มิตซูบิชิ 2025-2026: ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ ด้วยไฮบริดอเนกประสงค์ และปิกอัพสายสปอร์ต
ในฐานะที่ผมคลุกคลีอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของตลาดรถยนต์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานทางเลือกและเทคโนโลยีดิจิทัลที่เข้มข้นขึ้น การก้าวเข้าสู่ปี 2025-2026 นี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าจับตาสำหรับผู้บริโภคชาวไทยที่กำลังมองหายานยนต์คู่ใจ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่ตอบโจทย์ชีวิตเมืองแบบครอบครัว หรือรถกระบะที่ผสมผสานทั้งสมรรถนะและความคล่องตัว
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้คน วันนี้ ผมจะพาทุกท่านไปเจาะลึกถึงไฮไลต์สำคัญของสองไลน์อัพเรือธงที่เตรียมจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาด นั่นคือ Mitsubishi Xpander HEV และ Xpander Cross HEV รุ่นปี 2026 ที่มาพร้อมกับขุมพลังไฮบริด และ Mitsubishi Triton Street 2026 รถกระบะสายพันธุ์สปอร์ตที่ฉีกทุกกรอบเดิมๆ
ตลาดรถยนต์ในปัจจุบันกำลังให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่อง ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง และ การลดการปล่อยมลพิษ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รถยนต์ไฮบริดจึงไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่กำลังจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการยานพาหนะที่ครบครัน มิตซูบิชิเองก็เล็งเห็นถึงเทรนด์นี้ และได้นำเสนอ Xpander HEV และ Xpander Cross HEV ที่ไม่ใช่แค่การเติมเต็มตลาด แต่เป็นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่รถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ให้เหนือชั้นยิ่งกว่าเดิม
ขณะเดียวกัน กลุ่มรถกระบะซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของตลาดไทย ก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคไม่ได้มองหากระบะเพื่อการบรรทุกอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ต้องการรถที่สะท้อนบุคลิกภาพ พร้อมใช้งานได้หลากหลาย ทั้งวันทำงานและวันพักผ่อน Triton Street 2026 จึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองหารถกระบะที่มีสไตล์ โฉบเฉี่ยว แต่ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งและสมรรถนะอันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ ไทรทัน
ในบทความนี้ เราจะลงลึกถึงรายละเอียดของแต่ละรุ่น ทั้งราคาจำหน่าย ฟีเจอร์เด่น เทคโนโลยีความปลอดภัย และนวัตกรรมที่น่าสนใจ ซึ่งจะทำให้คุณเข้าใจว่าทำไมรถยนต์เหล่านี้ถึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดสำหรับปี 2025-2026 ที่กำลังจะมาถึงนี้
Mitsubishi Xpander HEV และ Xpander Cross HEV 2026: นิยามใหม่ของรถยนต์อเนกประสงค์ไฮบริด 7 ที่นั่ง
นับเป็นก้าวสำคัญของมิตซูบิชิในการเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฮบริด 7 ที่นั่ง ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่มีการแข่งขันสูง แต่ก็มีความต้องการของผู้บริโภคที่มองหารถครอบครัวอเนกประสงค์ที่ประหยัดพลังงานอย่างแท้จริง Mitsubishi Xpander HEV 2026 และ Xpander Cross HEV 2026 ไม่ได้เป็นเพียงแค่การนำเทคโนโลยีไฮบริดมาใส่เท่านั้น แต่เป็นการออกแบบและพัฒนาใหม่หมด เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ทั้งในด้านสมรรถนะ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยที่ครบครัน
ขุมพลังไฮบริดที่ฉลาดล้ำ เพื่อการขับขี่ที่ประหยัดและเร้าใจ
หัวใจสำคัญของ Xpander HEV และ Xpander Cross HEV คือระบบขับเคลื่อนไฮบริดเจเนอเรชั่นใหม่ ที่ได้รับการปรับจูนมาเป็นอย่างดี ระบบนี้จะผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างไร้รอยต่อ ให้การตอบสนองที่รวดเร็วฉับไวในการออกตัว และมอบ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องหยุดและออกตัวบ่อยครั้ง หรือการเดินทางไกลนอกเมืองที่ต้องการพละกำลังที่ต่อเนื่อง การใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้ายังช่วยลด มลพิษทางอากาศ ได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ เทคโนโลยีไฮบริดของมิตซูบิชิยังโดดเด่นเรื่องความทนทานและการบำรุงรักษาที่ง่ายดาย มั่นใจได้ถึง ความคุ้มค่า ในระยะยาว
ดีไซน์ภายนอกที่โฉบเฉี่ยว สะท้อนความแข็งแกร่งและทันสมัย
การเปลี่ยนแปลงด้านดีไซน์ภายนอกของ Xpander HEV และ Xpander Cross HEV 2026 นั้นน่าประทับใจยิ่งขึ้น เริ่มต้นด้วยกระจังหน้าและกันชนดีไซน์ใหม่ที่ผสานปรัชญา Dynamic Shield เข้ากับความสปอร์ตได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะรุ่น HEV ที่มาพร้อมกับกระจังหน้าสีดำเงา พร้อมกรอบตกแต่งไฟหน้ารมดำ เพิ่มลุคเท่และดุดัน ไฟตัดหมอก LED และไฟท้าย LED สี Smoke ไม่เพียงแค่ให้ความสว่างที่ชัดเจน แต่ยังเติมเต็มความหรูหราทันสมัย ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ล่าสุด ก็ยิ่งช่วยเสริมให้ตัวรถดูโฉบเฉี่ยวและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น สำหรับรุ่น Xpander Cross HEV นั้น จะมีการตกแต่งที่เน้นความบึกบึนสไตล์ครอสโอเวอร์มากยิ่งขึ้น ด้วยชุดแต่งรอบคันที่ดุดัน พร้อมการออกแบบที่สะท้อนถึง DNA ของรถ SUV ระดับพรีเมียม
ภายในห้องโดยสารที่หรูหรา กว้างขวาง และคำนึงถึงทุกการเดินทาง
เมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสาร คุณจะสัมผัสได้ถึงความประณีตและการออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด Xpander HEV มาพร้อมกับการตกแต่งภายในโทนสีดำที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและทันสมัย ขณะที่ Xpander Cross HEV ใหม่ ได้รับการตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาล-ดำ ซึ่งให้ความรู้สึกหรูหราและพรีเมียมยิ่งขึ้น เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ยังมาพร้อมคุณสมบัติพิเศษ Heat Guard ที่ช่วยสะท้อนความร้อน ทำให้ห้องโดยสารเย็นสบายแม้จอดตากแดดเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์สภาพอากาศร้อนในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
ความโดดเด่นของรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่งรุ่นนี้คือ พื้นที่ห้องโดยสารขนาดใหญ่ ที่สามารถปรับพับได้หลากหลายรูปแบบ ทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง ไม่ว่าจะเป็นการขนสัมภาระชิ้นใหญ่ หรือการเดินทางพร้อมผู้โดยสารเต็มคัน ก็ยังคงให้ความสะดวกสบายได้อย่างเต็มที่ เบาะแถวสามสามารถพับราบเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของได้อย่างมหาศาล ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้ Xpander เป็นรถยนต์ที่ตอบโจทย์ การใช้งานแบบครอบครัว ได้อย่างแท้จริง
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Diamond Sense 360 องศา
มิตซูบิชิให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัยในการขับขี่ เป็นอันดับแรก ด้วยการติดตั้งระบบความปลอดภัยเชิงรุกและเชิงรับที่ทันสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบ Diamond Sense ซึ่งครอบคลุมการตรวจจับรอบคัน 360 องศา ระบบถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ช่วยเพิ่มความมั่นใจและลดความรุนแรงจากการชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์เด่นอื่นๆ เช่น:
ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert – RCTA): ช่วยเตือนเมื่อมีรถยนต์หรือวัตถุเคลื่อนที่ผ่านด้านหลังในขณะถอยรถออกจากช่องจอด ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในพื้นที่แคบหรือลานจอดรถที่มีทัศนวิสัยจำกัด
ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Blind Spot Warning with Lane Change Assist – BSW with LCA): ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นรถที่อยู่ในจุดอับสายตา และเตือนเมื่อเปลี่ยนเลนในขณะที่มีรถอยู่ในเลนข้างเคียง ทำให้การเปลี่ยนเลนปลอดภัยยิ่งขึ้น
ระบบเตือนการออกนอกเลน (Lane Departure Warning – LDW): แจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อรถกำลังเบี่ยงออกจากเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่บนทางหลวง
กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor): เฉพาะในรุ่น Xpander Cross HEV 2026 เท่านั้น ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพรอบคันแบบ 360 องศา ทำให้การจอดรถและการขับขี่ในที่แคบเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย
ในด้านความบันเทิงและการเชื่อมต่อ ห้องโดยสารมาพร้อมกับ เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ให้คุณสามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันนำทาง เพลงโปรด และการสื่อสารได้อย่างสะดวกสบายตลอดการเดินทาง ไม่ต้องวุ่นวายกับสายเคเบิลอีกต่อไป ซึ่งเป็นการยกระดับประสบการณ์การเชื่อมต่อในรถยนต์ให้เป็นไปอย่างราบรื่น
ราคาและสีสันที่ลงตัว
Mitsubishi XPANDER HEV 2026
ราคาจำหน่าย: 939,000 บาท
สีที่มีให้เลือก 3 สี:
สีเงิน (Blade Silver)
สีเทา (Graphite Grey)
สีขาวหลังคาดำ (White Diamond with Black Roof) (ราคาเพิ่ม 15,000 บาท)
Mitsubishi XPANDER CROSS HEV 2026
ราคาจำหน่าย: 969,000 บาท
สีที่มีให้เลือก 4 สี:
สีเทา (Graphite Grey)
สีดำ (Jet Black Mica)
สีขาวหลังคาดำ (White Diamond with Black Roof)
สีเขียวหลังคาดำ (Green Bronze with Black Roof) (โดยรุ่นหลังคาดำ ราคาเพิ่ม 15,000 บาท)
สำหรับราคาจำหน่ายของ รถยนต์ไฮบริด 7 ที่นั่ง ทั้งสองรุ่นนี้ ถือว่ามีความน่าสนใจอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากเทคโนโลยีไฮบริดที่ได้รับ การออกแบบที่สวยงาม ฟีเจอร์ภายในที่ครบครัน และระบบความปลอดภัยขั้นสูง ซึ่งทำให้ Xpander HEV และ Xpander Cross HEV เป็น รถยนต์ประหยัดพลังงาน ที่เป็นมากกว่าแค่พาหนะ แต่เป็นพาร์ทเนอร์ที่ตอบโจทย์ทุกมิติของชีวิตสมัยใหม่
Mitsubishi Triton Street 2026: รถกระบะสายสปอร์ต คู่ใจคนเมืองตัวจริง
ตลาดรถกระบะไม่ได้จำกัดอยู่แค่การใช้งานเชิงพาณิชย์อีกต่อไป แต่ยังเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์อเนกประสงค์ที่แข็งแกร่ง ทนทาน และสามารถปรับแต่งให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ได้หลากหลาย Mitsubishi Triton Street 2026 (เมกะ แค็บ ตัวเตี้ย) คือคำตอบที่มิตซูบิชิส่งมาเพื่อเอาใจกลุ่มคนเมืองและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มองหารถกระบะที่มีสไตล์จัดจ้าน สมรรถนะที่ไว้ใจได้ และความคล่องตัวที่เหนือกว่า
ดีไซน์สปอร์ตดุดัน สะกดทุกสายตา
Triton Street 2026 มาพร้อมกับความโดดเด่นด้านดีไซน์ที่แตกต่างจากรถกระบะทั่วไป การตกแต่งกระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตที่รับกับชุดแต่งรอบคัน ทำให้ตัวรถดูดุดันและทันสมัย ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ ไม่เพียงแค่ช่วยเสริมภาพลักษณ์สปอร์ต แต่ยังให้การยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม การออกแบบทั้งหมดนี้สะท้อนถึงการเป็น รถกระบะสำหรับคนเมือง ที่ต้องการความแตกต่างและไม่ต้องการเป็นแค่รถกระบะขนของธรรมดา
โครงสร้างแข็งแกร่ง MEGA FRAME ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
หัวใจสำคัญที่ทำให้ Mitsubishi Triton เป็นที่ยอมรับในเรื่องความทนทานคือ แชสซีส์ MEGA FRAME ขนาดใหญ่ ที่ได้รับการออกแบบมาให้มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ แต่กลับมีน้ำหนักเบา ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมที่แม่นยำ การทรงตัวที่ดีเยี่ยมบนทุกสภาพถนน และความสามารถในการบรรทุกที่ไว้ใจได้ โครงสร้างนี้ยังช่วยเพิ่ม ความปลอดภัยในการเดินทาง ให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ด้วยการดูดซับแรงกระแทกจากการชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มั่นใจได้ในทุกการเดินทาง
เครื่องยนต์ดีเซลทรงพลัง ประหยัดน้ำมัน และตอบสนองทันใจ
Triton Street 2026 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลที่เป็นที่ยอมรับในเรื่องของความทนทานและ ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความคล่องตัว หรือการเดินทางออกนอกเมืองที่ต้องการพละกำลังในการเร่งแซง เครื่องยนต์นี้ได้รับการปรับจูนมาเป็นอย่างดี เพื่อให้การตอบสนองที่ทันใจและราบรื่นในทุกรอบความเร็ว ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับ รถกระบะอเนกประสงค์ ที่ต้องใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
ภายในห้องโดยสารที่ทันสมัย พร้อมเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ
ภายในห้องโดยสารของ Triton Street 2026 ตกแต่งด้วยโทนสีดำที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและทันสมัย หน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 10 นิ้ว เป็นศูนย์กลางของการควบคุมความบันเทิงและการเชื่อมต่อ รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ให้คุณสามารถเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ของสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการนำทาง ฟังเพลง หรือการสื่อสาร ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้สะดวกสบายและเพลิดเพลินยิ่งขึ้น
ยกระดับความปลอดภัยด้วยระบบ FCM พร้อมตรวจจับคนเดินถนน
มิตซูบิชิยังคงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มระบบความปลอดภัยเชิงรุกเข้ามาใน Triton Street 2026 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation System – FCM) ซึ่งในรุ่นใหม่นี้ยังมาพร้อมกับ ระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Detection) อีกด้วย ระบบนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ โดยจะเตือนผู้ขับขี่เมื่อตรวจพบว่ามีโอกาสที่จะเกิดการชนกับรถคันหน้าหรือคนเดินเท้า และจะช่วยชะลอความเร็วของรถโดยอัตโนมัติหากผู้ขับขี่ไม่ตอบสนองทันเวลา ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับ การขับขี่ในเมือง ที่มีผู้คนและยานพาหนะหนาแน่น
ราคาและสีสันที่เข้าถึงได้
Mitsubishi Triton Street 2026 (เมกะ แค็บ ตัวเตี้ย)
ราคาจำหน่าย: 649,000 บาท
สีที่มีให้เลือก 3 สี:
สีขาว (Solid White)
สีเงิน (Blade Silver)
สีเทา (Graphite Grey) (สีเงิน และสีเทา ราคาเพิ่ม 7,000 บาท)
ด้วยราคาเริ่มต้นที่เข้าถึงได้ และฟีเจอร์ที่ครบครัน ทั้งดีไซน์ สมรรถนะ และความปลอดภัย ทำให้ Triton Street 2026 เป็น รถกระบะที่คุ้มค่า สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถกระบะคู่ใจที่สามารถตอบโจทย์ทั้งการใช้งานส่วนตัวและการทำงานได้อย่างลงตัว
บทสรุปและมุมมองในอนาคต: มิตซูบิชิกับการก้าวข้ามทุกข้อจำกัด
การเปิดตัว Mitsubishi Xpander HEV, Xpander Cross HEV 2026 และ Triton Street 2026 ในช่วงปลายปี 2025 และวางจำหน่ายสำหรับปีโมเดล 2026 นี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของมิตซูบิชิในการสร้างสรรค์ยานยนต์ที่ตอบโจทย์ตลาดและเทรนด์ในอนาคตได้อย่างแท้จริง ในยุคที่ผู้บริโภคมีความต้องการที่หลากหลายและมองหา นวัตกรรมยานยนต์ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง มิตซูบิชิได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขามีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำในตลาดเหล่านี้
Xpander HEV และ Xpander Cross HEV คือการตอบรับต่อกระแส รถยนต์ไฮบริดอเนกประสงค์ ที่กำลังมาแรง ด้วยการผสานประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน เทคโนโลยีที่ทันสมัย และความปลอดภัยระดับพรีเมียม เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ทำให้เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับ รถครอบครัวยุคใหม่ ที่มองหาความคุ้มค่าและความยั่งยืน
ในขณะเดียวกัน Triton Street ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่ารถกระบะไม่ได้จำกัดอยู่แค่การใช้งานแบบเดิมๆ อีกต่อไป แต่สามารถเป็น รถกระบะไลฟ์สไตล์ ที่สะท้อนตัวตนของผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจน ด้วยดีไซน์ที่สปอร์ต สมรรถนะที่เชื่อถือได้ และความปลอดภัยที่เหนือชั้น ทำให้เป็นรถที่โดดเด่นและพร้อมสำหรับการเดินทางในทุกเส้นทาง
ในฐานะนักวิเคราะห์อุตสาหกรรม ผมเชื่อว่าทั้งสามรุ่นนี้จะเข้ามาเติมเต็มและสร้างความคึกคักให้กับตลาดรถยนต์ในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน ด้วยความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยอย่างลึกซึ้ง มิตซูบิชิได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็นโซลูชั่นที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานในทุกๆ ด้าน
สัมผัสประสบการณ์จริงได้แล้ววันนี้!
อย่ารอช้าที่จะเป็นเจ้าของนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตจากมิตซูบิชิ! หากคุณกำลังมองหา รถยนต์ไฮบริด 7 ที่นั่ง ที่คุ้มค่า หรือ รถกระบะสายพันธุ์สปอร์ตที่ตอบโจทย์คนเมือง นี่คือโอกาสที่คุณจะได้สัมผัสยนตรกรรมทั้งสองโมเดลใหม่และรุ่นอื่นๆ พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย!
เชิญสัมผัสและทดลองขับได้ที่โชว์รูมมิตซูบิชิทั่วประเทศ หรือเยี่ยมชมบูธมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย (A17) ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 (Thailand International Motor Expo 2025) ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี แล้วคุณจะพบว่าอนาคตของการขับขี่อยู่ตรงหน้าคุณแล้ว!

