การออกแบบภายในห้องโดยสาร
ถ้ายังจำกันได้ E-Class All-Terrain ในรุ่นก่อนเบาะนั่งแถวที่สองสามารถหันหน้าไปทางเบาะนั่งด้านหลังได้ สำหรับในรุ่นใหม่นี้ยังไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลในส่วนนี้ ซึ่งหวังว่าในรุ่นใหม่จะมีเช่นเดียวกัน หลังจากเวอร์ชัน AMG ได้ยกเลิกออกไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน


ก่อนหน้านี้จอแสดงผลทั้งสองจอจะอยู่รวมกันบนแผงหน้าปัด แต่ในรุ่นใหม่นี้ได้แยกชิ้นส่วนจอดิจิทัลระบบสัมผัสไว้บริเวณกลางคอนโซล สามารถเปิดใช้งาน 5G แบบเดียวกับในรุ่นซีดาน รวมถึงความสามารถในการโทรแบบ Zoom ในตัว รวมถึง TikTok การสตรีมวิดีโอ และปลดล็อกหรือสตาร์ทรถได้ผ่าน iPhone หรือ Apple Watch


เทคโนโลยีและระบบ Assistants
Mercedes-Benz E-Class All-Terrain มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนแบบถุงลมสี่มุม ติดตั้งแดมเปอร์ที่สามารถปรับด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ สปริงเหล่านี้สามารถลดความสูงได้ถึง 0.6 นิ้ว เมื่อต้องการทำความเร็วบนถนนทางตรง นอกจากนี้ยังมีระบบการขับขี่โหมด Odd-Road รวมถึงระบบ “Transparent Hood” ที่สามารถปรับฝากระโปรงโปร่งใส ซึ่งจะมีประโยชน์ในการมองเห็นเมื่อขับรถปีนขึ้นไปตามทางที่สูงชัน

เครื่องยนต์ 6 สูบ ไฮบริด ขนาด 3.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า มาพร้อมกับแรงม้า 375 แรงม้า กับแรงบิด 369 ปอนด์ฟุตเท่ากับในรุ่น ซีดาน E450 ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4Matic

ราคาค่าตัวของ Mercedes-Benz E-Class All-Terrain คาดการณ์ว่าอยู่ที่ประมาณ 90,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,150,000 บาท และแม้ว่ารถยนต์สเตชั่นแวกอนจะค่อยๆ ลดน้อยลงเรื่อยๆ แต่ก็ยังมี Customer Loyalty ที่ยังเพลิดเพลินกับความหรูหราและสะดวกสบายอยู่มากทีเดียว

