โหมดการใช้งาน MINI Experience 7 รูปแบบ

แต่ละโหมดมาพร้อมดีไซน์เสียง Jingle เสียงสร้างบรรยากาศขณะขับขี่และแสงสีที่ช่วยสร้างบรรยากาศภายในรถที่แตกต่างกัน ได้แก่
- Core Mode: โหมดหลักซึ่งเน้นการแสดงผลหน้าจอเมนูหลัก มาพร้อมกับไอคอนวิดเจ็ตที่ดูโดดเด่นตามสไตล์มินิ ในเฉดสี Laguna โดดเด่นแต่ไม่ฉูดฉาด ให้ความรู้สึกที่ล้ำสมัย เรียบหรู โดยแสงไฟภายในห้องโดยสารและการแสดงภาพจะปรับเปลี่ยนสีสันให้เข้ากับโทนสีนี้โดยอัตโนมัติ
- Go-Kart Mode: โหมดที่ปลุกจิตวิญญาณแห่งความเป็นมอเตอร์สปอร์ต เน้นความเร้าใจด้วยสมรรถนะขั้นสุด หน้าจอ MINI Interaction Unit แสดงผลมาตรวัดความเร็วในสไตล์สปอร์ตเต็มรูปแบบ พร้อมข้อมูลเฉพาะสำหรับการขับขี่สไตล์สปอร์ต การตอบสนองของคันเร่งได้รับการออกแบบให้เหมาะกับอารมณ์การขับขี่ของสายสปอร์ต โดยมาพร้อมกับเสียงเอฟเฟกต์การขับรถในแบบ ‘Go Kart’ ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ ด้วยระดับเสียงและโทนเสียงที่ปรับเปลี่ยนตามรอบเครื่องยนต์ ให้ความรู้สึกราวกับกำลังบังคับรถโกคาร์ท พร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างทรงพลัง
- Green Mode: โหมดที่ได้รับการปรับแต่งมาเพื่อการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะเน้นเฉพาะสิ่งที่จำเป็น ให้ความสำคัญกับการมอบระยะทางการขับรถที่สูงที่สุด จากระบบการจัดการพลังงานส่วนเกินกลับไปที่แบตเตอรี่เมื่อผู้ขับขี่ทำการเบรคหรือชะลอความเร็ว นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอเทคนิคการขับอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงแสดงผลมาตรวัดพลังงานที่เข้าใจได้ง่ายบนหน้าจอ
- Balance Mode: โหมดที่มีความพิถีพิถันที่สุด ทั้งในแง่ของแสงสี อนิเมชัน และรูปแบบการแสดงผลที่สื่อถึงความสงบ โดยเสียงของรถในโหมด Balance ได้รับการออกแบบโดยอิงจากเสียงธรรมชาติต่าง ๆ ของป่าในเวลากลางวันและกลางคืน
- Timeless Mode: สัมผัสกลิ่นอายแห่งตำนานมินิ สู่ยุคดิจิทัล ด้วยฟ้อนท์แบบ Serif และมาตรวัดความเร็วขนาดใหญ่ เสียงการขับขี่ในโหมดนี้บันทึกไล่เรียงจากมินิ คลาสสิกไปจนถึงมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ผสมผสานกับเสียงของ มินิ ‘Core’ สร้างสุนทรียภาพด้านเสียงที่เดินทางผ่านกาลเวลา
- Vivid Mode: โหมดที่เน้นเรื่องการนำเสนอคอนเทนท์เป็นหลัก ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ “Color Grabber” ที่ดึงสีสันจากหน้าปกอัลบั้มของเพลงที่กำลังเล่นอยู่ มาปรับใช้ในการแสดงผลแสงสีผ่านดีไซน์ของหน้าจอ พร้อมการฉายภาพและไฟบรรยากาศในห้องโดยสารให้รับกับสีสันบนหน้าจอ
- Personal Mode: โหมดที่เปิดให้เจ้าของรถสามารถปรับแต่งภาพพื้นหลังบนหน้าจอแสดงผลของ MINI Interaction Unit ของตัวเองได้ ผ่านการใช้งานแอปพลิเคชัน MINI App โดยโหมดนี้ยังใช้งานเทคโนโลยี Color Grabber เพื่อวิเคราะห์ภาพที่ผู้ขับขี่เลือกใช้ เพื่อปรับแต่งไฟภายในห้องโดยสาร และการแสดงผลบนหน้าจอแดชบอร์ดให้เข้ากัน

บริการด้านดิจิทัล และแพ็คเกจ MINI Connected
มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ มาพร้อมกับผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ ที่รองรับการสั่งการด้วยเสียงอย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกของมินิ โดยสามารถเปิดใช้งานได้ด้วยการพูดว่า “Hey MINI” หรือการกดปุ่ม push-to-talk ที่พวงมาลัย ซึ่งหน้าจอแสดงผล OLED ทรงกลมจะแสดงผลโต้ตอบผ่านอนิเมชันกราฟิก ตัวอักษร และอวาตาร์ โดยผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะใช้ตัวเลือกในแบบ “MINI” หรือทำการอัปเกรดแพ็คเกจ MINI Connected เพื่อปลดล็อคน้องหมา “Spike” สุดน่ารักมาเป็นตัวแทนของ MINI Intelligent Personal Assistant
มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ใช้งานระบบปฏิบัติการ MINI Operating System 9 ซึ่งได้รับการออกแบบให้ดูเรียบง่ายแต่มีความน่าตื่นเต้นตามสไตล์มินิ ทั้งยังใช้งานได้อย่างง่ายดาย โดยมีพื้นฐานมาจากระบบปฏิบัติการ Android Open Source Project (AOSP) ทั้งนี้ ระบบปฏิบัติการดังกล่าวยังทำงานร่วมกับระบบนำทาง MINI Navigation ที่ใช้เทคโนโลยีคลาวด์เพื่อคำนวนข้อมูลเส้นทางได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วที่สุด รวมทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อผ่านเทคโนโลยี 5G อีกด้วย นอกจากนี้ ระบบนำทาง MINI Navigation ยังมาพร้อมแพ็คเกจเสริมที่รองรับการแสดงผลภาพแผนที่ในรูปแบบภาพ 3 มิติที่สมจริง สำหรับสถานการณ์การเข้าโค้งที่มีความซับซ้อน
ระบบปฏิบัติการ MINI Operating System 9 ยังมาพร้อมกับแอปสโตร์ในชื่อว่า MINI Connected Store ที่ช่วยให้เจ้าของรถสามารถเข้าถึงและดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้อย่างหลากหลายจากผู้ให้บริการจากภายนอกรายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์ด้านความบันเทิงหรือการใช้งานต่าง ๆ ทั้งแอปพลิเคชันเพลง วิดีโอสตรีมมิ่ง หรือเกม นอกจากนี้ แอปพลิเคชัน AirConsole ยังจะทำให้ผู้ใช้สามารถเล่นเกมผ่านหน้าจอ OLED โดยใช้สมาร์ทโฟนของตัวเองเป็นจอยเกมได้อีกด้วย
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ใหม่ล่าสุด
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ (Driving Assistant) ในมินิโฉมใหม่ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันด้านการช่วยเหลือการจอดรถอัตโนมัติ Parking Assistant และกล้องแสดงภาพด้านท้ายรถ ทั้งยังมีออปชันเสริม Driving Assistant Plus ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายและปลอดภัยกว่าที่เคยด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ล้ำสมัยต่าง ๆ เช่น Adaptive Cruise Control
มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ยังมาพร้อมม MINI Digital Key Plus ที่จะทำให้เจ้าของรถเปลี่ยนสมาร์ทโฟนของตัวเองให้เป็นกุญแจรถ ปลดล็อค/ล็อครถได้โดยไม่ต้องพกกุญแจและไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ออกมา โดยแสงไฟต้อนรับด้านหน้าและด้านหลังรถมินิจะเปิดทำงานทันทีเมื่อเจ้าของรถเข้ามาใกล้ในระยะ 3 เมตร และประตูจะปลดล็อคให้ในระยะ 1.5 เมตร

