ภายใน Batur Convertible 2024
เบนท์ลีย์และอัครยนตรกรรมแบบเปิดประทุนมีประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่แบรนด์ถือกำเนิดขึ้นในปี 2462 ไปจนถึงอัครยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Bacalar การรังสรรค์รุ่น Batur Convertible ช่วยให้นักออกแบบจากมูลินเนอร์ได้คิดค้นรูปแบบพิเศษที่ไม่เพียงแต่การผสมผสานงานออกแบบของ Bacalar และ Batur เท่านั้น แต่ยังรวมถึงคุณสมบัติของอัครยนตรกรรมแบบเปิดประทุน ซึ่งนักออกแบบยังได้เลือกที่จะเน้นคุณสมบัติแบบสองที่นั่งด้วยห้องโดยสารที่โอบล้อมไปด้วยแรงบันดาลใจจากการออกแบบรุ่น Bacalar
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมกับตัวเลือกเฉพาะสำหรับการพิมพ์แบบ 3 มิติในเฉดสีชมพู Rose Gold ที่ใช้รังสรรค์บนจุดสัมผัสที่สำคัญของผู้ขับขี่ อาทิ แป้นตัวเลือกโหมดการขับขี่ของเบนท์ลีย์บริเวณรอบปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์และโหมดแชสซี และบริเวณคอนโซลกลางที่งดงามที่จะช่วยเสริมการออกแบบและเพื่อให้รับกับกระจังหน้า เฉดสีชมพู Rose Gold ยังได้นำมาตกแต่งกับปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ Organ Stop อันเป็นเอกลักษณ์ของเบนท์ลีย์บนแผงหน้าปัดและบนพวงมาลัย

เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ยังได้ร่วมมือกับช่างทองผู้เชี่ยวชาญในย่าน Jewellery Quarter อันเก่าแก่ของเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเครื่องประดับมาอย่างยาวนานหลายศตวรรษเพื่อการรังสรรค์ชิ้นส่วนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยความร่วมมือพิเศษนี้ได้เน้นย้ำถึงความสามารถของเบนท์ลีย์ในการผสมผสานเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงเข้ากับการเลือกใช้วัสดุและเทคนิคการตกแต่งแบบดั้งเดิม
เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ยังได้ร่วมมือกับช่างทองผู้เชี่ยวชาญในย่าน Jewellery Quarter อันเก่าแก่ของเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเครื่องประดับมาอย่างยาวนานหลายศตวรรษเพื่อการรังสรรค์ชิ้นส่วนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยความร่วมมือพิเศษนี้ได้เน้นย้ำถึงความสามารถของเบนท์ลีย์ในการผสมผสานเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงเข้ากับการเลือกใช้วัสดุและเทคนิคการตกแต่งแบบดั้งเดิม
การออกแบบ ‘Airbridge’ หรือฝาครอบบริเวณด้านหลังเบาะโดยสารทำให้นึกถึงรถยนต์สปอร์ตแบบเปิดประทุนในยุคเก่าที่เน้นสมรรถนะและผู้ขับขี่ สำหรับฝาครอบดีไซน์พิเศษไม่เพียงแต่จะสวยงามเท่านั้น แต่ยังมีช่องเก็บสัมภาระด้านหลังเบาะโดยสารทั้งสองอีกด้วย
Batur Convertible 2024 ได้รับการรังสรรค์ขึ้นด้วยช่างฝีมือชาวอังกฤษตลอดระยะเวลาหลายเดือนในเวิร์คช็อปของมูลินเนอร์ ณ โรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ อัครยนตรกรรมรุ่นพิเศษจะมีเพียง 16 คันในโลกเท่านั้น โดยจะถือเป็นอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์รุ่นสุดท้ายที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น W12 อันทรงสมรรถนะที่สุดของแบรนด์

