ที่สุดของยุค McLaren 750S เจาะลึก DNA Supercar ที่มีกำลังขับเคลื่อนเยี่ยมและทรงพลังมากที่สุด
นับเป็นอีกครั้งที่ McLaren เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในภูมิภาคอาเซียนโดยเลือกไต้หวันเป็นสถานที่จัดงานในครั้งนี้ ด้วยเหตุผลว่า McLaren Taiwan เพิ่งจะได้รับรางวัล Global Retailer of the Year ในปี 2022 และถือเป็นครั้งที่สองของพวกเขาที่ได้รับรางวัลนี้

เมื่อพูดถึง McLaren เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่สามารถสร้างรถซูเปอร์คาร์ที่ดีที่สุดในโลกที่เคยมีมา จากการสั่งสมประสบการณ์มานับไม่ถ้วนจนก้าวมาเป็นแบรนด์รถซูเปอร์คาร์บอร์ต้นที่หลาย ๆ คนต่างไว้วางใจ ซึ่งประวัติศาสตร์การพัฒนาวิศวกรรมยานยนต์ในอดีตของ McLaren ยังได้สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับวงการยานยนต์ของโลก เช่น McLaren F1 เป็น Road car คันแรกของโลกที่ใช้ Carbon Fibre Chassis และยังส่งผลต่อการพัฒนาปรับปรุงรถยนต์สมรรถนะสูง มาจนถึงปัจจุบัน

เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Autospinn ได้มีโอกาสร่วมสัมผัส DNA ของรถรุ่นใหม่ McLaren 750S โมเดลจริงถึงไต้หวัน รถซูเปอร์คาร์ที่มีน้ำหนักเบาที่สุด มีกำลังขับเคลื่อนมากที่สุด และทรงพลังที่สุดในสายการผลิตเพื่อจำหน่าย
การออกแบบภายนอกยังคงสไตล์รถซูเปอร์คาร์ของแบรนด์เอาไว้ โดยนำความโดดเด่นจาก 720S รวบรวมมาไว้ในรถรุ่นใหม่นี้ได้อย่างลงตัวและเป็นเอกลักษณ์ จนได้เป็น McLaren 750S ที่มีความล้ำหน้า ในด้าน Weight Saving ด้านเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง อากาศพลศาสตร์ เรียกว่าเป็นการยกระดับมาตรฐานและประสบการณ์ การขับขี่สำหรับซูเปอร์คาร์แห่งอนาคต ส่งผลให้รถรุ่นนี้เป็นผู้นำในกลุ่มตลาด

แรงม้าต่อน้ำหนักรถอยู่ที่ 540 แรงม้า/ตัน และมีแรงบิดมากกว่าคู่แข่งถึง 60 นิวตัน-เมตร มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4 ลิตร Twin-Turbocharged แรงบิด 800 นิวตัน-เมตร สอดประสานกันกับชุดเกียร์ 7 สปีด ที่เอื้อให้รถสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 2.8 วินาที และเร่งความเร็วจาก 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 7.2 วินาที (สำหรับรุ่น Coupe) และ 7.3 วินาที (สำหรับรุ่น Spider)

นอกจากนี้ เรายังได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ 2 หัวเรือใหญ่ของ McLaren คือ Ms.Charlotte Dickson: Head of Asia Pacific McLaren Automotive และ Mr.Shane Harman: Product Planning Manager จาก McLaren Automotive ที่มาร่วมเปิดตัว รุ่น 750S ในครั้งนี้
โดย คุณ Charlotte ได้บอกเราว่าผู้ที่หลงใหลใน McLaren จะต้องชื่นชอบรุ่น 750S เป็นอย่างมาก เพราะหาก
มองไปที่รุ่น 750S และถ้าคุณเคยสัมผัสกับ Artura ซึ่งเป็นซูเปอร์คาร์อีกคันของ McLaren ทั้งคู่ถ่ายทอดประสบการณ์ที่ให้ความเร้าใจในการขับขี่เป็นอย่างมาก แต่ในรูปแบบที่แตกต่างกัน รุ่น 750S เป็นการนำพื้นฐานการออกแบบจากรุ่น 720S มาพัฒนาต่อยอดพัฒนาไปอีกขั้น เพื่อทำให้รุ่น 750S เบาขึ้น ซึ่งเบากว่าคู่แข่งหลักอย่างน้อย 200 กิโลกรัม (DIN Kerb weight) มีพละกำลังมากขึ้น และมีความโดดเด่นมากขึ้น รถรุ่นนี้จึงกลายเป็นพื้นฐานใหม่สำหรับ McLaren ในขณะที่รุ่น Artura ยังคงมีความสามารถในเรื่องของสมรรถนะ และเหมาะที่จะเป็นรถที่ใช้ในชีวิตประจำวัน มีโหมดการขับขี่ที่แตกต่างกันถึง 4 โหมด ตั้งแต่โหมด Track ซึ่งทำความเร็วได้มากที่สุด ไปจนถึง E-mode ที่คุณสามารถขับขี่ในเมืองยามค่ำคืน ที่ค่อนข้างเงียบได้
ด้วยเหตุที่ McLaren เข้าใจว่ามีกลุ่มลูกค้าทั้ง 2 แบบที่แตกต่างกันอย่างมาก ลูกค้าบางส่วนที่ต้องการซูเปอร์คาร์ที่มีความดุดัน นั่นคือรุ่น 750S แต่ก็ยังมีอีกกลุ่มลูกค้า ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งต้องการผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้ในไลฟ์สไตล์ชีวิตประจำวันและนั่นคือสิ่งที่ Artura ตอบโจทย์กลุ่มคนเหล่านั้น



