อีซูซุ 2025: ปฏิวัติขีดจำกัดแห่งพลังด้วย MAXFORCE The FORCE of FUTURE!
ในยุคที่โลกแห่งยานยนต์ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ปี 2025 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ “อีซูซุ” ผู้นำแห่งวงการรถยนต์ดีเซล ได้ตอกย้ำพันธสัญญาในการส่งมอบสมรรถนะเหนือระดับ พร้อมความประหยัดขั้นสุด และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการเปิดตัวเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุดในตระกูล MAXFORCE ที่จะมาพลิกโฉมประสบการณ์การขับขี่ของคุณอย่างแท้จริง ทั้งในรถกระบะยอดนิยม Isuzu D-Max และรถยนต์อเนกประสงค์ Isuzu MU-X โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power ที่ได้รับการยอมรับในตลาดไว้ เพื่อมอบทางเลือกที่หลากหลายที่สุด ตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างครบครัน “เครื่องยนต์อีซูซุใหม่” เหล่านี้ไม่ใช่แค่เพียงการอัปเกรด แต่เป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญที่กำหนดอนาคตของขุมพลังดีเซลอย่างแท้จริง
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์ที่เฝ้าติดตามเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลมาอย่างยาวนาน ผมขอยืนยันว่าการมาถึงของ MAXFORCE คือปรากฏการณ์ที่น่าจับตา เพราะมันคือการหลอมรวมเอาความแรง ความประหยัด และเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เรากำลังพูดถึงขุมพลังที่พร้อมจะพาคุณไปสัมผัสทุกเส้นทางได้อย่างมั่นใจ พร้อมกับลดภาระค่าใช้จ่ายและผลกระทบต่อโลกของเรา
แกะกล่องขุมพลังแห่งอนาคต: เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE The FORCE of FUTURE
หัวใจหลักของการปฏิวัติครั้งนี้คือ “เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 Ddi MAXFORCE” ที่ได้รับการพัฒนาใหม่หมดจด เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร็วขึ้น แรงขึ้น และประหยัดน้ำมันยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่ยังคงรักษาระดับค่า CO2 ให้ต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคต่างมองหา “รถยนต์ลดมลพิษ” และ “รถกระบะประหยัดน้ำมัน”
ข้อมูลทางเทคนิคที่โดดเด่น:
ขนาดเครื่องยนต์: 2.2 ลิตร (2,156 ซีซี)
รูปแบบ: 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC (ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์)
พละกำลังสูงสุด: 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด: 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,400 รอบ/นาที
แรงบิดช่วงออกตัว: เพิ่มขึ้นถึง 56% มั่นใจได้ในทุกการออกตัวและการบรรทุกหนัก
ความประหยัดน้ำมัน: เพิ่มขึ้นสูงสุด 10.7% ในรุ่น Hi-Lander 2 ประตู เกรด L ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน “สมรรถนะเครื่องยนต์ดีเซล” ที่เหนือชั้นทั้งพลังและประสิทธิภาพ
เทคโนโลยีล้ำหน้าที่ขับเคลื่อน 2.2 Ddi MAXFORCE:
หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูง 250 MPa. (ใหม่!): ระบบฉีดเชื้อเพลิงที่ทำงานด้วยแรงดันมหาศาลนี้ ช่วยให้ละอองน้ำมันมีขนาดเล็กลง กระจายตัวได้ดีขึ้น และผสมกับอากาศได้อย่างสมบูรณ์แบบ ส่งผลให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดการสูญเสียพลังงาน และลดการปล่อยมลพิษ
ECM แบบ MULTI-CORE ประสิทธิภาพสูง (ใหม่!): สมองกลควบคุมเครื่องยนต์ (Engine Control Module) ที่มาพร้อมหน่วยประมวลผลแบบ Multi-Core ทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น สามารถประมวลผลข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ ได้ในชั่วพริบตา เพื่อปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับทุกสภาพการขับขี่อยู่เสมอ มอบการตอบสนองที่ฉับไวและราบรื่น
E-VGS TURBO เทอร์โบแปรผันควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (ใหม่!): เทอร์โบที่ได้รับการอัปเกรดนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มกำลังอัดอากาศได้อย่างรวดเร็วในทุกช่วงรอบเครื่องยนต์ แต่ยังสามารถควบคุมการทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในรอบต่ำและรอบสูง ลดอาการรอรอบ (Turbo Lag) และเพิ่ม “ความแรง” อย่างต่อเนื่อง
ห้องเผาไหม้แบบ HIGH SWIRL เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้สมบูรณ์แบบ (ใหม่!): การออกแบบห้องเผาไหม้พิเศษนี้ช่วยให้เกิดการหมุนวนของอากาศและเชื้อเพลิงภายในห้องเผาไหม้ได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้การผสมผสานเป็นเนื้อเดียวกัน และการเผาไหม้เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ ลดเขม่าควัน และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
ลูกสูบใหม่ ULTRA-LOW FRICTION ที่ให้แรงเสียดทานต่ำพิเศษ (ใหม่!): วัสดุและการออกแบบลูกสูบใหม่ล่าสุด ช่วยลดแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบรื่นขึ้น ลดการสึกหรอ และช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดียิ่งขึ้น
เสื้อสูบแกร่งพิเศษ แบบ EXTREME STRENGTH (ใหม่!): โครงสร้างเสื้อสูบที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ช่วยให้เครื่องยนต์มีความทนทานสูง รองรับแรงเค้นจากการทำงานหนักได้อย่างสบายใจ เพิ่มความมั่นใจในการใช้งานระยะยาว
ระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ใหม่! HI-FLOW และชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วยเฟืองและโซ่เหล็กกล้า TIMING GEAR & CHAIN (ใหม่!): ระบบหล่อลื่นที่ออกแบบมาให้มีอัตราการไหลเวียนของน้ำมันที่สูงขึ้น ช่วยระบายความร้อนและลดการสึกหรอได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวที่แข็งแกร่ง ทนทาน มั่นใจได้ในอายุการใช้งานที่ยาวนาน
ระบบส่งกำลังใหม่: ขับขี่ราบรื่นและประหยัดน้ำมันยิ่งกว่า
เครื่องยนต์ที่ทรงพลังย่อมต้องมาพร้อมกับระบบส่งกำลังที่ยอดเยี่ยม เพื่อถ่ายทอดกำลังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อีซูซุจึงได้พัฒนาระบบเกียร์ใหม่ล่าสุดมาคู่กัน:
เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แบบ REV TRONIC (ใหม่!): นี่คือครั้งแรกของอีซูซุกับ “เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด” ที่มอบอัตราทดเกียร์ต่อเนื่องในทุกช่วงความเร็ว เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวล ราบรื่น ไม่รู้สึกถึงการกระตุก ช่วยเพิ่มความสนุกเร้าใจในการขับขี่ แต่ยังคงความประหยัดน้ำมันได้อย่างน่าทึ่ง การมีอัตราทดที่มากขึ้น ทำให้เครื่องยนต์ทำงานในรอบที่เหมาะสม ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิง โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง
เกียร์ธรรมดา 6 สปีด แบบ GENIUS SPORT SHIFT (ใหม่!): สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการควบคุมที่เร้าใจ อีซูซุได้พัฒนาเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมอัตราทดใหม่ ที่ช่วยให้การออกตัวทำได้ดีขึ้นแม้บรรทุกหนัก และยังคงความประหยัดน้ำมันเมื่อใช้ความเร็วสูง การทำงานที่แม่นยำและกระชับ ตอบโจทย์การขับขี่ในทุกสภาวะ
ขุมพลังสูงสุด: เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก!
สำหรับผู้ที่ต้องการพละกำลังที่เหนือกว่าเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย อีซูซุยังคงนำเสนอ “เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE” ที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด:
พละกำลังสูงสุด: 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด: 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที
E-VGS TURBO ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์: ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการอัดอากาศได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองดียิ่งขึ้นในทุกช่วงความเร็ว ไม่ว่าจะเร่งแซง ออกตัว หรือเดินทางไกล คุณจะสัมผัสได้ถึงพละกำลังที่มาพร้อมความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE นี้ มีให้เลือกทั้งใน “อีซูซุ ดีแมคซ์” และ “อีซูซุ มิว-เอ็กซ์” ตอบสนองความต้องการของผู้ที่มองหา “รถยนต์อเนกประสงค์” หรือ “รถกระบะ 4×4” ที่พร้อมลุยทุกเส้นทาง
Isuzu MU-X The Next Peak 2025: กำหนดจุดสูงสุดใหม่ที่เหนือกว่า
“NEW! MU-X The Next Peak” มาพร้อมแนวคิด “กำหนดจุดสูงสุดใหม่ที่เหนือกว่า” ด้วยขุมพลัง MAXFORCE ทั้ง 2.2 Ddi และ 3.0 Ddi ที่พร้อมพาคุณและครอบครัวไปสู่ทุกจุดหมายอย่างเหนือระดับ
ไลน์อัพใหม่ที่น่าสนใจ:
NEW! MU-X The Next Peak รุ่น RS เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE (ขับเคลื่อนสองล้อ): พุ่งทะยานสู่จุดพีคที่สุดของสมรรถนะที่ไม่เคยมีมาก่อน พลังใหม่ที่พร้อมกำหนดโลก ให้คุณฝ่าทุกอุปสรรคอย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมพามุ่งสู่จุดสูงสุด นี่คือทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหรา ความสะดวกสบาย และประสิทธิภาพการขับขี่ที่คล่องตัวสำหรับการใช้งานในเมืองและการเดินทางไกล ด้วย “เทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซล” ล่าสุด
ราคาจำหน่าย NEW! MU-X 2025 ในแต่ละรุ่น:
NEW! MU-X RS 4×4 ราคาตั้งแต่ 1,759,000 – 1,771,000 บาท
NEW! MU-X RS ราคาตั้งแต่ 1,624,000 – 1,671,000 บาท
NEW! MU-X Ultimate ราคาตั้งแต่ 1,554,000 – 1,601,000 บาท
NEW! MU-X Elegant ราคาตั้งแต่ 1,429,000 – 1,476,000 บาท
NEW! MU-X Active ราคาตั้งแต่ 1,194,000 – 1,206,000 บาท
นี่คือ “รถครอบครัว” ที่พร้อมตอบสนองทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมืองหรือการผจญภัยนอกเส้นทาง ด้วย “รีวิว Isuzu MU-X 2025” ที่จะมาถึงเร็วๆ นี้ คุณจะได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่น่าประทับใจ
Isuzu D-Max 2025: พลังใหม่…กำหนดโลก
“รถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ 2.2 & 3.0 Ddi MAXFORCE” ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถกระบะ ด้วยขุมพลังใหม่ที่พร้อมกำหนดโลกแห่งการบรรทุกและการใช้งานที่สมบุกสมบัน ให้คุณมั่นใจในทุกภารกิจ
ไลน์อัพใหม่ที่พร้อมลุย:
NEW! ISUZU V-CROSS 4×4 เกรด ZP เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE: สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยและต้องการสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรดที่เหนือชั้น ด้วยเกียร์อัตโนมัติที่ช่วยให้การควบคุมง่ายดายยิ่งขึ้น
NEW! ISUZU D-MAX Spark 4×4 เกรด S เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE: กระบะตอนเดียว 4×4 ที่มาพร้อมความแข็งแกร่งและคล่องตัว ตอบโจทย์การใช้งานเชิงพาณิชย์และงานหนักที่ต้องลุยในทุกสภาพถนน
สีใหม่! สีเทา Elbrus Grey Opaque (เทา เอลบรุส โอเพค): เสริมนิยามหรูหรา กำหนดโลก ให้กับ “อีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่” เพิ่มทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความแตกต่างและสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์
ราคาจำหน่าย ISUZU D-MAX 2025 ในแต่ละรุ่น:
NEW! ISUZU V-Cross 4×4 รุ่น 4 ประตู และ 2 ประตู ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 937,000 – 1,284,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Hi-Lander รุ่น 4 ประตู และ 2 ประตู ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 778,000 – 1,171,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Cab4 ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 749,000 – 902,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Spacecab ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 668,000 – 784,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Spark 4×4 ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 740,000 – 787,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Spark ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 558,000 – 655,000 บาท
“ราคา Isuzu D-Max” ที่หลากหลายนี้ ทำให้รถกระบะคันนี้เข้าถึงได้ทุกกลุ่มลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการค้า การเกษตร หรือการใช้งานส่วนตัว
สัมผัสประสบการณ์จริง: การทดสอบสมรรถนะ MAXFORCE บนสนามแข่งระดับโลก
ในการเปิดตัวครั้งนี้ อีซูซุได้จัดให้มีการทดสอบสมรรถนะของ “Isuzu เครื่องยนต์ใหม่” บนสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ซึ่งเป็นสนามแข่งระดับโลก เพื่อพิสูจน์ถึงขีดสุดแห่งสมรรถนะของขุมพลัง MAXFORCE
ISUZU D-Max Hi-lander 2.2 Ddi MAXFORCE: ความเหนือชั้นที่สัมผัสได้
จากการทดสอบรถกระบะ Isuzu D-Max Hi-lander 2.2 Ddi MAXFORCE บนสนามช้าง ผมต้องบอกว่าประสิทธิภาพของเครื่องยนต์เกินความคาดหมายตั้งแต่เริ่มออกตัว จุดเด่นที่ชัดเจนคือ กำลังในช่วงรอบต่ำ เครื่องยนต์สามารถเรียกพละกำลังได้ตั้งแต่ 1,600 รอบ/นาที ซึ่งเป็นสิ่งที่รถกระบะใช้งานจริงต้องการเป็นอย่างมาก ทำให้เราใช้คันเร่งเพียงเล็กน้อย รถก็สามารถทะยานออกไปได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
จังหวะเร่งแซงต่างๆ ก็ทำได้ดีเยี่ยม ไม่มีอาการรอรอบแม้แต่น้อย ต้องยกความดีความชอบให้กับ “E-VGS TURBO” ลูกใหม่ ที่ตอบสนองต่อคันเร่งได้อย่างฉับไว ให้พละกำลังมาอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ
สิ่งหนึ่งที่น่าประทับใจคือ ระดับเสียงเครื่องยนต์ที่เงียบลง อย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power ไม่ว่าจะขณะสตาร์ทหรือขณะเร่งแซง เครื่องยนต์มีความราบเรียบกว่ามาก เมื่อลองกดคันเร่งขณะรถจอดนิ่งๆ ก็รู้สึกได้ว่ารอบเครื่องยนต์มาเร็วขึ้น ซึ่งบ่งบอกถึงการตอบสนองที่ดีเยี่ยม
และพระเอกอีกหนึ่งอย่างคือ เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด REV TRONIC ใหม่ ที่มอบความราบรื่นในการเปลี่ยนเกียร์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การเปลี่ยนเกียร์แต่ละครั้งเป็นไปอย่างนุ่มนวล ไม่รู้สึกถึงการกระตุก ทำให้การขับขี่สบายขึ้นอย่างมาก การตอบสนองในช่วงเร่งแซงก็ทำได้ดี Paddle Shift ที่พวงมาลัยก็ทำงานได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่องเมื่อต้องการลดเกียร์เพื่อเรียกกำลัง
ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของ “ความประหยัดน้ำมัน” การมีเกียร์ถึง 8 สปีด ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานในรอบที่เหมาะสมที่สุด เมื่อขับขี่ด้วยความเร็ว 120 กม./ชม. ในเกียร์ 8 รอบเครื่องยนต์อยู่ที่เพียง 1,900-1,950 รอบ/นาที เท่านั้น ซึ่งอัตราทดเกียร์นี้จะช่วยให้ “ประหยัดน้ำมัน” ได้อย่างแน่นอนในการเดินทางระยะยาว
MU-X The Next Peak 2.2 Ddi MAXFORCE: ความสบายสำหรับทุกการเดินทาง
เมื่อเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE มาอยู่ใน “MU-X The Next Peak” แน่นอนว่าน้ำหนักตัวรถที่มากกว่าอาจทำให้การออกตัวหรืออัตราเร่งอาจจะไม่ได้จัดจ้านเท่า D-Max แต่สิ่งที่โดดเด่นคือ ความไหลลื่นของการเปลี่ยนเกียร์ ที่รู้สึกได้ว่าดียิ่งขึ้นไปอีกเมื่ออยู่ในรถยนต์อเนกประสงค์เช่น MU-X
ด้วยความที่เป็น “รถยนต์อเนกประสงค์” และ “รถครอบครัว” สิ่งสำคัญคือความสบายในการเดินทาง เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดใหม่นี้ ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบในการมอบความนุ่มนวล ราบรื่น ทำให้ผู้โดยสารนั่งได้อย่างสบาย ไม่รู้สึกถึงการกระตุกหรือแรงกระชาก ตอบโจทย์การใช้งานในการเดินทางระยะไกลได้อย่างยอดเยี่ยม นี่คือการผสานที่ลงตัวระหว่างพละกำลังและความสะดวกสบายที่แท้จริง
Slope Station: บททดสอบกำลังใต้การบรรทุกหนัก
อีกหนึ่งบททดสอบที่สำคัญคือ Slope Station ซึ่งเป็นการทดสอบขับรถขึ้นและลงเนินชัน 18 องศา พร้อมโหลดน้ำหนักถึง 1,000 กิโลกรัม ด้วยรถปิกอัพ NEW! ISUZU D-MAX Spacecab M/T และ NEW! ISUZU D-MAX Spark A/T
ผลการทดสอบยืนยันว่า “เครื่องยนต์อีซูซุใหม่” ทั้งในรุ่นเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ สามารถรับมือกับการบรรทุกหนักได้อย่างสบาย แสดงให้เห็นถึง “สมรรถนะเครื่องยนต์ดีเซล” ที่เหนือกว่าในการใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็นการออกตัวบนทางลาดชัน หรือการขับขึ้นลงเนินพร้อมน้ำหนักเต็มพิกัด ขุมพลัง MAXFORCE ก็ยังคงส่งมอบแรงบิดที่ต่อเนื่องและเพียงพอ ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจในทุกสภาพการใช้งาน นี่คือการพิสูจน์ถึงความแกร่งและความทนทานที่ Isuzu ยึดมั่นมาโดยตลอด
สรุป: อีซูซุ MAXFORCE คือพลังแห่งอนาคตที่สัมผัสได้แล้ววันนี้
อีซูซุ 2025 กับเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE และ 3.0 Ddi MAXFORCE ไม่ใช่เพียงแค่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่เป็นการประกาศวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การขับเคลื่อนแห่งอนาคต ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัย ผสานความแรง ความประหยัด และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างลงตัว
ไม่ว่าคุณจะมองหา “รถกระบะประหยัดน้ำมัน” สำหรับการทำงานหนัก “รถยนต์อเนกประสงค์” สำหรับครอบครัว หรือ “รถกระบะ 4×4” สำหรับการผจญภัย อีซูซุ MAXFORCE พร้อมแล้วที่จะตอบสนองทุกความต้องการของคุณ ให้คุณสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าในทุกมิติ
ขอเชิญทุกท่านมาสัมผัส “The FORCE of FUTURE” ด้วยตัวคุณเองที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ เพื่อทดลองขับและค้นพบว่าทำไมเครื่องยนต์ MAXFORCE จึงเป็นขุมพลังที่คู่ควรกับอนาคตแห่งการเดินทางของคุณ!

