BMW M5 ใหม่ ปี 2025: สี่สิบปีแห่งตำนาน บทใหม่ของสุดยอดยนตรกรรมไฮบริดสมรรถนะสูง
ในปี 2025 ที่โลกยานยนต์กำลังก้าวเข้าสู่ยุคของการผสานรวมระหว่างพลังงานไฟฟ้าและสมรรถนะสูงสุด BMW M5 เจเนอเรชั่นที่ 7 ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อสืบสานตำนาน 40 ปีของรถซีดานตัวแรงระดับไอคอนิค ด้วยการพลิกโฉมนำเทคโนโลยี M HYBRID มาปรับใช้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของตระกูล M5 การมาถึงของรุ่นใหม่นี้ไม่ใช่แค่การอัปเกรด แต่คือการปฏิวัตินิยามของรถยนต์สมรรถนะสูงที่ยังคงไว้ซึ่ง DNA ความเป็น M อย่างเต็มเปี่ยม แต่เพิ่มเติมมิติใหม่แห่งพลังงานและประสิทธิภาพที่เหนือชั้นกว่าเคย
ราคาและรุ่นจำหน่าย: ความคุ้มค่าในมิติของสุดยอดสมรรถนะ
สำหรับผู้ที่หลงใหลในยนตรกรรมระดับพรีเมียมที่ผสมผสานความแรง ความหรูหรา และเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกัน BMW M5 ปี 2025 เสนอทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในตลาดรถยนต์สมรรถนะสูง ด้วยราคาเริ่มต้นที่สะท้อนถึงวิศวกรรมขั้นสูงสุดและประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร
BMW M5 ใหม่ ปี 2025 (รุ่นมาตรฐาน): ราคา 12,999,000 บาท
BMW M5 ใหม่ ปี 2025 (พร้อมเบรกเซรามิก): ราคา 13,699,000 บาท
ราคาข้างต้นนี้ได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard ซึ่งเป็นบริการดูแลบำรุงรักษาขั้นพื้นฐานจาก BMW เพื่อความอุ่นใจในการเป็นเจ้าของ สังเกตว่ารุ่นพร้อมเบรกเซรามิกมีการเพิ่มราคาขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพการหยุดรถสูงสุดภายใต้สภาวะการขับขี่แบบสปอร์ตที่ท้าทาย
หัวใจแห่งพลัง: ขุมพลัง M HYBRID ที่ผสานสองโลกเข้าด้วยกัน
หัวใจสำคัญที่ทำให้ BMW M5 2025 ก้าวล้ำเหนือคู่แข่งอย่างแท้จริงคือเทคโนโลยี M HYBRID ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ นี่คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างขุมพลังสันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้าอันทรงพลัง
เครื่องยนต์สันดาปภายใน: เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.4 ลิตร เทคโนโลยี M TwinPower Turbo อันเลื่องชื่อ ซึ่งให้กำลังสูงสุดถึง 430 กิโลวัตต์ หรือ 585 แรงม้า ด้วยแรงบิดที่มหาศาลตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำ นี่คือเครื่องยนต์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความน่าเชื่อถือและสมรรถนะที่เร้าใจในทุกช่วงความเร็ว
มอเตอร์ไฟฟ้า: เสริมทัพด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์ หรือ 197 แรงม้า การทำงานร่วมกันของสองขุมพลังนี้ได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียดเพื่อให้การส่งกำลังเป็นไปอย่างราบรื่นและทันใจในทุกจังหวะการขับขี่
เมื่อทั้งสองระบบทำงานร่วมกันผ่านเกียร์ M Steptronic 8 จังหวะ ผลลัพธ์ที่ได้คือพละกำลังรวมที่น่าตกตะลึงถึง 535 กิโลวัตต์ หรือ 727 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 1,000 นิวตันเมตร ตัวเลขเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันว่า BMW M5 ใหม่ ไม่ได้เป็นเพียงรถซีดานหรู แต่เป็นรถแข่งที่พร้อมพุ่งทะยานบนท้องถนนได้อย่างไร้ข้อกังขา
สมรรถนะบนท้องถนน: ความเร็ว แรง และความแม่นยำ
ตัวเลขสมรรถนะของ BMW M5 2025 เป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจของผู้รักความเร็วต้องเต้นระรัว
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง: ทำได้ในเวลาเพียง 3.5 วินาที ซึ่งเป็นอัตราเร่งที่รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อสำหรับรถยนต์ซีดานขนาดใหญ่ แสดงให้เห็นถึงการถ่ายทอดกำลังลงสู่พื้นถนนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ความเร็วสูงสุด: ถูกจำกัดไว้ที่ 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมแพ็คเกจ M Driver’s Package ซึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสขีดสุดของสมรรถนะ สามารถปลดล็อกความเร็วสูงสุดนี้ได้ที่ศูนย์บริการบีเอ็มดับเบิลยู หลังจากการขับขี่ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 2,000 กิโลเมตร เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขับขี่มีความคุ้นเคยกับตัวรถอย่างเพียงพอ
สิ่งที่ทำให้ BMW M5 ใหม่ แตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจนคือเทคโนโลยีแชสซีขั้นสูงที่ได้รับการปรับแต่งมาโดยเฉพาะ เพื่อรองรับพละกำลังมหาศาลนี้ ระบบช่วงล่าง Adaptive M ที่สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานได้ตามสภาพถนนและโหมดการขับขี่ ช่วยให้รถมีความนิ่งและเสถียรภาพในทุกความเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือการโลดแล่นบนสนามแข่ง นี่คือความสำเร็จที่ยกระดับสมรรถนะในแบบ M สู่มิติใหม่ของการขับขี่อย่างแท้จริง
นวัตกรรมเสียงและระบบส่งกำลัง: ประสบการณ์ที่เร้าใจทุกโสตสัมผัส
นอกจากพละกำลังที่โดดเด่นแล้ว ระบบ M HYBRID ยังนำเทคโนโลยีสุดล้ำจากรถแข่งแบบ endurance ของบีเอ็มดับเบิลยูมาปรับใช้ เพื่อให้ตัวรถตอบสนองต่อทุกสัมผัสคันเร่งได้อย่างทันท่วงที มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถส่งกำลังได้อย่างรวดเร็วและทำงานผสานกับเครื่องยนต์สันดาปอย่างชาญฉลาด สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ต่อเนื่องและไร้รอยต่อ
ระบบท่อไอเสียแบบสปอร์ต: ผ่านการปรับแต่งมาอย่างประณีตเพื่อมอบเสียงเครื่องยนต์ V8 ที่ทรงพลังและดุดัน สะท้อนถึงสมรรถนะที่ซ่อนอยู่ภายใต้ฝากระโปรงรถ ปลายท่อไอเสียในสี Black Chrome ขนาด 100 มิลลิเมตร ยังช่วยเพิ่มความสะดุดตาและบ่งบอกถึงความเป็นรถสมรรถนะสูงได้อย่างชัดเจน
โหมดขับขี่ไฟฟ้าล้วน: ในโหมดนี้ BMW M5 ใหม่ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ก็ไม่ละทิ้งเอกลักษณ์ของ BMW ด้วยระบบ BMW IconicSounds Electric ที่สร้างสรรค์เสียงเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ ตอบสนองทุกการควบคุม สร้างความเพลิดเพลินในการขับขี่ไม่แพ้โหมดเครื่องยนต์สันดาป
ระบบขับเคลื่อนและช่วงล่าง: การควบคุมที่ไร้ขีดจำกัด
พละกำลังเครื่องยนต์ของ BMW M5 ใหม่ ถูกส่งลงสู่พื้นถนนผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ซึ่งได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษให้เน้นการส่งกำลังไปยังล้อหลังเป็นหลัก เพื่อให้ได้อารมณ์การขับขี่ที่เร้าใจและเป็นธรรมชาติแบบรถขับเคลื่อนล้อหลัง
โหมด 2WD: สำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การขับขี่ที่ดิบและท้าทายที่สุด ผู้ขับขี่สามารถเปิดใช้งานโหมด 2WD เพื่อส่งกำลังไปยังล้อหลังเท่านั้น พร้อมปิดระบบ DSC (Dynamic Stability Control) เพื่อการควบคุมรถที่ฉับไวและเร้าใจ เหมาะสำหรับการขับขี่ในสนามแข่งหรือบนพื้นผิวที่ต้องการทักษะการควบคุมขั้นสูง
พวงมาลัย M Servotronic: ระบบบังคับเลี้ยวที่ตอบสนองอย่างแม่นยำและปรับน้ำหนักได้ตามความเร็ว มอบการควบคุมที่มั่นใจในทุกสถานการณ์
ระบบบังคับเลี้ยวแบบสี่ล้อ Integral Active Steering: ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ และเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ที่ความเร็วสูง ทำให้การเข้าโค้งเป็นไปอย่างราบรื่นและแม่นยำยิ่งขึ้น
ช่วงล่าง Adaptive M: ปรับแต่งมาโดยเฉพาะสำหรับสมรรถนะระดับ M ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถกำหนดลักษณะการขับขี่ของ BMW M5 ใหม่ ได้ในทุกมิติ สามารถเลือกได้ระหว่างการเสริมความสะดวกสบายสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวัน หรือการเน้นสมรรถนะสูงสุดสำหรับการขับขี่แบบสปอร์ต ทำให้ BMW M5 เป็นยนตรกรรมที่ตอบโจทย์ได้หลากหลายการใช้งาน
การออกแบบภายนอก: ความสง่างามที่มาพร้อมความดุดัน
BMW M5 ใหม่ ปี 2025 ไม่เพียงแต่ทรงพลังในด้านสมรรถนะ แต่ยังโดดเด่นด้วยงานออกแบบที่เปี่ยมด้วยความสง่างามในสไตล์สปอร์ตตัวแรง ทุกรายละเอียดถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันเพื่อสะท้อนถึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่
ซุ้มล้อและสเกิร์ตข้าง: ที่เด่นสะดุดตา ช่วยเสริมภาพลักษณ์ความดุดันและช่วยในเรื่องหลักอากาศพลศาสตร์
ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ M: ขนาด 20 นิ้วที่คู่หน้า และ 21 นิ้วที่คู่หลัง ในดีไซน์ Double spoke สีดำ ไม่เพียงแต่ช่วยลดน้ำหนักใต้สปริงเพื่อสมรรถนะที่ดีขึ้น แต่ยังเพิ่มความเท่และดุดันให้กับตัวรถ
กันชนหน้า: มีเส้นสายที่บึกบึน พร้อมช่องดักอากาศขนาดใหญ่ที่ช่วยระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์และระบบเบรก
โลโก้ “M5”: ประทับนูนอยู่บนส่วน Hofmeister kink ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ BMW แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดและความภาคภูมิใจในตระกูล M
ทุกเส้นสายและองค์ประกอบภายนอกถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น บ่งบอกถึงความเป็นยนตรกรรมสมรรถนะสูงที่ผสานความหรูหราและความสปอร์ตเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความงามเชิงศิลปะและวิศวกรรมการออกแบบที่เน้นฟังก์ชันการใช้งาน
การออกแบบภายใน: ห้องโดยสารที่ผสานความหรูหราและเทคโนโลยี
ห้องโดยสารของ BMW M5 ใหม่ ได้รับการตกแต่งด้วยองค์ประกอบที่คัดสรรมาสำหรับรถยนต์ตระกูล M โดยเฉพาะ เพื่อเน้นย้ำถึงบุคลิกหลากมิติที่ผสมผสานความหรูหราและสมรรถนะเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
พวงมาลัยหนัง M ดีไซน์ใหม่: ในรูปทรงตัดขอบล่าง พร้อมปุ่ม M แบบมีไฟส่องสว่าง มอบการควบคุมที่กระชับมือและเข้าถึงฟังก์ชันสำคัญได้อย่างรวดเร็ว
เบาะนั่ง M multifunction: ออกแบบมาเพื่อรองรับสรีระของผู้ขับขี่อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะขับขี่ด้วยความเร็วสูงหรือเดินทางไกล พร้อมวัสดุคุณภาพสูงที่ให้สัมผัสหรูหรา
จอแสดงผลโค้ง BMW Curved Display: ที่รองรับการแสดงข้อมูลเฉพาะสำหรับรถยนต์ตระกูล M เช่น มาตรวัดรอบเครื่องยนต์ M-specific, เกจวัดแรงบูสต์, และข้อมูลระบบ M HYBRID ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งการแสดงผลได้อย่างอิสระ
ระบบควบคุม BMW iDrive เวอร์ชันอัปเกรด: เปิดให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถโต้ตอบกับระบบต่าง ๆ ของรถผ่านการสัมผัสและการสั่งด้วยเสียง เพิ่มความสะดวกสบายและความทันสมัยในการใช้งาน
บรรยากาศภายในห้องโดยสารยังโอ่อ่าและหรูหราด้วยเบาะหนัง Merino ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน ซึ่งให้สัมผัสที่นุ่มนวลและสง่างาม ระบบควบคุม BMW Interaction Bar ที่ผสานการทำงานของระบบปรับอากาศและไฟส่องสว่างเข้ากับการออกแบบภายในอย่างลงตัว ระบบปรับอากาศแบบ 4 โซน ช่วยให้ผู้โดยสารแต่ละคนสามารถปรับอุณหภูมิที่ต้องการได้อย่างอิสระ และชุดไฟห้องโดยสารที่ออกแบบมาพิเศษสำหรับรถยนต์ตระกูล M ช่วยสร้างบรรยากาศที่น่าประทับใจในทุกการเดินทาง
ด้านความสะดวกสบายและความบันเทิง BMW M5 ใหม่ ยังมาพร้อมระบบเสียง Bowers & Wilkins Surround Sound คุณภาพสูง ที่มอบประสบการณ์การฟังเพลงที่คมชัดและสมจริง แท่นชาร์จไร้สายสำหรับสมาร์ทโฟน ระบบ Comfort Access ที่ช่วยให้เข้า-ออกรถได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ และระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานในชีวิตประจำวัน
แผงควบคุมกลางและโหมดการขับขี่: กำหนดสไตล์ในแบบของคุณ
แผงควบคุมบนคอนโซลกลางของ BMW M5 ใหม่ ประกอบด้วยปุ่มควบคุมฟังก์ชันเฉพาะรุ่นมากมายที่พร้อมให้ผู้ขับขี่ใช้ปรับแต่งการทำงานของตัวรถในหลากหลายด้านได้อย่างละเอียด
การปรับแต่งสมรรถนะ: ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดทำงานของเครื่องยนต์ (Engine Mode), ระบบ Drivelogic สำหรับเกียร์, การตั้งค่าช่วงล่าง (Suspension), พวงมาลัย (Steering), เบรก (Brakes), หรือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ได้อย่างอิสระ เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการและสไตล์การขับขี่ในแต่ละสถานการณ์
ระดับการทำงานของระบบสร้างพลังงานคืนจากเบรก (Brake Energy Regeneration): ผู้ขับขี่ยังสามารถปรับระดับการดึงพลังงานคืนจากระบบเบรก ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและชาร์จแบตเตอรี่ในระบบไฮบริด
ปุ่ม M บนพวงมาลัย: ผู้ขับขี่สามารถบันทึกการตั้งค่าเป็นพรีเซ็ตได้สองแบบ (M1 และ M2) เพื่อเรียกใช้งานได้ทันทีผ่านปุ่ม M บนพวงมาลัย ทำให้การเปลี่ยนโหมดการขับขี่เป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนจากโหมดขับขี่ปกติไปสู่โหมดสปอร์ตขั้นสุด
โหมดการขับขี่และการปรับแต่งระบบช่วยขับขี่:
โหมด ROAD: เป็นโหมดมาตรฐานที่ให้ความสะดวกสบายและความปลอดภัยสูงสุด ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ทั้งหมดจะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่นและผ่อนคลาย
โหมด SPORT: เมื่อเปลี่ยนเป็นโหมด SPORT ระบบจะจำกัดการทำงานของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ให้เหลือเฉพาะระบบที่จำเป็น เพื่อรีดเอาความสปอร์ตขั้นสุดออกมา รวมถึงการปรับรูปแบบการแสดงผลบนหน้าจอให้เป็นแบบ M-specific ที่เน้นข้อมูลด้านสมรรถนะ
ปุ่ม DSC และ M Dynamic Mode: เมื่อกดปุ่ม DSC ตัวรถจะเปิดใช้งาน M Dynamic Mode ซึ่งเป็นโหมดที่ระบบ DSC ยังคงช่วยควบคุมระบบเบรกและลดกำลังเครื่องยนต์บ้างเล็กน้อย เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสถึงขีดจำกัดของรถได้มากขึ้น แต่ยังคงมีระบบช่วยบางส่วน ผู้ขับขี่ยังสามารถเลือกปิดการทำงาน DSC โดยสมบูรณ์เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่บริสุทธิ์และท้าทายที่สุด
ระบบ M Drive Professional: เปิดให้ผู้ขับขี่เลือกโหมด TRACK ซึ่งเป็นโหมดสูงสุดสำหรับการขับขี่ในสนามแข่ง ในโหมดนี้ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่จะถูกปิดการทำงานทั้งหมด (ยกเว้นระบบที่จำเป็นจริงๆ) และเปิดใช้งานฟีเจอร์เพิ่มเติมที่เน้นการขับขี่ที่ระดับสมรรถนะสูงสุดอย่าง M Laptimer สำหรับบันทึกเวลาต่อรอบ และ Boost Control ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการออกตัวและเร่งความเร็ว
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย: มั่นใจทุกเส้นทาง
BMW M5 ใหม่ ยกระดับความมั่นใจและความสะดวกสบายในการขับขี่ประจำวันขึ้นไปอีกขั้น ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบช่วยจอดอัตโนมัติที่หลากหลายยิ่งขึ้น พร้อมระบบมาตรฐานที่ครบเครื่อง
ระบบ Driving Assistance Professional:
ระบบเตือนการชนด้านหน้า: ช่วยลดความเสี่ยงของการชนท้าย
ระบบเตือนการออกนอกเลน: สามารถพารถกลับเข้าเลนด้วยการช่วยบังคับพวงมาลัย
ระบบช่วยหลบหลีกสิ่งกีดขวาง: ช่วยให้ผู้ขับขี่หลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างปลอดภัยในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ระบบตรวจจับความตื่นตัวของผู้ขับขี่: ช่วยเตือนเมื่อผู้ขับขี่มีอาการอ่อนล้าหรือเสียสมาธิ
ระบบแสดงความเร็วจำกัด: แสดงข้อมูลความเร็วสูงสุดที่อนุญาตบนป้ายจราจร ช่วยให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎจราจร
ฟังก์ชัน Parking Assistant Professional และ Reversing Assistant: จะช่วยให้ผู้ขับขี่จัดการกับทุกพื้นที่จอดรถได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าจอดแบบขนานหรือเข้าซอง และยังช่วยถอยรถออกจากพื้นที่แคบๆ ได้อย่างแม่นยำ
ปุ่ม M Hybrid: การจัดการพลังงานอัจฉริยะ
ปุ่ม M Hybrid ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในรุ่นนี้ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการทำงานของระบบไฮบริดได้อย่างชาญฉลาด เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่และความต้องการในการใช้พลังงาน
โหมด HYBRID: เป็นโหมดมาตรฐานที่ผสมผสานพละกำลังจากเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างชาญฉลาด เพื่อเสริมทั้งความประหยัดพลังงานและสมรรถนะให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ในแต่ละขณะ ระบบจะตัดสินใจเลือกใช้พลังงานจากแหล่งใดแหล่งหนึ่ง หรือทั้งสองแหล่งร่วมกัน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
โหมด ELECTRIC: ในโหมดนี้ รถจะใช้งานเครื่องยนต์สันดาปเฉพาะเมื่อผู้ขับเหยียบคันเร่งจนสุด หรือใช้แป้นเปลี่ยนเกียร์เท่านั้น เหมาะสำหรับการขับขี่ในเขตเมืองที่ต้องการความเงียบสงบและการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์
โหมด eCONTROL: เน้นการดึงพลังงานคืนจากระบบเบรก (Brake Energy Regeneration) เพื่อรักษาระดับแบตเตอรี่ให้คงที่ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาระดับประจุแบตเตอรี่ไว้สำหรับการใช้งานในโหมดไฟฟ้าล้วนในภายหลัง
BMW M5 ปี 2025 ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ที่เร็วและแรงเท่านั้น แต่ยังเป็นยนตรกรรมที่รวบรวมเทคโนโลยีล้ำสมัย ความหรูหรา และความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ มันคือบทใหม่ของตำนาน 40 ปี ที่พร้อมจะสร้างนิยามใหม่ให้กับรถยนต์สมรรถนะสูงในยุคไฮบริด และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าความคาดหมายในทุกมิติ นี่คือสุดยอดยนตรกรรมที่แท้จริงสำหรับปี 2025 ที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ที่ชื่นชอบความเร็วและผู้ที่มองหายานพาหนะที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและความสะดวกสบาย.

