สัมผัสวิสัยทัศน์แห่งอนาคต: เจาะลึกยนตรกรรม Top-End Luxury จาก Mercedes-Benz ในปี 2025
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์หรูมานานกว่าทศวรรษ ผมกล้าพูดได้เลยว่าไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่น่าตื่นเต้นและท้าทายเท่าปัจจุบันอีกแล้ว ตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมกำลังปรับเปลี่ยนไปสู่ทิศทางใหม่ที่ชัดเจน ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยี ความยั่งยืน และประสบการณ์เฉพาะบุคคล Mercedes-Benz แบรนด์ดาวสามแฉกที่อยู่คู่กับคำว่า “ความหรูหรา” มาอย่างยาวนาน ก็ไม่เคยหยุดนิ่งในการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า การจัดงาน “The Art of Cultivated Luxury” ในปี 2025 นี้ ถือเป็นการตอกย้ำถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของแบรนด์ ด้วยการเปิดตัวยนตรกรรมระดับ Top-End Luxury รวมกว่า 6 รุ่น ที่ไม่ใช่แค่การเปิดตัวรถยนต์ใหม่ แต่เป็นการประกาศถึงอนาคตของ ยานยนต์ไฟฟ้าหรู และ ความเหนือระดับที่ไม่เหมือนใคร ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ที่แสวงหา ความเป็นเลิศในทุกมิติ
ในบทความนี้ ผมจะพาคุณเจาะลึกถึงเบื้องหลังและนัยยะสำคัญของการเปิดตัวครั้งนี้ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่มองเห็นทั้งภาพรวมของตลาด รถหรูไทย 2025 และรายละเอียดอันซับซ้อนของแต่ละรุ่น มาดูกันว่า Mercedes-Benz กำลังจะนำพาเราไปสู่ทิศทางใดในโลกของยานยนต์ระดับไฮเอนด์
แนวโน้มตลาดรถยนต์หรูในปี 2025: ความหรูหราที่ยั่งยืนและเชื่อมต่อไร้รอยต่อ
ก่อนที่เราจะดำดิ่งสู่รายละเอียดของแต่ละรุ่น สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจบริบทของตลาด รถยนต์หรู ในปี 2025 ผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ได้มองหาเพียงแค่ความสะดวกสบายหรือสถานะทางสังคมจากรถยนต์อีกต่อไป แต่พวกเขากำลังมองหา:
ความยั่งยืนและความรับผิดชอบ: รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% และ Plug-in Hybrid (PHEV) ไม่ได้เป็นเพียงทางเลือก แต่เป็นความคาดหวัง การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมกลายเป็นส่วนหนึ่งของภาพลักษณ์ที่หรูหรา
ประสบการณ์เฉพาะบุคคล: การปรับแต่งได้ตามใจ (Customization) และเทคโนโลยีที่เข้าใจผู้ใช้งาน (Personalized AI) คือหัวใจสำคัญ ห้องโดยสารที่ตอบสนองความรู้สึกและไลฟ์สไตล์คือสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
การเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อ: จาก Smart Home สู่ Smart Car ทุกอย่างต้องทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ระบบ Infotainment ที่ล้ำสมัยและการเชื่อมต่อ 5G คือมาตรฐาน
สมรรถนะที่เหนือชั้นแต่เข้าถึงง่าย: พละกำลังมหาศาลต้องมาพร้อมกับการขับขี่ที่นุ่มนวล ปลอดภัย และใช้งานง่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นในเมืองหรือบนเส้นทางออฟโรด
การลงทุนที่คุ้มค่า: ในยุคที่เศรษฐกิจมีความผันผวน การตัดสินใจซื้อ ยนตรกรรมระดับพรีเมียม เป็นการพิจารณาถึงมูลค่าเพิ่มในระยะยาว ทั้งในด้านการใช้งานและมูลค่าในตลาดมือสอง
การเปิดตัวยนตรกรรมทั้ง 6 รุ่นนี้ สะท้อนให้เห็นว่า Mercedes-Benz ได้ศึกษาและตอบสนองต่อเทรนด์เหล่านี้ได้อย่างลึกซึ้ง พวกเขากำลังกำหนดนิยามใหม่ของ “ความหรูหรา” ที่ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงรสนิยม แต่ยังรวมถึงความรับผิดชอบและวิสัยทัศน์แห่งอนาคต
Mercedes-Maybach EQS 680 SUV: ที่สุดแห่งยานยนต์ไฟฟ้าหรูเหนือระดับ
เมื่อพูดถึง Maybach เราจะนึกถึงความสง่างาม ความประณีต และความหรูหราที่ไร้ขีดจำกัด การที่ Mercedes-Maybach ก้าวเข้าสู่โลกของ รถยนต์ไฟฟ้า ด้วยรุ่น EQS 680 SUV ถือเป็นการประกาศจุดยืนที่ชัดเจนว่าความหรูหราสามารถไปคู่กับความยั่งยืนได้อย่างสมบูรณ์แบบ นี่คือ รถ SUV หรู พลังงานไฟฟ้า 100% คันแรกภายใต้แบรนด์ Maybach ที่เข้ามาเขย่าวงการ รถยนต์ไฟฟ้าหรู อย่างแท้จริง
จากประสบการณ์ของผม การสร้างสรรค์รถยนต์ไฟฟ้าในเซกเมนต์นี้ไม่ใช่แค่การนำแบตเตอรี่มายัดใส่ แต่เป็นการออกแบบใหม่ทั้งหมดเพื่อดึงศักยภาพของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าออกมาให้ได้มากที่สุด EQS 680 SUV ตอบโจทย์การใช้งานอันเหนือระดับอย่างแท้จริง ด้วยราคาเริ่มต้น 12,500,000 บาท มันไม่ใช่แค่ยานพาหนะ แต่คือประสบการณ์
สิ่งที่โดดเด่น:
ความเงียบสงบอันเป็นเอกลักษณ์: ด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ห้องโดยสารจึงเงียบสนิท ไร้การสั่นสะเทือน ให้ความรู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่เหนือพื้นโลก นี่คือความหรูหราที่แท้จริง
ดีไซน์ที่ผสมผสานความคลาสสิกและอนาคต: เส้นสายที่พลิ้วไหวของ EQS ผสานกับเอกลักษณ์ของ Maybach ทั้งกระจังหน้า โลโก้ และการตกแต่งภายในที่ใช้หนัง Nappa คุณภาพสูงสุด ลวดลาย Maybach และวัสดุที่คัดสรรมาอย่างดี ทำให้ทุกสัมผัสคือความพิเศษ
เทคโนโลยี MBUX Hyperscreen: หน้าจอขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่หน้าคอนโซลเกือบทั้งหมด พร้อมระบบ AI ที่เรียนรู้พฤติกรรมผู้ขับขี่และผู้โดยสาร มอบความบันเทิงและการเชื่อมต่อที่ไร้ขีดจำกัด
สมรรถนะอันทรงพลังแต่ราบรื่น: แม้จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่ Maybach ไม่เคยทิ้งเรื่องพละกำลัง การเร่งแซงที่นุ่มนวลแต่ฉับไว คือหัวใจของการเดินทางอันไร้กังวลสำหรับผู้บริหารระดับสูง
ความสะดวกสบายของผู้โดยสารด้านหลัง: จุดเด่นของ Maybach คือการสร้างสรรค์ประสบการณ์ชั้นหนึ่งสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง เบาะนั่ง Executive พร้อมฟังก์ชันนวด ระบบปรับอากาศแยกโซน และจอ Infotainment ส่วนตัว คือมาตรฐานที่เหนือกว่า
EQS 680 SUV ไม่ใช่แค่รถ แต่คือคำตอบสำหรับอนาคตของ ยานยนต์ไฟฟ้าหรู ที่ผู้บริหารระดับสูงในประเทศไทยกำลังมองหา มันคือสัญลักษณ์ของความสำเร็จที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบต่อโลก
Mercedes-Maybach S 580 e Premium: ความสง่างามสองโลกที่ลงตัว
ในขณะที่โลกกำลังมุ่งสู่ยุค EV เต็มตัว แต่ความต้องการ รถยนต์ซีดานหรู ที่ผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับเทคโนโลยี Plug-in Hybrid (PHEV) ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในตลาดอย่างประเทศไทยที่โครงสร้างพื้นฐาน EV ยังอยู่ในช่วงพัฒนา Mercedes-Maybach S 580 e Premium จึงเป็นคำตอบที่ชาญฉลาด ด้วยราคาเริ่มต้น 11,300,000 บาท
การกลับมาพร้อมตัวถังสีทูโทนใหม่ แบบ Local Production (ผลิตในประเทศ) เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง นี่ไม่ใช่แค่การลดต้นทุน แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Mercedes-Benz ในการตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้าชาวไทยได้อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น
สิ่งที่โดดเด่น:
ดีไซน์ทูโทนอันเป็นเอกลักษณ์: สีทูโทนคือสัญลักษณ์ของ Maybach มาช้านาน การนำกลับมาใช้อีกครั้งใน S 580 e Premium ช่วยเสริมความสง่างามและโดดเด่นบนท้องถนนได้อย่างแท้จริง
การผสานพลังงานไฮบริดที่ไร้รอยต่อ: ระบบ Plug-in Hybrid ของ Mercedes-Benz ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ให้ทั้งประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันและความสามารถในการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนในระยะที่น่าพอใจ เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองใหญ่
ห้องโดยสารที่ประณีตถึงขีดสุด: ภายในยังคงรักษามาตรฐาน Maybach ไว้ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งที่ออกแบบมาเพื่อความสบายสูงสุด วัสดุตกแต่งที่หรูหรา และงานฝีมือที่ละเอียดอ่อน ทุกรายละเอียดล้วนบ่งบอกถึงความเอาใจใส่
ความเงียบสงบและนุ่มนวล: แม้จะเป็นเครื่องยนต์สันดาปผสมไฟฟ้า แต่ระบบเก็บเสียงและการลดแรงสั่นสะเทือนของ S-Class ผสมกับ Maybach ทำให้ห้องโดยสารยังคงเป็นโอเอซิสแห่งความสงบ
เทคโนโลยีความปลอดภัยและผู้ช่วยขับขี่ขั้นสูง: S-Class ขึ้นชื่อเรื่องระบบความปลอดภัย การันตีการเดินทางที่อุ่นใจในทุกเส้นทาง
สำหรับผู้ที่ยังคงหลงใหลในความคลาสสิกของเครื่องยนต์สันดาป แต่ต้องการก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานสะอาด Maybach S 580 e Premium คือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ เป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกเก่าและโลกใหม่ได้อย่างไร้ที่ติ และการผลิตในประเทศยังเป็นสัญญาณที่ดีถึงการเข้าถึงและบริการหลังการขายในอนาคต
Mercedes-Benz G-Class: ตำนานที่ส่งต่อด้วยพลังงานไฟฟ้าและดีเซล
G-Class หรือ “King of Off-Road” คือสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง สมรรถนะ และมรดกอันยาวนานกว่า 45 ปี การที่ Mercedes-Benz กล้าที่จะนำ G-Class เข้าสู่โลกของ รถยนต์ไฟฟ้า ด้วย G 580 with EQ Technology ถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ แต่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่านี่คือการรักษาคุณค่าของแบรนด์และตอบสนองเทรนด์อนาคตอย่างแท้จริง
Mercedes-Benz G 580 with EQ Technology: “King of Off-Road” ในยุคไฟฟ้า
นี่คือครั้งแรกที่เราจะได้เห็นตำนาน Off-Road ผสานกับพลังงานไฟฟ้า 100% G 580 with EQ Technology มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว ให้แรงบิดสูงสุดถึง 1,164 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุดของแบรนด์ แรงบิดมหาศาลนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อความเร็วบนถนนเรียบเท่านั้น แต่เป็นกุญแจสำคัญในการพิชิตทุกอุปสรรคบนเส้นทางออฟโรดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
สิ่งที่โดดเด่น:
แรงบิดมหาศาลจากมอเตอร์ 4 ตัว: การมีมอเตอร์อิสระ 4 ตัว ทำให้ G 580 สามารถควบคุมแรงบิดไปยังแต่ละล้อได้อย่างแม่นยำ นี่คือสิ่งที่รถยนต์สันดาปทำไม่ได้ และเป็นหัวใจสำคัญของสมรรถนะออฟโรดขั้นสูง (Electric G-Turn, Electric Crab Walk)
คงเอกลักษณ์ G-Class ไว้ไม่เปลี่ยนแปลง: แม้จะเปลี่ยนเป็นไฟฟ้า แต่รูปทรงเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ โครงสร้าง Ladder Frame ที่แข็งแกร่ง และความรู้สึกของ “The G” ยังคงอยู่ครบถ้วน
เทคโนโลยี EQ ที่ชาญฉลาด: ระบบจัดการพลังงานแบตเตอรี่ และการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) ทำให้ G 580 ไม่ได้แค่ทรงพลัง แต่ยังมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน
รุ่น EDITION ONE (จำนวนจำกัด 6 คัน): การเปิดตัวรุ่นพิเศษจำนวนจำกัดในราคาเริ่มต้น 12,200,000 บาท (รุ่น STANDARD เริ่มต้น 9,500,000 บาท) เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มและตอบสนองความต้องการของนักสะสม ทำให้มันไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็นการลงทุนที่จับต้องได้
สำหรับผม G 580 with EQ Technology คือการพิสูจน์ว่า รถยนต์ไฟฟ้าออฟโรด ไม่ใช่แค่เป็นไปได้ แต่ยังสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ของรถออฟโรดได้อีกด้วย
Mercedes-Benz G 450 d: ดีเซลสายพันธุ์แกร่งตามคำเรียกร้อง
ในขณะที่โลกกำลังมุ่งสู่ EV อย่างรวดเร็ว แต่ Mercedes-Benz ก็ไม่ได้ละทิ้งกลุ่มลูกค้าที่ยังคงเชื่อมั่นในสมรรถนะและความทนทานของเครื่องยนต์ดีเซล G 450 d คือคำตอบที่ตรงใจสำหรับลูกค้าชาวไทยที่ต้องการ รถยนต์ออฟโรด ขุมพลังดีเซลที่เปี่ยมประสิทธิภาพ
สิ่งที่โดดเด่น:
ขุมพลังดีเซลที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง: เครื่องยนต์ดีเซลของ Mercedes-Benz ขึ้นชื่อเรื่องแรงบิดสูง ประหยัดน้ำมัน และความทนทาน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางระยะไกลและเส้นทางที่ท้าทาย
ความคุ้นเคยและความมั่นใจ: สำหรับหลายคน ความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีดีเซลและการเติมน้ำมันที่รวดเร็วยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ G-Class
ราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น: เมื่อเทียบกับรุ่นไฟฟ้า G 450 d ในราคาเริ่มต้น 12,200,000 บาท เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าถึงตำนาน G-Class ด้วยขุมพลังที่แตกต่าง
การมีทั้งรุ่นไฟฟ้าและดีเซลในกลุ่ม G-Class แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจที่ลึกซึ้งของ Mercedes-Benz ต่อตลาดและกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ไม่มี “One size fits all” อีกต่อไป แต่เป็นการนำเสนอตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละความต้องการ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดมากในยุค 2025
Mercedes-Benz S 580 e AMG Premium: ที่สุดของซีดานหรูเพื่อการขับขี่
S-Class คือบัลลังก์แห่ง รถซีดานหรู มาโดยตลอด แต่ S 580 e AMG Premium ยกระดับไปอีกขั้น ด้วยการผสมผสานความหรูหราเข้ากับสมรรถนะสไตล์ AMG และความเป็น Plug-in Hybrid ทำให้มันเป็น ยนตรกรรมลักชัวรี่ซีดาน ที่มอบความครบเครื่องในทุกมิติ ในราคา 7,580,000 บาท มันคือรถที่ออกแบบมาสำหรับผู้บริหารที่ยังคงรักการขับขี่ด้วยตัวเอง
สิ่งที่โดดเด่น:
สมรรถนะแบบ AMG และความประหยัดของ PHEV: การรวมกันของความเร้าใจแบบ AMG (แม้จะในระดับ Premium ไม่ใช่ Full-blown AMG) เข้ากับความประหยัดของระบบ Plug-in Hybrid ทำให้ S 580 e เป็นรถที่ขับสนุกในทุกสถานการณ์ ทั้งในเมืองและนอกเมือง
ระบบเลี้ยว 4 ล้อ (Rear axle steering 4.5°): นี่คือฟังก์ชันที่เปลี่ยนประสบการณ์การขับขี่ S-Class ไปอย่างสิ้นเชิง การที่ล้อหลังสามารถเลี้ยวได้ถึง 4.5 องศา ทำให้รถคันใหญ่ควบคุมได้ง่ายขึ้นอย่างเหลือเชื่อในพื้นที่จำกัด และเพิ่มความมั่นคงในการเปลี่ยนเลนด้วยความเร็วสูง
ความหรูหราและความสะดวกสบายมาตรฐาน S-Class: ไม่ว่าจะเป็นเบาะนวด ระบบปรับอากาศอัจฉริยะ วัสดุคุณภาพสูง หรือระบบ Infotainment MBUX ทุกอย่างยังคงความเหนือระดับ
เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง: S-Class ไม่เคยประนีประนอมเรื่องความปลอดภัย ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ครบครันทำให้ทุกการเดินทางมั่นใจได้
ดีไซน์ภายนอกและภายในแบบ AMG: ชุดแต่ง AMG ทั้งภายนอกและภายในช่วยเพิ่มความสปอร์ตและความดุดัน ทำให้ S 580 e AMG Premium มีคาแรคเตอร์ที่โดดเด่นและแตกต่างจาก S-Class ทั่วไป
สำหรับผู้ที่มองหา รถยนต์สำหรับผู้บริหาร ที่ไม่เพียงแต่นั่งสบาย แต่ยังมอบ ประสบการณ์ขับขี่เหนือระดับ S 580 e AMG Premium คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ มันคือรถที่ทำให้การเดินทางไม่ใช่แค่การเคลื่อนที่ แต่คือความเพลิดเพลินในทุกช่วงเวลา
Mercedes-Benz V 300 d Exclusive: รถแวนหรู 6 ที่นั่ง ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
ในยุคที่การเดินทางเพื่อธุรกิจและการท่องเที่ยวกับครอบครัวมีความสำคัญมากขึ้น รถตู้ VIP ไม่ได้เป็นเพียงแค่ยานพาหนะขนาดใหญ่ แต่ต้องเป็นห้องรับรองเคลื่อนที่ที่ให้ความสะดวกสบายและหรูหราระดับเฟิร์สคลาส Mercedes-Benz V 300 d Exclusive คือคำตอบนั้น ด้วยราคา 5,820,000 บาท
นี่คือรถแวนระดับลักชัวรี่ 6 ที่นั่ง รุ่นนำเข้ามาตรฐานยุโรป ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งการเดินทางแบบครอบครัวและการใช้งานในทางธุรกิจได้อย่างลงตัว และที่สำคัญคือได้เสริมสมรรถนะที่ทรงพลังยิ่งขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด
สิ่งที่โดดเด่น:
ห้องโดยสารที่กว้างขวางและยืดหยุ่น: การจัดวางเบาะนั่ง 6 ที่นั่งที่สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบ ทำให้ V 300 d ตอบโจทย์ได้ตั้งแต่การเดินทางของผู้บริหาร การรับรองแขก VIP ไปจนถึงการเดินทางของครอบครัวใหญ่
ความหรูหราระดับเฟิร์สคลาส: วัสดุที่ใช้ในห้องโดยสาร ทั้งหนัง ไม้ และโลหะ ล้วนคัดสรรมาอย่างดี พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังที่ปรับไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชันนวด หรือระบบ Infotainment ส่วนตัว
สมรรถนะที่ทรงพลังและประหยัด: เครื่องยนต์ดีเซลของ V 300 d มอบพละกำลังที่เพียงพอต่อการบรรทุกผู้โดยสารและสัมภาระเต็มอัตรา พร้อมทั้งยังประหยัดน้ำมันในระดับที่น่าพอใจสำหรับการเดินทางระยะไกล
เทคโนโลยีความปลอดภัยครบครัน: แม้จะเป็นรถตู้ แต่ V-Class ก็มาพร้อมระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่มาตรฐาน Mercedes-Benz เพื่อความอุ่นใจในทุกเส้นทาง
การออกแบบภายนอกที่หรูหราและสง่างาม: V 300 d ไม่ได้ดูเหมือนรถตู้ทั่วไป แต่มีเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวและบ่งบอกถึงความเป็นรถหรูได้อย่างชัดเจน
สำหรับผู้ที่มองหา รถครอบครัวหรู หรือ รถยนต์สำหรับผู้บริหาร ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยและความยืดหยุ่นสูงสุดโดยไม่ทิ้งเรื่องความหรูหราและสมรรถนะ V 300 d Exclusive คือตัวเลือกที่ไร้เทียมทาน มันคือการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับอนาคตของการเดินทางที่สะดวกสบายและมีสไตล์
วิสัยทัศน์ของ Mercedes-Benz ในปี 2025: ผู้นำแห่งความหรูหราที่ยั่งยืน
มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้กล่าวถึงการเปิดตัวในครั้งนี้ว่าเป็นการสะท้อนความเป็นเลิศในทุกด้านของเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างแท้จริง ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง
การที่แบรนด์ Mercedes-Maybach และรถยนต์กลุ่ม S-Class ยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหราแบบร่วมสมัย ด้วยการตกแต่งภายในสุดประณีต เทคโนโลยีล้ำสมัย และการออกแบบที่เหนือกาลเวลา ถือเป็นการรักษา DNA ของแบรนด์ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ในส่วนของรถยนต์กลุ่ม G-Class ที่เป็นตัวแทนด้านขุมพลังและมรดกอันยิ่งใหญ่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมตอกย้ำถึงความสง่างามที่มาพร้อมความแข็งแกร่งและสมรรถนะขั้นสูง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้จะก้าวไปสู่ยุคไฟฟ้า แต่ตำนานก็ยังคงอยู่และพัฒนาไปพร้อมกัน
และสำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่กว้างขวางในการใช้งาน การนำเสนอรถแวนอเนกประสงค์ในกลุ่ม V-Class ที่เหมาะสำหรับกลุ่มครอบครัวและกลุ่มนักธุรกิจ พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานที่หลากหลาย ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
การเปิดตัวครั้งนี้ไม่ใช่แค่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่คือการประกาศทิศทางที่ชัดเจนของ Mercedes-Benz ในฐานะผู้นำในตลาด รถหรูไฟฟ้า และ รถยนต์ระดับพรีเมียม ที่ยังคงรักษามรดกของแบรนด์ไว้ได้อย่างสง่างาม พร้อมก้าวไปข้างหน้าด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัย พวกเขากำลังสร้างสรรค์อนาคตของการเดินทางที่หรูหรา ยั่งยืน และเชื่อมโยงกับชีวิตของเราได้อย่างไร้รอยต่อ
คำเชิญชวน
ในฐานะผู้ที่หลงใหลในโลกของยานยนต์หรู ผมขอเชิญชวนทุกท่านที่กำลังมองหานิยามใหม่ของความหรูหราและอนาคตของการเดินทาง ให้มาสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษเหล่านี้ด้วยตัวท่านเอง ไม่ว่าท่านจะสนใจใน รถยนต์ไฟฟ้าหรู อย่าง Mercedes-Maybach EQS 680 SUV, ความคลาสสิกของ S-Class ที่ผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่, ความแข็งแกร่งของ G-Class ทั้งพลังงานไฟฟ้าและดีเซล, หรือความอเนกประสงค์ของ V-Class
การได้เห็น สัมผัส และทดลองขับขี่ ยนตรกรรมระดับ Top-End Luxury เหล่านี้ จะทำให้ท่านเข้าใจถึงปรัชญา “The Art of Cultivated Luxury” ของ Mercedes-Benz ได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เยี่ยมชมโชว์รูม Mercedes-Benz ใกล้บ้านท่าน หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อค้นพบว่ายานยนต์เหล่านี้จะยกระดับชีวิตและประสบการณ์การเดินทางของท่านไปสู่มิติใหม่ได้อย่างไร อนาคตของการขับเคลื่อนอันทรงเกียรติและยั่งยืนกำลังรอท่านอยู่ ณ บัดนี้.

