Fisker Alaska vs. Tesla Cybertruck รถกระบะ EV คันไหนดี??
เมื่อเร็วๆ นี้ Tesla ได้เปิดตัว Cybertruck รุ่นที่พร้อมสำหรับการผลิต แต่ยังไม่มีกำหนดวันที่จัดจำหน่ายอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับ Fisker ที่เพิ่งเปิดตัว Alaska ดังนั้นรถกระบะไฟฟ้าทั้งสองคันนี้อาจจะมีข้อมูลที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตเมื่อออกสู่สายการผลิตจริง


คุณสมบัติและการใช้งาน
เริ่มกันด้วยความอเนกประสงค์ของ Alaska ที่มาพร้อมแผงกั้นแบบ Houdini ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Houdini Trunk แบบเดียวกันใน Pear EV SUV เรียกง่ายๆ ก็คือฉากกั้นระหว่างที่นั่งผู้โดยสารตอนหลังกับตัวกระบะ มองแล้วก็เหมือนได้แนวคิดมาจาก Chevrolet Avalanche เช่นกัน ซึ่งแผงกั้น Houdini จะซ่อนตัวอยู่และสามารถเลื่อนลงมาข้างล่างเพื่อปิดได้ ดังนั้นจึงสามารถเพิ่มพื้นที่ในการเก็บสัมภาระตอนท้ายกระบะจาก 4.5 ฟุตเป็น 7.5 ฟุต ในส่วนของเบาะสามารถพับได้ 3 ทิศทาง และยืดได้ถึง 9.2 ฟุตเมื่อหย่อนประตูท้ายลง
คุณลักษณะในการเก็บสัมภาระของ Cybertruck อย่างแรกคือฝากระโปรงแบบบูรณาการสามารถพับได้ และมีระบบกันสั่นสะเทือนแบบถุงลมด้านหลัง ซึ่งสามารถปล่อยอากาศออกทั้งหมดเพื่อให้ง่ายต่อการบรรทุกสิ่งของ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ใช้ทางลาดชัน หมายความว่า Cybertruck จะเป็นยานพาหนะที่ยอดเยี่ยมในการขนสิ่งของให้กับคุณ และอย่างที่กล่าวไปข้างต้นคุณสมบัตินี้จะยังมีอยู่ตามที่ทาง Tesla อ้างไว้หรือไม่ต้องรอดูกันต่อไป


คุณสมบัติของแบตเตอรี่
แน่นอนว่าในเรื่องแบตเตอรี่ได้มีการพัฒนามาเป็นเวลาหนึ่ง และสามารถวิ่งได้ไกลมากกว่า 230 ไมล์ หรือประมาณ 370 กิโลเมตร ในแบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟต (LFP) ซึ่งเป็นก้อนเล็กสุด นั่นหมายถึงเมื่อไม่ได้บรรทุกและไม่ได้ลากรถพ่วง และดูเหมือนว่า Alaska จะเป็นรถบรรทุกที่เหมาะสำหรับวิ่งในเมืองซะมากกหว่า เช่นเดียวกับ Ford Maverick และ Hyundai Santa Cruz โดยที่ Alaska สามารถวิ่งได้ไกลขึ้นอีกถึง 340 ไมล์ หรือประมาณ 547 กิโลเมตร ในชุดแบตเตอรี่ Hyper Range 113 kWh ที่ทำจากแมงกานีสโคบอลต์ (NMC) โด่งดังเป็นอย่างมากก่อนหน้านี้ จากการออกมาเคลมว่าเป็น “รถกระบะ EV ที่เบาที่สุดในโลก” แต่ก็ยังไม่เคยเห็นตัวเลขที่แท้จริงของน้ำหนัก
สำหรับ Tesla ยังไม่ได้เปิดเผยตัวเลข EPA หรือความจุของแบตเตอรี่สำหรับ Cybertruck แต่อ้างว่าจะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 500 ไมล์ หรือประมาณ 804 กิโลเมตร จากการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง



