BYD Shark รถกระบะ PHEV พร้อมแล้วที่จะพิชิตตลาดโลก
น้อง Dolphin ก็มีแล้ว พี่คนกลางอย่าง Seal ก็เป็นที่นิยมสุดๆ ทีนี้ถึงตาพี่ใหญ่อย่าง Shark รถปิคอัพปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่จากค่าย BYD ออกโรงกันบ้าง ซึ่งพี่เค้ามาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ PHEV ที่ผลิตพละกำลัง 430 แรงม้า สามารถวิ่งได้ไกล 100 กิโลเมตร ด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่
BYD Shark ปิคอัพปลั๊กอินไฮบริด
การออกแบบรูปลักษณ์มีความบึกบึนตามสไตล์รถยนต์ปิคอัพ มาพร้อมกับไฟหน้าและไฟท้ายทรงเหลี่ยมที่ดูละม้ายคล้ายกับดีไซน์ของ Ford Ranger Raptor รวมถึงความอลังของโลโก้ BYD ขนาดมหึมาที่โดดเด่นเห็นมาแต่ไกล ในส่วนของด้านท้ายโลโก้ BYD ขนาดยักษ์ย้ายไปอยู่บนฝาประตูท้าย ซึ่งก็ดูเท่และคล่องตัวไปอีกแบบ ราวหลังคาและ Sport Bar ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา และใช้วัสดุสีเงินในการตกแต่งบริเวณแผ่นกันกระแทกใต้ท้อง ในส่วนของล้ออัลลอยมีขนาด 18 นิ้ว มีมิติตัวถังยาว 5,457 มิลลิเมตร กว้าง 1,971 มิลลิเมตร และสูง 1,925 มิลลิเมตร
ขุมพลังการขับเคลื่อน
พละกำลังมาจากเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ที่ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า สามารถผลิตกำลัง 430 แรงม้า มีความสามารถในการลากจูงได้ถึง 5,512 ปอนด์ หรือประมาณ 2,500 กิโลกรัม บรรทุกได้สูงสุด 1,841 ปอนด์ หรือประมาณ 835 กิโลกรัม ทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลาประมาณ 5.7 วินาที ซึ่งก็ถือว่าน่าประทับใจมากเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับขนาดของตัวถังรวมถึงน้ำหนักของพี่ Shark
จากตัวเลขที่กล่าวมาก็ต้องบอกว่าสมศักดิ์ศรีของ BYD ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลก (ณ ขณะนี้) และนอกจากนี้ทาง BYD ยังออกมากล่าวอีกด้วยว่า Shark นั้นสามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 100 กิโลเมตร และสามารถเดินทางได้ไกลถึง 836 กิโลเมตร หากเติมน้ำมันเต็มถังและชาร์จแบตเตอรี่เต็ม คุณสมบัติที่น่าประทับใจอีกหนึ่งประการ คือรองรับการชาร์จแบบ DC หรือ Fast Charge ด้วยพอร์ต CCS1 (เป็นมาตรฐานการชาร์จ DC สำหรับอเมริกาเหนือ) สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด 500 แอมป์ และกระแสไฟ DC 1,000 โวลต์ ให้กำลังไฟฟ้าสูงสุด 360 กิโลวัตต์ เป็นระบบการชาร์จแบบรวมโดยใช้โปรโตคอลการสื่อสารเดียวกันกับขั้วต่อ SAE J1772 Type 1 ทำให้สามารถชาร์จ AC และ DCได้ใน 1 พอร์ต แทนที่จะเป็น 2 พอร์ตแยกกัน ซึ่งสามารถชาร์จไฟจาก 30-80% ได้ภายในเวลา 20 นาที
ดีไซน์ภายในห้องโดยสาร
ออกแบบภายในห้องโดยสารด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ใช้งานจริงได้อย่างทนทาน ติดตั้งช่องแอร์เป็นรูปเหลี่ยมผืนผ้าตั้งอยู่ทั้งสองด้านซ้านขวา ส่วนตรงกลางข้างล่างหน้าจออินโฟเทนเมนต์วางแบบแนวนอนปกติ มีจอแสดงผลแดชบอร์ดดิจิตอลขนาด 10.3 นิ้ว ติดตั้งไว้หลังพวงมาลัย ตรงกลางคอนโซลมีหน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 12.8 นิ้ว ซึ่งสามารถหมุนได้ เพื่อรองรับการเข้าถึงของทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto และมีคันเกียร์รวมถึงปุ่มปฏิบัติการอื่นๆ ไว้ตรงกลางระหว่างคนขับกับผู้โดยสารตอนหน้า
มีระบบสั่งงานด้วยเสียง พร้อมทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ ฟังก์ชั่นร้องคาราโอเกะที่สามารถใช้งานไมโครโฟนแบบไร้สายได้อย่างสะดวกสบาย ติดตั้งแท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สายที่จ่ายไฟฟ้าแรงสูงด้วยกำลังสูงสุด 50W ในส่วนของกุญแจเป็นแบบ Digital ที่สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชั่นที่สั่งงานตัวรถได้หลากหลายฟังก์ชั่น รองรับฟังก์ชั่น V2L ที่สามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ได้
ทางด้านระบบความปลอดภัยมีให้เต็มพิกัด อาทิ ระบบ Adaptive Cruise Control ระบบเตือนการชนด้านหน้า / หลัง Forward / Rear Collision Warning ระบบเตือนการชนขณะถอยรถ Rear Cross Traffic Collision Warning พร้อมด้วยระบบเตือนรถออกนอกเลน Lane Departure Warning ระบบช่วยเปลี่ยนเลนกระทันหัน Emergency Lane Change Assist และระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน Automatic Emergency Braking รวมถึงมีกล้องมองรอบคันที่เปลี่ยนมุมมองด้านใต้ท้องรถได้อีกด้วย
BYD Shark วางแผนที่จะวางจำหน่ายในประเทศ Maxico ในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนี้ ซึ่งจะมีทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ GL และ GS โดยที่ทั้ง 2 รุ่น มีระบบส่งกำลังเหมือนกัน มาพร้อมกับราคาเริ่มต้นประมาณ 53,938 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,959,028 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน ในส่วนของประเทศไทยก็น่าจะตามมาเร็วๆ นี้เช่นกันค่ะ
