่ง และระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการรถกระบะไลฟ์สไตล์ที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้
การวิเคราะห์ตลาดและวิสัยทัศน์ของมิตซูบิชิสำหรับปี 2025-2026
ในปี 2025 ตลาดรถยนต์ไทยยังคงเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง แต่ก็เต็มไปด้วยโอกาสสำหรับแบรนด์ที่สามารถปรับตัวและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง การที่มิตซูบิชิเลือกที่จะนำเสนอ Mitsubishi Xpander HEV และ Xpander Cross HEV 2026 สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจในเทรนด์โลกและทิศทางของยานยนต์ในอนาคตที่มุ่งสู่การใช้พลังงานทางเลือก การลงทุนในเทคโนโลยีไฮบริดเป็นการวางรากฐานที่สำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบในอนาคต โดยยังคงรักษาจุดแข็งด้านความอเนกประสงค์ของรถยนต์ MPV 7 ที่นั่ง ซึ่งเป็นที่ต้องการของครอบครัวไทย
ขณะเดียวกัน การเปิดตัว Mitsubishi Triton Street 2026 ก็เป็นการสร้างเซ็กเมนต์ใหม่ในตลาดรถกระบะ ที่เน้นความสปอร์ตและไลฟ์สไตล์ควบคู่ไปกับความสามารถในการใช้งานเชิงพาณิชย์ มิตซูบิชิเข้าใจดีว่ารถกระบะในปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะสำหรับงานหนักอีกต่อไป แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของภาพลักษณ์และตัวตนของผู้ขับขี่ การนำเสนอระบบความปลอดภัยขั้นสูงอย่าง FCM เข้ามาเป็นมาตรฐานในรถกระบะทุกรุ่น ตอกย้ำถึงความรับผิดชอบของแบรนด์ในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้กับยานยนต์ทุกประเภท
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่ากลยุทธ์ของมิตซูบิชิในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและตอบโจทย์แต่ละกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจนนี้ เป็นสิ่งที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ครอบครัวที่เน้นความประหยัดและความปลอดภัย หรือรถกระบะที่ผสมผสานความสปอร์ตและความแกร่งได้อย่างลงตัว มิตซูบิชิกำลังตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ คุ้มค่า และนำสมัย พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอนาคตของยานยนต์ไทย
บทสรุปและคำเชิญชวน
Mitsubishi Xpander HEV 2026, Mitsubishi Xpander Cross HEV 2026 และ Mitsubishi Triton Street 2026 ไม่ใช่แค่รถยนต์รุ่นใหม่ แต่คือคำตอบของมิตซูบิชิสำหรับอนาคตของยานยนต์ที่ผสานเทคโนโลยี ความปลอดภัย และไลฟ์สไตล์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ไม่ว่าคุณจะเป็นครอบครัวที่กำลังมองหารถยนต์ MPV ไฮบริด 7 ที่นั่งที่ประหยัดน้ำมัน ปลอดภัย และอเนกประสงค์ หรือเป็นผู้ที่ชื่นชอบรถกระบะที่มีดีไซน์สปอร์ต แข็งแกร่ง และเปี่ยมด้วยสมรรถนะ ผมมั่นใจว่ายนตรกรรมทั้งสามรุ่นนี้จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือความคาดหมายและตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ
โอกาสอันดีที่สุดในการสัมผัสและเป็นเจ้าของนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตเหล่านี้กำลังรอคุณอยู่ อย่าพลาดที่จะมาสัมผัสยนตรกรรมทั้งสองโมเดลใหม่และรุ่นอื่นๆ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษสุดคุ้มอีกมากมาย ได้ที่บูธมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย (A17) ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 (Thailand International Motor Expo 2025) ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่ายมิตซูบิชิ ทั่วประเทศ และเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย อย่าพลาดโอกาสเป็นเจ้าของนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต!

