ISUZU 2025: MAXFORCE พลังแห่งอนาคต กำหนดนิยามใหม่ของสมรรถนะและความประหยัด
ในปี 2025 นี้ วงการยานยนต์ของประเทศไทยกำลังจะถูกพลิกโฉมอีกครั้งด้วยนวัตกรรมล่าสุดจากอีซูซุ ที่พร้อมจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ดีเซล ด้วยการเปิดตัวเครื่องยนต์ตระกูล MAXFORCE ทั้ง 2.2 Ddi และ 3.0 Ddi ที่ไม่เพียงแค่ “เร็วขึ้น” และ “แรงขึ้น” แต่ยังมาพร้อมกับความ “ประหยัดน้ำมัน” ที่เหนือชั้น และค่า CO2 ที่ต่ำที่สุดในระดับเดียวกัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีดีเซลที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์ทุกการใช้งานของผู้ขับขี่ชาวไทยอย่างแท้จริง
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์มากว่าสิบปี ผมเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของอีซูซุไม่ใช่เพียงแค่การอัปเกรดเครื่องยนต์ แต่เป็นการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการขับเคลื่อนที่ผสานพลัง สมรรถนะ และความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว นี่คือการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ต้องการมากกว่าแค่การเดินทาง แต่คือประสบการณ์ที่เหนือกว่าในทุกมิติ
เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE: พลังที่ขับเคลื่อนอนาคต (The Force of Future)
หัวใจหลักของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร (2.2 Ddi MAXFORCE) ซึ่งได้รับการพัฒนาใหม่หมดจด เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและน่าประทับใจยิ่งขึ้น เครื่องยนต์รหัสใหม่นี้เป็นแบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) ที่ให้พลังแรงเพิ่มขึ้นถึง 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดมหาศาลถึง 400 นิวตัน-เมตร ที่ช่วง 1,600 – 2,400 รอบ/นาที ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับรถกระบะและ SUV ที่ต้องเผชิญกับสภาพการจราจรที่หลากหลายและต้องการการตอบสนองที่ฉับไว
สิ่งที่น่าทึ่งคือ แรงบิดในช่วงออกตัวที่สูงขึ้นถึง 56% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์รุ่นก่อนหน้า นั่นหมายความว่า การออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง การเร่งแซงในระยะกระชั้นชิด หรือแม้แต่การปีนป่ายขึ้นเนินชัน จะเป็นไปอย่างง่ายดายและมั่นใจยิ่งขึ้น ไม่ต้องเค้นรอบเครื่องยนต์ให้สูงเกินความจำเป็น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความประหยัดน้ำมันและลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ในระยะยาว และยังเป็น เครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง ที่จะช่วยให้การขับขี่ในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นการบรรทุกหนัก หรือการเดินทางท่องเที่ยว เป็นไปอย่างราบรื่นและมีพลัง
นอกจากพละกำลังที่เหนือกว่าแล้ว ความประหยัดน้ำมัน คืออีกหนึ่งจุดเด่นที่อีซูซุให้ความสำคัญ โดยเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE สามารถทำตัวเลขประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 10.7% ในรุ่น Hi-Lander 2 ประตู เกรด L ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจอย่างยิ่งในยุคที่ราคาน้ำมันยังคงผันผวน การลดภาระค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงคือสิ่งที่ผู้ใช้งานรถกระบะและ SUV ทั่วประเทศต่างต้องการ และด้วยค่า CO2 ที่ต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน ก็เป็นการยืนยันถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นไปตามมาตรฐานการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อีซูซุ ไม่ได้มองแค่ปัจจุบัน แต่ยังมองถึง รถยนต์เพื่ออนาคต ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
หัวใจของนวัตกรรม: เทคโนโลยีล้ำสมัยภายในเครื่องยนต์
เพื่อบรรลุเป้าหมายทั้งด้านสมรรถนะและความประหยัด อีซูซุได้อัดแน่นด้วย เทคโนโลยีเครื่องยนต์ ล่าสุดมากมาย:
หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูง 250 MPa. ใหม่!: ระบบหัวฉีดที่ทำงานด้วยแรงดันสูงเป็นพิเศษนี้ ช่วยให้การฉีดเชื้อเพลิงเป็นละอองฝอยละเอียด สามารถผสมกับอากาศได้อย่างสมบูรณ์แบบ เกิดการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มกำลังและลดการบริโภคน้ำมัน
ECM แบบ MULTI-CORE ประสิทธิภาพสูง ใหม่!: หน่วยควบคุมเครื่องยนต์ (ECM) ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Multi-core ทำให้สามารถประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ช่วยให้การจัดการเชื้อเพลิงและการทำงานของเครื่องยนต์เป็นไปอย่างชาญฉลาด ตอบสนองต่อการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้นในทุกจังหวะ
E-VGS TURBO เทอร์โบแปรผันควบคุมการทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ใหม่!: ระบบเทอร์โบแปรผันที่ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยให้สามารถปรับการไหลเวียนของไอเสียเข้าสู่กังหันเทอร์โบได้อย่างเหมาะสมในทุกช่วงรอบเครื่องยนต์ ผลลัพธ์คือการลดอาการรอรอบ (Turbo Lag) ทำให้ แรงบิดสูง มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รอบต่ำ และส่งมอบพละกำลังได้อย่างราบรื่นตลอดช่วงความเร็ว
ห้องเผาไหม้แบบ HIGH SWIRL เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้สมบูรณ์แบบ ใหม่!: การออกแบบห้องเผาไหม้ให้เกิดการหมุนวนของอากาศ (Swirl) ที่เหมาะสม ช่วยให้การผสมกันระหว่างอากาศและเชื้อเพลิงเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ได้กำลังสูงสุดจากเชื้อเพลิงทุกหยด และลดมลพิษจากการเผาไหม้
ลูกสูบใหม่ ULTRA-LOW FRICTION: ลูกสูบที่ได้รับการออกแบบพิเศษให้มีแรงเสียดทานต่ำเป็นพิเศษ ช่วยลดการสูญเสียพลังงานภายในเครื่องยนต์ ทำให้กำลังที่ได้จากเครื่องยนต์สามารถส่งไปขับเคลื่อนล้อได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เสื้อสูบแกร่งพิเศษ แบบ EXTREME STRENGTH พร้อมระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ใหม่! HI-FLOW และชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วยเฟืองและโซ่เหล็กกล้า TIMING GEAR & CHAIN: การเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างพื้นฐานของเครื่องยนต์ ควบคู่ไปกับระบบหล่อลื่นที่มีประสิทธิภาพสูง และระบบขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวที่ทนทาน ทำให้มั่นใจได้ถึงความทนทาน อายุการใช้งานที่ยาวนาน และความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ เครื่องยนต์ดีเซล ที่ขึ้นชื่อเรื่องความอึดของอีซูซุ
ระบบส่งกำลังใหม่: ความลงตัวของพลังและความนุ่มนวล
เครื่องยนต์อันทรงพลังย่อมต้องจับคู่กับระบบส่งกำลังที่ยอดเยี่ยม เพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ อีซูซุจึงได้พัฒนาระบบเกียร์ใหม่หมดจด:
เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แบบ REV TRONIC ใหม่!: นี่คือครั้งแรกของอีซูซุกับ ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบอัตราทดเกียร์ที่ต่อเนื่องในทุกช่วงความเร็ว การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและราบรื่นช่วยเพิ่มความเพลิดเพลินในการขับขี่ ลดอาการกระตุก ทำให้การเดินทางสบายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ อัตราทดที่ละเอียดขึ้นยังช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบต่ำลงเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ส่งผลให้ ประหยัดเชื้อเพลิง ได้อย่างมีนัยสำคัญ
เกียร์ธรรมดา 6 สปีด แบบ GENIUS SPORT SHIFT ใหม่!: สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการควบคุมที่เร้าใจ อีซูซุยังคงมอบทางเลือกด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมอัตราทดใหม่ที่เน้นการออกตัวที่ดีเยี่ยมแม้ในขณะบรรทุกหนัก และยังคงให้ความประหยัดน้ำมันที่ความเร็วสูง ตอบโจทย์การใช้งานเชิงพาณิชย์และผู้ที่ต้องการความทนทานเป็นพิเศษ
เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE: พลังใหม่…กำหนดโลก!
นอกเหนือจาก 2.2 Ddi MAXFORCE แล้ว อีซูซุยังได้อัปเกรดเครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE ให้ทรงพลังยิ่งขึ้น โดยให้กำลังสูงสุดถึง 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที พร้อม E-VGS TURBO ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการอัดอากาศได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้นในทุกช่วงความเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ สมรรถนะรถยนต์ ขั้นสุดยอดสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการบรรทุกหนัก ลากจูง หรือการขับขี่ผจญภัยที่ต้องอาศัยกำลังเครื่องยนต์มหาศาล เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE มีให้เลือกทั้งใน Isuzu D-Max และ Isuzu MU-X ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้งานในทุกรูปแบบ
ขบวนรถใหม่ตระกูล MAXFORCE: ก้าวสู่จุดสูงสุดครั้งใหม่
การมาถึงของเครื่องยนต์ MAXFORCE ไม่ได้มาเพียงแค่เครื่องยนต์ใหม่เท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับการเสริมทัพไลน์อัพรถยนต์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับปี 2025:
NEW! MU-X The Next Peak 2.2 & 3.0 Ddi MAXFORCE: กำหนดจุดสูงสุดใหม่ที่เหนือกว่า
Isuzu MU-X ได้รับการอัปเกรดสู่ NEW! MU-X The Next Peak ที่มาพร้อมขุมพลัง MAXFORCE ทั้ง 2.2 และ 3.0 ลิตร
และที่สำคัญคือการเพิ่มไลน์อัพใหม่! NEW! MU-X The Next Peak รุ่น RS เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ที่มาพร้อมกับดีไซน์สปอร์ตหรูหรา และสมรรถนะที่พุ่งทะยานสู่จุดพีคที่สุด ไม่เคยมีมาก่อน มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ พร้อมพาคุณฝ่าทุกอุปสรรคอย่างไร้ขีดจำกัด การมีเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ในรุ่น RS ขับเคลื่อนสองล้อ ทำให้ MU-X RS เป็น SUV พรีเมียม ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความหรูหราและความประหยัด
ราคาจำหน่าย Isuzu MU-X ในแต่ละรุ่น:
NEW! MU-X RS 4×4 ราคาตั้งแต่ 1,759,000 – 1,771,000 บาท
NEW! MU-X RS ราคาตั้งแต่ 1,624,000 – 1,671,000 บาท
NEW! MU-X Ultimate ราคาตั้งแต่ 1,554,000 – 1,601,000 บาท
NEW! MU-X Elegant ราคาตั้งแต่ 1,429,000 – 1,476,000 บาท
NEW! MU-X Active ราคาตั้งแต่ 1,194,000 – 1,206,000 บาท
รถกระบะ Isuzu D-MAX 2.2 & 3.0 Ddi MAXFORCE: พลังใหม่…กำหนดโลก
รถกระบะ Isuzu D-Max ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของตลาด ด้วยการติดตั้งเครื่องยนต์ MAXFORCE ทั้งสองขนาด ทำให้ รถกระบะอีซูซุ มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น
เพิ่มไลน์อัพใหม่! ISUZU V-CROSS 4×4 เกรด ZP เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัย
เพิ่มไลน์อัพใหม่! ISUZU D-MAX Spark 4×4 เกรด S เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE เพื่อการใช้งานที่สมบุกสมบันยิ่งขึ้น
และสีใหม่! สีเทา Elbrus Grey Opaque (เทา เอลบรุส โอเพค) ที่เสริมความหรูหรามีระดับให้กับ Isuzu D-Max ราคา และภาพลักษณ์
ราคาจำหน่าย Isuzu D-Max ในแต่ละรุ่น:
NEW! ISUZU V-Cross 4×4 รุ่น 4 ประตู และ 2 ประตู ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 937,000 – 1,284,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Hi-Lander รุ่น 4 ประตู และ 2 ประตู ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 778,000 – 1,171,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Cab4 ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 749,000 – 902,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Spacecab ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 668,000 – 784,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Spark 4×4 ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 740,000 – 787,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Spark ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 558,000 – 655,000 บาท
ประสบการณ์จากการทดสอบจริง: พลังที่สัมผัสได้
ในการเปิดตัวครั้งนี้ มีโอกาสได้สัมผัสกับประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ MAXFORCE ใหม่จากการทดสอบในสนามแข่งระดับโลกอย่าง สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และการจำลองสถานการณ์การใช้งานจริง ซึ่งยืนยันถึงความน่าประทับใจของนวัตกรรมครั้งนี้
ISUZU D-Max Hi-lander 2.2 Ddi MAXFORCE:
อัตราเร่งตอบสนองทันใจ: ตั้งแต่การออกตัว เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ให้กำลังที่เกินคาด จุดเด่นคือพละกำลังที่มาตั้งแต่รอบต่ำ 1,600 รอบ/นาที ทำให้ไม่ต้องกดคันเร่งมาก รถก็สามารถพุ่งทะยานไปได้อย่างรวดเร็ว การเร่งแซงเป็นไปอย่างมั่นใจ ไม่ต้องรอรอบ berkat การทำงานของเทอร์โบลูกใหม่ที่ส่งกำลังมาอย่างฉับไว นี่คือสิ่งที่ผู้ขับขี่ รถกระบะประหยัดน้ำมัน และทรงพลังต้องการ
ความนุ่มนวลและเงียบ: สิ่งที่น่าประทับใจไม่แพ้กันคือเสียงเครื่องยนต์ที่เงียบลงอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่น 1.9 Ddi ทั้งในขณะสตาร์ทและในจังหวะเร่งแซง ความราบรื่นของเครื่องยนต์ก็ดีขึ้นอย่างสัมผัสได้ ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างผ่อนคลายและสบายหู
เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด REV TRONIC: เกียร์ลูกใหม่นี้คือพระเอกอีกหนึ่งอย่าง การเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่นไร้รอยต่อ และการตอบสนองที่รวดเร็วเมื่อต้องการเร่งแซงหรือลดเกียร์ด้วย Paddle Shift นั้นยอดเยี่ยมมาก นอกจากนี้ การที่มีถึง 8 อัตราทดเกียร์ยังส่งผลต่อความประหยัดอย่างมาก เมื่อขับขี่ด้วยความเร็ว 120 กม./ชม. ในเกียร์ 8 รอบเครื่องยนต์อยู่ที่เพียง 1,900-1,950 รอบ/นาที ซึ่งเป็นอัตราทดที่เหมาะสมที่สุดในการ ประหยัดน้ำมันทางไกล อย่างแน่นอน
MU-X The Next Peak 2.2 Ddi MAXFORCE:
แม้ว่า MU-X จะมีน้ำหนักตัวมากกว่า D-Max แต่อัตราเร่งของเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ก็ยังคงตอบสนองได้ดีเยี่ยม จุดที่โดดเด่นคือความไหลลื่นและความนุ่มนวลของการเปลี่ยนเกียร์จากเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับ รถยนต์อเนกประสงค์ ที่เน้นความสบายในการเดินทางสำหรับผู้โดยสารทุกคน เกียร์ใหม่นี้ทำงานได้ดี ตอบโจทย์การใช้งานในการเดินทางระยะไกลและในเมืองได้อย่างไร้ที่ติ ทำให้ MU-X เป็น รถ SUV 7 ที่นั่ง ที่มอบความสบายและสมรรถนะที่สมดุล
Slope Station (การทดสอบขึ้นลงเนินชัน):
การทดสอบขับรถขึ้นและลงเนินชัน 18 องศา พร้อมโหลดน้ำหนัก 1,000 กิโลกรัม ด้วยรถปิกอัพ NEW! ISUZU D-MAX Spacecab M/T และ NEW! ISUZU D-MAX Spark A/T ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงพละกำลังและแรงบิดมหาศาลของเครื่องยนต์ MAXFORCE ที่สามารถพิชิตความลาดชันได้อย่างมั่นใจ แม้จะมีการบรรทุกหนักก็ตาม ทั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบเกียร์ใหม่ที่ช่วยให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างง่ายดายและปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องเผชิญกับเส้นทางที่ท้าทายหรือการ บรรทุกหนัก เป็นประจำ
ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อตอบสนองทุกความต้องการ
อีซูซุยังคงเดินหน้ามอบทางเลือกที่หลากหลายให้กับลูกค้า โดยยังคงจัดจำหน่ายเครื่องยนต์ 1.9 Ddi อยู่ด้วย ซึ่งทำให้ปัจจุบันอีซูซุมีตัวเลือกเครื่องยนต์มากที่สุดในตลาด ตอบโจทย์ผู้ใช้งานทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ต้องการความประหยัดสูงสุด ผู้ที่ต้องการพละกำลังที่เหนือกว่า หรือผู้ที่ต้องการทางเลือกที่สมดุล
สรุป: กำหนดอนาคตแห่งการขับเคลื่อน
การเปิดตัวเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE และ 3.0 Ddi MAXFORCE พร้อมระบบส่งกำลังใหม่ และไลน์อัพรถยนต์ที่ได้รับการอัปเกรดในปี 2025 นี้ ถือเป็นการตอกย้ำถึงวิสัยทัศน์ของอีซูซุในการนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ที่ไม่หยุดนิ่ง นี่คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างพละกำลัง ความประหยัด นวัตกรรมยานยนต์ และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้งหมดนี้จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ และตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีซูซุ MAXFORCE คือพลังที่พร้อมจะกำหนดโลก กำหนดอนาคต และกำหนดนิยามใหม่ของยานยนต์ดีเซลอย่างแท้จริง
