เปิดศักราชใหม่แห่งความหรูหรา: เมอร์เซเดส-เบนซ์ นำทัพยนตรกรรม Top-End Luxury สู่ปี 2025
ในโลกแห่งยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและความปรารถนา การก้าวข้ามขีดจำกัดแห่งความหรูหราและสมรรถนะคือพันธกิจที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ยึดมั่นเสมอมา และในปี 2025 นี้ แบรนด์ดาวสามแฉกได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญอีกครั้ง ด้วยการจัดงาน “The Art of Cultivated Luxury” ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการเผยโฉมยนตรกรรมระดับ Top-End Luxury กว่า 6 รุ่น แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลในการสร้างสรรค์ประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ ตอบสนองทุกมิติของไลฟ์สไตล์หรูหราของผู้คนที่ฉลาดเลือก
งานนี้สะท้อนถึงการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างมรดกอันยาวนานของแบรนด์เข้ากับเทคโนโลยีแห่งอนาคต ตั้งแต่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่เป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาด ไปจนถึงยนตรกรรมที่ยังคงยึดมั่นในขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปที่ทรงประสิทธิภาพ พร้อมการออกแบบที่ประณีตงดงาม และฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลได้อย่างไร้ที่ติ แต่ละรุ่นที่เปิดตัวไม่เพียงแต่เป็นพาหนะ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จ ความสง่างาม และความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี ที่พร้อมจะเปลี่ยนทุกการเดินทางให้กลายเป็นช่วงเวลาอันน่าจดจำอย่างแท้จริง
Mercedes-Maybach EQS 680 SUV: ที่สุดแห่ง SUV ไฟฟ้าหรูหราเหนือระดับ
เมื่อกล่าวถึงชื่อ Mercedes-Maybach ภาพความหรูหราขั้นสูงสุด ศิลปะแห่งการรังสรรค์ และความพิเศษเฉพาะตัวย่อมปรากฏขึ้นในมโนสำนึก และในปี 2025 นี้ Maybach ได้ก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัวด้วยการเปิดตัว Mercedes-Maybach EQS 680 SUV ซึ่งนับเป็นยนตรกรรมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกภายใต้แบรนด์ Maybach โดยแท้จริง นี่ไม่ใช่เพียงแค่รถยนต์ แต่คือผลงานชิ้นเอกที่หลอมรวมความยั่งยืนเข้ากับความโอ่อ่าได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การออกแบบภายนอกยังคงเอกลักษณ์ของ Maybach ไว้อย่างชัดเจน ด้วยสัดส่วนที่สง่างาม เส้นสายที่พลิ้วไหว แต่แฝงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งของเอสยูวี กระจังหน้าแบบ Maybach ที่โดดเด่น ไฟส่องสว่างอันเป็นเอกลักษณ์ และองค์ประกอบโครเมียมที่ประดับประดาอย่างพิถีพิถัน ล้วนบ่งบอกถึงสถานะความเป็นยนตรกรรมระดับไฮเอนด์ ตั้งแต่แรกเห็น ทุกรายละเอียดถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความประทับใจและประกาศถึงรสนิยมอันเป็นเลิศ
แต่หัวใจสำคัญของ Maybach EQS 680 SUV อยู่ที่ห้องโดยสาร ภายในคือโลกส่วนตัวที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อมอบความสะดวกสบายและความหรูหราสูงสุดให้กับผู้โดยสาร พื้นที่ภายในโอ่โถง โปร่งสบาย ด้วยวัสดุชั้นเลิศ อาทิ หนัง Nappa คุณภาพสูง ลายไม้ธรรมชาติ และโลหะขัดเงา ทุกพื้นผิวสัมผัสถูกสร้างสรรค์ด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด เบาะนั่งด้านหลังเป็นแบบ Executive Seats ที่สามารถปรับเอนได้สูงสุด พร้อมฟังก์ชันนวด ระบบทำความร้อนและระบายอากาศ ให้ผู้โดยสารได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่เสมือนอยู่ในเครื่องบินส่วนตัวชั้นเฟิสต์คลาส ระบบความบันเทิง MBUX Hyperscreen ขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมแผงหน้าปัด พร้อมจอแสดงผลสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และระบบเสียง Burmester® 4D Surround Sound System มอบประสบการณ์การฟังเพลงที่สมจริง ทำให้ทุกการเดินทางกลายเป็นความเพลิดเพลินที่ไม่สิ้นสุด
ในด้านสมรรถนะ Maybach EQS 680 SUV มาพร้อมระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอันทรงพลัง มอบอัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจ ไร้เสียงรบกวน และการขับขี่ที่นุ่มนวลอย่างเป็นเลิศ ระยะทางวิ่งต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตอบโจทย์การใช้งานระยะไกลได้อย่างสบายใจ พร้อมเทคโนโลยีการชาร์จที่รวดเร็ว สะดวกสบาย การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานไฟฟ้าของ Maybach แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในการนำเสนอยนตรกรรมที่ล้ำสมัย โดยไม่ลดทอนความหรูหราและประสิทธิภาพ ที่สุดแห่งยนตรกรรมเอสยูวีไฟฟ้าคันนี้เปิดราคาเริ่มต้นที่ 12,500,000 บาท พร้อมมอบนิยามใหม่ของ “ประสบการณ์ขับขี่” ที่หรูหราและยั่งยืน
Mercedes-Maybach S 580 e Premium: ความสมบูรณ์แบบแห่งซีดานไฮเอนด์ปลั๊กอินไฮบริด
ควบคู่ไปกับยุคของยานยนต์ไฟฟ้า เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงนำเสนอทางเลือกที่ผสานโลกของเครื่องยนต์สันดาปและไฟฟ้าเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว และ Mercedes-Maybach S 580 e Premium คือตัวอย่างที่ชัดเจนของปรัชญานี้ ยนตรกรรมซีดานระดับไฮเอนด์ลักชัวรีรุ่นนี้สะท้อนเอกลักษณ์ความสง่างามในแบบฉบับของ S-Class ที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก พร้อมยกระดับไปอีกขั้นด้วยตราสัญลักษณ์ Maybach และระบบขับเคลื่อนแบบปลั๊กอินไฮบริด
Maybach S 580 e Premium กลับมาพร้อมตัวถังสีทูโทนใหม่ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ Maybach ที่ผลิตในประเทศ (Local Production) สะท้อนถึงความเข้าใจในรสนิยมและความต้องการของตลาดไทย โดยสีทูโทนไม่เพียงแต่เพิ่มความสง่างาม แต่ยังเป็นงานศิลปะที่ต้องอาศัยความประณีตในการพ่นสีและตกแต่ง แสดงถึงความพิถีพิถันในทุกรายละเอียดของการผลิต
ภายในห้องโดยสารคืออาณาจักรแห่งความผ่อนคลายและความสะดวกสบาย ด้วยพื้นที่อันกว้างขวางและเงียบสงบ วัสดุที่ใช้ล้วนเป็นวัสดุชั้นเลิศ เช่น หนังพิเศษที่ให้สัมผัสอ่อนนุ่ม การตกแต่งด้วยลายไม้และโลหะที่มีลวดลายเฉพาะตัว และการจัดวางอุปกรณ์ที่คำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์สูงสุด เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ไร้ที่ติ เบาะหลังแบบ Executive Seats พร้อมฟังก์ชันการปรับที่หลากหลาย รวมถึงโต๊ะพับเก็บได้และช่องแช่เย็นสำหรับเครื่องดื่ม ล้วนเป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงความเหนือระดับของ Maybach
ระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดผสานเครื่องยนต์สันดาปที่ทรงพลังเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า มอบทั้งสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมและการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีเยี่ยม ผู้ขับขี่สามารถเลือกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวสำหรับการเดินทางในเมืองระยะสั้นๆ ที่เงียบสงบและปราศจากการปล่อยมลพิษ หรือใช้ขุมพลังจากทั้งสองระบบเพื่อการเดินทางไกลที่ราบรื่นและเปี่ยมด้วยพละกำลัง พร้อม “เทคโนโลยียานยนต์” ล้ำสมัยมากมาย เช่น ระบบช่วงล่างถุงลม AIRMATIC ที่ปรับความสูงและลดแรงกระแทกอัตโนมัติ และระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ทำให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างง่ายดายและปลอดภัย Maybach S 580 e Premium คือการผสานความคลาสสิกเข้ากับนวัตกรรม เพื่อให้ได้มาซึ่งที่สุดของซีดานลักชัวรีในราคาเริ่มต้น 11,300,000 บาท ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหายานยนต์พรีเมียมที่ผสมผสานประสิทธิภาพและ “พลังงานสะอาด” เข้าด้วยกัน
Mercedes-Benz G 580 with EQ Technology: ตำนานออฟโรดในร่างพลังงานไฟฟ้า 100%
G-Class หรือที่รู้จักกันในฉายา “King of Off-Road” คือตำนานที่มีชีวิตของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 45 ปี ที่พิสูจน์แล้วถึงความแข็งแกร่งและสมรรถนะที่เหนือชั้นในการลุยเส้นทางหฤโหดทุกรูปแบบ และในปี 2025 นี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการนำตำนานนี้ก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัวกับ Mercedes-Benz G 580 with EQ Technology
นี่คือครั้งแรกที่ G-Class ได้รับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% โดยมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว แยกติดตั้งที่แต่ละล้อ ทำให้สามารถทำแรงบิดได้สูงสุดถึง 1,164 นิวตันเมตร ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่มากที่สุดของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์เลยทีเดียว ขุมพลังอันมหาศาลนี้ไม่เพียงแต่ให้พละกำลังในการเร่งแซงที่น่าทึ่งบนทางเรียบ แต่ยังมอบความสามารถในการตะลุยออฟโรดที่เหนือกว่า ด้วยการควบคุมแรงบิดของแต่ละล้อได้อย่างแม่นยำ ทำให้เกิดคุณสมบัติพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อนใน G-Class อย่างการหมุนตัวแบบ “Tank Turn” หรือ “G-Turn” ที่รถสามารถหมุนตัวอยู่กับที่ได้ แสดงถึงศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของ “เทคโนโลยียานยนต์” ไฟฟ้า
การออกแบบภายนอกยังคงรักษารูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของ G-Class ไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมอันแข็งแกร่ง บานประตูที่ปิดด้วยเสียงอันหนักแน่น และยางอะไหล่ด้านหลังอันเป็นสัญลักษณ์ อย่างไรก็ตาม ได้มีการปรับปรุงรายละเอียดเล็กน้อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์และบ่งบอกถึงความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า เช่น กระจังหน้าแบบปิดทึบเล็กน้อย และล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่ ภายในห้องโดยสารได้รับการยกระดับด้วย “ดีไซน์ทันสมัย” และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ายิ่งขึ้น แต่ยังคงกลิ่นอายความบึกบึนที่แฟน G-Class คุ้นเคย จอแสดงผลดิจิทัลขนาดใหญ่ ระบบ MBUX รุ่นล่าสุด และการเชื่อมต่อที่ครบครัน มอบความสะดวกสบายและข้อมูลที่จำเป็นสำหรับทั้งการเดินทางในเมืองและ “ประสบการณ์ขับขี่” แบบออฟโรดที่ท้าทาย
Mercedes-Benz G 580 with EQ Technology เปิดตัว 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น STANDARD ราคาเริ่มต้น 9,500,000 บาท และรุ่น EDITION ONE ราคาเริ่มต้น 12,200,000 บาท โดยรุ่น EDITION ONE จะจำหน่ายในจำนวนจำกัดเพียง 6 คันในประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งเป็นโอกาสพิเศษสำหรับนักสะสมและผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของ G-Class ไฟฟ้าในรุ่นพิเศษนี้ G 580 with EQ Technology คือบทพิสูจน์ว่าตำนานสามารถปรับตัวเข้ากับยุคสมัยได้อย่างงดงาม โดยยังคงรักษาจิตวิญญาณแห่งความแข็งแกร่งและอิสระไว้อย่างเต็มเปี่ยม
Mercedes-Benz G 450 d: ขุมพลังดีเซลตอบโจทย์แฟนพันธุ์แท้
แม้ว่าโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้า แต่เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงเข้าใจถึงความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ที่ยังคงชื่นชอบและเชื่อมั่นในขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับรถยนต์ออฟโรด และด้วยเหตุนี้ การเปิดตัว Mercedes-Benz G 450 d จึงเป็นการตอบรับคำเรียกร้องของกลุ่มลูกค้าชาวไทยอย่างแท้จริง ยนตรกรรม The new G-Class รุ่นนี้มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลที่ทันสมัยและทรงประสิทธิภาพ
G 450 d โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ดีเซลที่ได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ทั้งในด้านพละกำลัง แรงบิด และ “ประหยัดเชื้อเพลิง” ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางระยะไกล การลากจูง หรือการใช้งานที่ต้องการพละกำลังอย่างต่อเนื่อง การมาของ G 450 d เป็นการเติมเต็มไลน์อัพของ G-Class ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น มอบทางเลือกให้กับผู้ที่ต้องการ “รถยนต์สมรรถนะสูง” ที่ยังคงพึ่งพาขุมพลังดีเซล แต่ในขณะเดียวกันก็ได้รับการอัปเกรดทั้งในด้าน “เทคโนโลยียานยนต์” และ “ความปลอดภัยรถยนต์” ตามมาตรฐานของ G-Class ยุคใหม่
การออกแบบภายนอกของ G 450 d ยังคงยึดมั่นในดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ G-Class ที่เป็นอมตะ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง แต่มีการปรับปรุงภายในห้องโดยสารให้มีความหรูหราและทันสมัยยิ่งขึ้น ด้วยระบบสาระบันเทิง MBUX ล่าสุด และการเชื่อมต่อที่ครบครัน ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายสูงสุด ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือออกนอกเส้นทาง G 450 d คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างมรดกอันยาวนานของ G-Class เข้ากับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 12,200,000 บาท
Mercedes-Benz S 580 e AMG Premium: ที่สุดแห่งซีดานหรู พร้อมความปราดเปรียวสไตล์ AMG
S-Class คือนิยามของ “ยนตรกรรมพรีเมียม” ที่แท้จริง เป็นรถยนต์ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับโลกยานยนต์มาโดยตลอด และ Mercedes-Benz S 580 e AMG Premium คือการยกระดับนิยามนั้นไปอีกขั้น ด้วยการผสมผสานความหรูหรา โอ่อ่าของ S-Class เข้ากับความสปอร์ต ปราดเปรียวของแพ็คเกจ AMG และระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดที่ทรงประสิทธิภาพ
ยนตรกรรมลักชัวรี่ซีดานคันนี้มอบความครบเครื่องในทุกมิติ ทั้งสุนทรียภาพด้านการขับขี่ที่เหนือกว่า ความสะดวกสบายของการโดยสารที่ไร้ที่ติ ระบบความบันเทิงที่ล้ำสมัย และ “ความปลอดภัยรถยนต์” ขั้นสูงที่วางใจได้ ด้วยการออกแบบภายนอกที่มาพร้อมชุดแต่ง AMG รอบคัน ไม่ว่าจะเป็นกันชนหน้า-หลัง สเกิร์ตข้าง และล้ออัลลอยด์ AMG ขนาดใหญ่ ที่ทำให้ S 580 e AMG Premium มีรูปลักษณ์ที่ดูดุดันและสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ขณะที่ยังคงรักษาความสง่างามตามแบบฉบับ S-Class ไว้อย่างครบถ้วน
หัวใจสำคัญที่เพิ่ม “ประสบการณ์ขับขี่” ให้เหนือชั้นขึ้นไปอีกคือระบบควบคุมทิศทางตัวรถแบบเลี้ยว 4 ล้อ (Rear axle steering 4.5°) ซึ่งช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ทำให้การกลับรถหรือเข้าจอดในพื้นที่แคบเป็นเรื่องง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ และเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ที่ความเร็วสูง ทำให้การเข้าโค้งเป็นไปอย่างมั่นคงและปลอดภัย ระบบนี้สะท้อนถึง “เทคโนโลยียานยนต์” ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อยกระดับการควบคุมรถยนต์
ภายในห้องโดยสารได้รับการตกแต่งในสไตล์ AMG Line ที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับความสปอร์ตได้อย่างลงตัว ด้วยเบาะนั่งที่โอบกระชับ พวงมาลัยสปอร์ต และวัสดุตกแต่งพิเศษ จอแสดงผล MBUX ขนาดใหญ่และระบบ Head-Up Display พร้อม Augmented Reality Navigation มอบข้อมูลที่ครบถ้วนและใช้งานง่าย ระบบเสียง Burmester® 3D Surround Sound System สร้างบรรยากาศความบันเทิงขั้นสูง พร้อมฟังก์ชัน Energizing Comfort ที่ช่วยปรับบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้เข้ากับอารมณ์ของผู้โดยสาร S 580 e AMG Premium เป็นซีดานที่ไม่ได้มีแค่ความหรูหรา แต่ยังมอบความเร้าใจในการขับขี่ที่แตกต่างในราคา 7,580,000 บาท
Mercedes-Benz V 300 d Exclusive: รถแวนลักชัวรี่ 6 ที่นั่ง เพื่อครอบครัวและธุรกิจ
ในขณะที่หลายคนอาจนึกถึงรถซีดานหรือเอสยูวีเมื่อพูดถึงความหรูหรา เมอร์เซเดส-เบนซ์พิสูจน์ให้เห็นว่าความหรูหราสามารถอยู่ในรูปแบบที่หลากหลายกว่านั้น ด้วย Mercedes-Benz V 300 d Exclusive ซึ่งเป็นรถแวนระดับ “รถครอบครัวหรู” 6 ที่นั่ง รุ่นนำเข้าตามมาตรฐานยุโรป ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งการเดินทางแบบครอบครัวและการใช้งานในทางธุรกิจได้อย่างสมบูรณ์แบบ
V 300 d Exclusive มอบความสะดวกสบายและความหรูหราระดับเฟิร์สคลาส ด้วยพื้นที่ภายในที่กว้างขวางเป็นพิเศษ สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดวางที่นั่งได้หลากหลายตามความต้องการของผู้ใช้งาน เบาะนั่งผู้โดยสารสามารถปรับเอนได้ มีที่พักแขน และพื้นที่วางขาที่กว้างขวาง ทำให้ทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล เป็นไปอย่างผ่อนคลายและสะดวกสบายสูงสุด วัสดุที่ใช้ใน “ภายในห้องโดยสาร” ล้วนเป็นวัสดุคุณภาพสูง การตกแต่งที่ประณีต และแสงไฟ Ambient Light ที่ปรับเปลี่ยนได้ ทำให้บรรยากาศภายในรถดูทันสมัยและอบอุ่น
นอกจากความสะดวกสบายแล้ว V 300 d Exclusive ยังเสริมสมรรถนะที่ทรงพลังยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลที่ให้พละกำลังและแรงบิดที่เพียงพอต่อการขับขี่ในทุกสภาพเส้นทาง ทั้งในเมืองและนอกเมือง การขับขี่ที่นุ่มนวลและเงียบสงบ ทำให้ผู้โดยสารสามารถพักผ่อน ทำงาน หรือเพลิดเพลินกับ “ระบบความบันเทิง” ได้อย่างเต็มที่ ฟังก์ชันด้าน “ความปลอดภัยรถยนต์” ก็จัดเต็มตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อาทิ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน ระบบเตือนการชน และถุงลมนิรภัยรอบคัน ทำให้มั่นใจได้ในทุกการเดินทาง
V 300 d Exclusive คือทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้บริหารที่ต้องการ “รถผู้บริหาร” ที่สามารถใช้เดินทางกับครอบครัวได้อย่างสะดวกสบาย หรือสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ที่มองหารถยนต์ที่มีพื้นที่กว้างขวาง แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหราและสมรรถนะระดับพรีเมียม ตอบโจทย์ “ไลฟ์สไตล์หรูหรา” ที่ต้องการความยืดหยุ่นและการใช้งานที่หลากหลายในราคา 5,820,000 บาท
วิสัยทัศน์แห่งอนาคตจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย
มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเปิดตัวยนตรกรรมทั้ง 6 รุ่นนี้ว่า “การเปิดตัวในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเลิศในทุกด้านของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างแท้จริง โดยแบรนด์ Mercedes-Maybach และรถยนต์กลุ่ม S-Class ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหราแบบร่วมสมัย ด้วยการตกแต่งภายในสุดประณีต เทคโนโลยีล้ำสมัย และการออกแบบที่เหนือกาลเวลา เราเชื่อมั่นว่ายนตรกรรมเหล่านี้จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ลักชัวรีในประเทศไทย และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาสิ่งที่ดีที่สุดได้อย่างครบวงจร”
มร. ชเวงค์ยังกล่าวเสริมว่า “ในส่วนของรถยนต์กลุ่ม G-Class นั้น เป็นตัวแทนด้านขุมพลังและมรดกอันยิ่งใหญ่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมตอกย้ำถึงความสง่างามที่มาพร้อมความแข็งแกร่งและสมรรถนะขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็น G-Class พลังงานไฟฟ้า 100% ที่เป็นดั่งสะพานเชื่อมสู่โลกแห่งอนาคต หรือ G-Class ขุมพลังดีเซลที่ยังคงเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าที่รักในความคลาสสิก แต่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ และสำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่กว้างขวางในการใช้งาน เรายังได้นำเสนอรถแวนอเนกประสงค์ในกลุ่ม V-Class ที่เหมาะสำหรับกลุ่มครอบครัวและกลุ่มนักธุรกิจ พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานที่หลากหลาย มอบความหรูหราและความยืดหยุ่นในการเดินทางให้กับทุกไลฟ์สไตล์”
บทสรุปแห่งความหรูหราและนวัตกรรม
การเปิดตัวยนตรกรรมระดับ Top-End Luxury กว่า 6 รุ่นในปี 2025 นี้ ไม่ได้เป็นเพียงการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ แต่เป็นการประกาศถึงทิศทางอันชัดเจนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม ความยั่งยืน และความหรูหราเหนือระดับ แบรนด์ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการผสมผสานมรดกอันทรงคุณค่าเข้ากับ “ดีไซน์ทันสมัย” และเทคโนโลยีแห่งอนาคตได้อย่างลงตัว เพื่อสร้างสรรค์ “ยนตรกรรมพรีเมียม” ที่ไม่เป็นเพียงแค่พาหนะ แต่เป็นส่วนหนึ่งของ “ไลฟ์สไตล์หรูหรา” และเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จที่ขับเคลื่อนด้วย “พลังงานสะอาด” และความมุ่งมั่นที่จะมอบ “ประสบการณ์ขับขี่” ที่เหนือกว่าในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น “รถยนต์ไฟฟ้า” สุดหรู “รถยนต์หรู” ซีดานระดับผู้นำ หรือ “รถครอบครัวหรู” ที่เปี่ยมด้วยฟังก์ชันการใช้งาน ทุกรุ่นล้วนได้รับการรังสรรค์ขึ้นด้วยความประณีต และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของลูกค้า เพื่อให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับผู้ที่แสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดเสมอมา.
