AVATR 07 เวอร์ชั่นไทย: ปฏิวัติ SUV ไฟฟ้าพรีเมียม 800V สู่มิติใหม่แห่งสมรรถนะและความล้ำสมัยบนท้องถนนไทย 2025
ในฐานะที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์ไฟฟ้ามานับสิบปี ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี EV โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดประเทศไทยที่วันนี้ผู้บริโภคมีความเข้าใจและต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่มากกว่าแค่ “ประหยัดพลังงาน” พวกเขามองหา “ประสบการณ์” ที่เหนือกว่า ทั้งในด้านสมรรถนะ เทคโนโลยี ความหรูหรา และความมั่นใจในการใช้งานระยะยาว และในปี 2025 นี้เอง การมาถึงของ AVATR 07 เวอร์ชั่นไทย คือปรากฏการณ์ที่น่าจับตา ซึ่งพร้อมจะพลิกโฉมเซกเมนต์ SUV ไฟฟ้าพรีเมียมอย่างแท้จริง
AVATR (อวาทร) แบรนด์ที่เกิดจากการผนึกกำลังของยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมอย่าง Changan Automobile, Huawei และ CATL ไม่ใช่เพียงแค่ผู้เล่นหน้าใหม่ แต่คือผู้ท้าชิงที่มาพร้อม DNA แห่งนวัตกรรม ผสานความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมยานยนต์ ประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และความเป็นผู้นำด้านแบตเตอรี่ระดับโลก ซึ่งทั้งหมดนี้ได้หล่อหลอมรวมอยู่ใน AVATR 07 รถยนต์ไฟฟ้า SUV Coupé ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสมบูรณ์แบบ
การเปิดตัวที่น่าจับตา: Motor Expo 2025 กับ AVATR 07 เวอร์ชั่นไทย
ประเทศไทยพร้อมต้อนรับ AVATR 07 อย่างเป็นทางการในงาน Motor Expo 2025 ซึ่งเป็นเวทีที่สำคัญที่สุดในการเปิดตัวนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ๆ โดย AVATR 07 จะมาพร้อมทางเลือก 2 รุ่นย่อย ที่นำเข้าแบบ CBU จากจีน เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของตลาดไทย
AVATR 07 Max RWD: คาดการณ์ราคาเริ่มต้นที่ 1,5xx,000 บาท
AVATR 07 Ultra AWD: คาดการณ์ราคาเริ่มต้นที่ 1,8xx,000 บาท
การวางตำแหน่งราคาเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของ AVATR ที่จะลงมาแข่งขันในตลาด SUV ไฟฟ้าพรีเมียมอย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายที่กลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สมรรถนะเป็นเลิศ และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยี ซึ่งราคานี้ถือว่าแข่งขันได้ดีเมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันทั้งจากยุโรปและเอเชียที่อยู่ในตลาดปี 2025 ผมมองว่านี่คือราคาที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับสิ่งที่รถคันนี้มอบให้
ความมั่นใจเหนือระดับ: โปรโมชั่นและการรับประกันคุณภาพ
AVATR ประเทศไทย เข้าใจถึงความกังวลของผู้บริโภคต่อการลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะในเรื่องของอายุการใช้งานแบตเตอรี่และการซ่อมบำรุงในระยะยาว ด้วยประสบการณ์ในวงการ ผมขอยืนยันว่าการรับประกันคือหัวใจสำคัญ และ AVATR 07 ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
รับประกันคุณภาพตัวรถ (Warranty): 5 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร
รับประกันแบตเตอรี่ High Voltage: 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร
การรับประกันที่ครอบคลุมเช่นนี้สะท้อนถึงความมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานการผลิตของ AVATR รวมถึงแบตเตอรี่จาก CATL ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลก การรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปีนี้เป็นมาตรฐานที่น่าเชื่อถือในตลาด EV ปี 2025 และมอบความอุ่นใจให้กับผู้ใช้งานได้ตลอดอายุการใช้งานส่วนใหญ่ของรถยนต์
มิติและงานออกแบบ: ความลงตัวของ SUV Coupé ที่สะกดทุกสายตา
AVATR 07 โดดเด่นด้วยการออกแบบสไตล์ SUV Coupé ที่ผสานความสง่างามเข้ากับความสปอร์ตได้อย่างลงตัว ด้วยเส้นสายที่พลิ้วไหวแต่แข็งแกร่ง พร้อมสัดส่วนที่ลงตัว ทำให้รถคันนี้มี “Presence” ที่น่าเกรงขามบนท้องถนน
ความยาว: 4,825 มิลลิเมตร
ความกว้าง: 1,980 มิลลิเมตร
ความสูง: 1,620 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ (Wheelbase): 2,940 มิลลิเมตร
ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance): 155 – 166 มิลลิเมตร
ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย: 500 – 1,325 ลิตร (เมื่อพับเบาะหลัง)
ที่เก็บสัมภาระด้านหน้า (Frunk): 90 ลิตร
ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (cd): 0.259
มิติตัวถังที่ใหญ่โตนี้ ทำให้ AVATR 07 มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางและสะดวกสบายอย่างยิ่ง ระยะฐานล้อเกือบ 3 เมตรบ่งบอกถึงความมั่นคงในการขับขี่และการจัดสรรพื้นที่ภายในที่เหนือกว่า ส่วนค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ต่ำเพียง 0.259 นั้น ไม่เพียงช่วยให้รถดูปราดเปรียวและลู่ลม แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการใช้พลังงานและระยะทางวิ่งที่ยาวนานขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในยุครถยนต์ไฟฟ้า สิ่งที่น่าประทับใจอีกอย่างคือ Frunk หรือช่องเก็บสัมภาระด้านหน้าขนาด 90 ลิตร ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มความอเนกประสงค์ให้กับรถ EV ได้เป็นอย่างดี
ขุมพลังและสมรรถนะ: ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าความคาดหมาย
นี่คือจุดเด่นที่ทำให้ AVATR 07 แตกต่างจากคู่แข่งในตลาด EV อย่างชัดเจน ด้วยแพลตฟอร์ม 800V ที่เป็นเทคโนโลยีระดับท็อปของวงการยานยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 ซึ่งมอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่า ทั้งในด้านการจัดการพลังงาน ความเร็วในการชาร์จ และสมรรถนะที่เร้าใจ
รุ่น Max RWD: สมรรถนะที่สมดุลและทรงพลัง
สำหรับรุ่น Max RWD นี้ มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ขับเคลื่อนล้อหลัง มอบพละกำลังสูงสุดที่ 338 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 365 นิวตันเมตร ถือเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับรถขับเคลื่อนล้อหลัง ที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและสนุกสนานในการขับขี่
อัตราเร่ง 0-100 km/h: ภายใน 6.8 วินาที (รวดเร็วกว่ารถสันดาปภายในหลายรุ่นในขนาดเดียวกัน)
ความเร็วสูงสุด (Top Speed): 200 km/h
ระยะทางวิ่ง (มาตรฐาน NEDC): 575 km.
แบตเตอรี่ Lithium-ion (LFP) จาก CATL ขนาดความจุ 82.16 kWh ที่ทำงานบนสถาปัตยกรรม 800V Technology คือหัวใจหลักที่ทำให้ Max RWD สามารถทำระยะทางได้ไกลและมีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าระยะทางวิ่งตามมาตรฐาน NEDC จะดูสูง แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงและการใช้งานในประเทศไทย อาจจะต้องเผื่อปัจจัยเรื่องสภาพอากาศและการขับขี่ด้วย แต่ 575 กม. ก็ยังถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกลได้อย่างไร้กังวล
รุ่น Ultra AWD: พลังอันบ้าคลั่ง สู่ประสบการณ์ขับขี่ขั้นสุด
นี่คือรุ่นเรือธงที่อวดโฉมเทคโนโลยีขั้นสูงสุดของ AVATR 07 อย่างแท้จริง ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ 2 ตัว ที่มอบพละกำลังรวมสูงสุดถึง 590 แรงม้า และแรงบิดมหาศาล 645 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่หาได้ยากในตลาด SUV ไฟฟ้าทั่วไป มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจและแทบจะหยุดหายใจ
อัตราเร่ง 0-100 km/h: ภายใน 3.9 วินาที (เทียบเท่ากับซูเปอร์คาร์หลายรุ่น)
ความเร็วสูงสุด (Top Speed): 200 km/h
ระยะทางวิ่ง (มาตรฐาน NEDC): 545 km.
ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD All-Wheel Drive) ทำให้การส่งกำลังลงสู่พื้นถนนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดๆ ทำให้ AVATR 07 Ultra AWD มีทั้งความแรง การยึดเกาะถนน และความมั่นคงในการขับขี่ที่เหนือกว่า มอบความมั่นใจในการเข้าโค้งและการเร่งแซง การที่แบตเตอรี่ความจุเท่ากัน แต่ระยะทางวิ่งต่างกันเล็กน้อยกับรุ่น RWD นั้น เป็นผลมาจากพลังที่ต้องส่งให้กับมอเตอร์สองตัว ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ และ 545 กม. ก็ยังคงเป็นระยะทางที่น่าพอใจอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง
ระบบช่วงล่างและการควบคุม: ความสบายและความแม่นยำที่ลงตัว
ประสบการณ์การขับขี่ของ AVATR 07 ไม่ได้หยุดแค่ที่พละกำลัง แต่ยังรวมถึงความประณีตของระบบช่วงล่างที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี
ช่วงล่างด้านหน้า: อิสระ Double Wishbone
ช่วงล่างด้านหลัง: อิสระ 5-Links
การเลือกใช้ช่วงล่างอิสระแบบ Double Wishbone และ 5-Links นั้นบ่งบอกถึงความใส่ใจในเรื่องของการควบคุมและการยึดเกาะถนน ซึ่งให้ความแม่นยำในการบังคับเลี้ยวและการซับแรงกระแทกที่ดีเยี่ยม มอบทั้งความสบายและการทรงตัวที่ดีเยี่ยมในทุกสภาพถนน
สำหรับรุ่น Ultra AWD ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ายิ่งขึ้น:
ช็อคอัพถุงลม (Air Shock Absorbers): ช่วยให้รถสามารถปรับระดับความสูงได้ 60 มิลลิเมตร
ระบบ CDC Electronic Dampers: แดมเปอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้าแบบต่อเนื่อง ช่วยปรับความหนืดของโช้คอัพให้เหมาะสมกับสภาพถนนและโหมดการขับขี่แบบเรียลไทม์
ระบบช่วงล่างแบบถุงลมและ CDC นี้ เป็นคุณสมบัติที่มักพบในรถยนต์หรูราคาสูง ซึ่งช่วยเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ ปรับระดับความสูงของรถได้เพื่อเพิ่ม Ground Clearance ในบางสถานการณ์ หรือลดระดับลงเพื่อความสปอร์ตและความลู่ลมในความเร็วสูง เป็นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ไปอีกขั้นทั้งในด้านความสบายและความมั่นคง
ระบบเบรกดิสก์แบบมีครีบระบายความร้อนทั้งหน้าและหลังยังช่วยให้มั่นใจในประสิทธิภาพการหยุดรถที่ดีเยี่ยม แม้จะต้องรับมือกับพละกำลังมหาศาลของ AVATR 07
เทคโนโลยีการชาร์จ: ก้าวข้ามข้อจำกัดของเวลา
แพลตฟอร์ม 800V ของ AVATR 07 เป็นกุญแจสำคัญที่ปลดล็อกศักยภาพการชาร์จที่รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ
การชาร์จกระแสตรง DC Fast Charging: รองรับสูงสุด 420 kW
การรองรับการชาร์จเร็วสูงสุดถึง 420 kW ถือเป็นหนึ่งในอัตราการชาร์จที่เร็วที่สุดในตลาด EV ปี 2025 เลยทีเดียว ซึ่งหมายความว่าการเติมพลังงานจาก 10% ไปสู่ 80% อาจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น นี่คือการลดความกังวลเรื่อง “Range Anxiety” ได้อย่างมีนัยสำคัญ และทำให้การเดินทางระยะไกลด้วย AVATR 07 เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น เทคโนโลยีนี้จะทำให้คุณสามารถแวะพักชาร์จเพียงช่วงสั้นๆ ก็พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที
ภายในห้องโดยสาร: สุนทรียภาพและความล้ำสมัยในทุกรายละเอียด
เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ AVATR 07 คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ผสมผสานความหรูหรา ความล้ำสมัย และความใส่ใจในรายละเอียดได้อย่างลงตัว นี่คือพื้นที่ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบความสะดวกสบายและความรื่นรมย์สูงสุดสำหรับผู้โดยสารทุกคน
ประตูกระจกแบบไร้กรอบ (Frameless Door): เพิ่มความหรูหราและโฉบเฉี่ยวสไตล์รถยนต์คูเป้พรีเมียม
กระจกบังลมหน้า 2 ชั้น (Acoustic Glass): ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก เพิ่มความเงียบสงบภายในห้องโดยสาร
กระจกบังลมหน้าพร้อมระบบไล่ฝ้าอัตโนมัติ: เพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยในการขับขี่
มือเปิดประตูภายนอกแบบซ่อน (Hidden Door Handles): ดีไซน์ที่สะอาดตาและช่วยลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน
ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบกันหนีบ (Protection Jam): เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการใช้งาน
เบาะหนังแท้ Nappa เคลือบเงาแบบ Pearl-like Shimmer (อุปกรณ์เสริม): วัสดุระดับพรีเมียมที่มอบสัมผัสที่หรูหราและนั่งสบาย
เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Zero Gravity ปรับเอนได้ถึง 120 องศา: ออกแบบมาเพื่อลดแรงกดทับ มอบความสบายสูงสุดเสมือนอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก เหมาะสำหรับการเดินทางไกล
เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า 16 ทิศทาง พร้อมระบบนวด Massage Seats 5 โหมด ความแรง 3 ระดับ: ฟีเจอร์ที่มอบความผ่อนคลายและลดความเมื่อยล้าระหว่างการขับขี่
เบาะนั่งด้านหลังแยกพับอิสระ 60:40 และสามารถพับราบปรับเป็นเตียงนอนพื้นที่ 3 ตารางเมตร: แสดงให้เห็นถึงความอเนกประสงค์ที่เหนือชั้น สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะขนสัมภาระชิ้นใหญ่ หรือแม้กระทั่งการพักผ่อน
วัสดุบุนุ่มรอบคันกว่า 10 ตารางเมตร: สะท้อนถึงคุณภาพงานประกอบและความหรูหราในทุกสัมผัส
ระบบน้ำหอมปรับอากาศภายในรถ Perfume 6 กลิ่น: เพิ่มสุนทรียภาพและสร้างบรรยากาศที่แตกต่างในแต่ละวัน
ระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Emotive Streaming Lighting: ปรับเปลี่ยนสีและรูปแบบได้ตามอารมณ์หรือสถานการณ์
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง: มอบความสบายในอุณหภูมิที่แตกต่างกันสำหรับทุกคน
หลังคากระจก Panoramic Roof พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า: เพิ่มความโปร่งโล่งสบายและเปิดรับแสงธรรมชาติ (หรือปิดเพื่อความเป็นส่วนตัว)
กระจกมองข้างแบบกล้อง (อุปกรณ์เสริม): นวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยและลดจุดบอด
ระบบความบันเทิงและดิจิทัลค็อกพิต: ศูนย์กลางแห่งการเชื่อมต่ออัจฉริยะ
Huawei ได้นำความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลมาสู่งานออกแบบภายในของ AVATR 07 อย่างเต็มที่ ทำให้ห้องโดยสารกลายเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
หน้าจอแดชบอร์ดหน้า Panorama รวม 5 หน้าจอ ขนาด 35.4 นิ้ว 4K: ประสบการณ์ภาพที่คมชัดและกว้างใหญ่ แสดงข้อมูลการขับขี่ แผนที่ และฟังก์ชันต่างๆ อย่างครบครัน
หน้าจอกลางระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 15.6 นิ้ว 2K: ศูนย์ควบคุมหลักที่ใช้งานง่าย ตอบสนองรวดเร็ว
หน้าจอควบคุม Tablet ที่วางแขนเบาะนั่งด้านหลัง เชื่อมต่อ AVATRLink: ผู้โดยสารตอนหลังสามารถควบคุมฟังก์ชันความบันเทิงและปรับการตั้งค่าต่างๆ ได้เองอย่างสะดวกสบาย
ระบบนำทาง Petal Map: แผนที่นำทางที่แม่นยำและใช้งานง่าย
ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth, ช่องเชื่อมต่อ USB Type A / Type C, ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger: ครบครันด้วยการเชื่อมต่อที่ทันสมัย
ระบบเสียงรอบทิศทาง Meridian Premium Sound System ลำโพง 25 ตำแหน่ง กำลังขับ 2,016 watts: มอบประสบการณ์เสียงระดับโรงละครที่สมจริงและดื่มด่ำในทุกรายละเอียด
ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ (ADAS) และความปลอดภัย: อุ่นใจในทุกเส้นทาง
แม้รายละเอียดของระบบ ADAS จะไม่ได้ระบุในบทความต้นฉบับ แต่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน EV ผมกล้าฟันธงว่า AVATR 07 ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมที่เปิดตัวในปี 2025 จะต้องมาพร้อมกับชุดระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ (Advanced Driver-Assistance Systems) ที่ครบครันตามมาตรฐานหรือเหนือกว่า เพื่อมอบความปลอดภัยและความสะดวกสบายสูงสุดในการขับขี่ ซึ่งจะรวมถึง:
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ (Adaptive Cruise Control): รักษาความเร็วและระยะห่างจากรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist) และระบบช่วยเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist): ลดภาระของผู้ขับขี่ในการเดินทางไกล
ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning) และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Autonomous Emergency Braking): ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุ
ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Monitoring) และระบบเตือนการจราจรขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert): เพิ่มความปลอดภัยในการเปลี่ยนเลนและถอยจอด
ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ (Automated Parking Assist): ช่วยให้การจอดรถเป็นเรื่องง่ายและไร้กังวล
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา: แสดงภาพรอบรถแบบเรียลไทม์ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่และจอดรถในพื้นที่แคบ
ระบบตรวจจับป้ายจราจร (Traffic Sign Recognition): แสดงข้อมูลป้ายจราจรบนหน้าจอ เพื่อให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎได้อย่างถูกต้อง
ระบบเหล่านี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้มีความผ่อนคลายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมในยุค 2025
บทสรุปและมุมมองในอนาคต: AVATR 07 กับอนาคต EV ไทย
AVATR 07 คือนิยามใหม่ของ SUV ไฟฟ้าพรีเมียม ที่ผสานสมรรถนะอันทรงพลัง เทคโนโลยี 800V แบตเตอรี่ชั้นนำจาก CATL การออกแบบที่หรูหราทันสมัย และห้องโดยสารที่อัจฉริยะไว้ในหนึ่งเดียว การเข้ามาของ AVATR 07 ในปี 2025 นี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคชาวไทย แต่เป็นการยกระดับมาตรฐานของรถยนต์ไฟฟ้าในเซกเมนต์นี้ไปอีกขั้น
สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่เป็น “ไลฟ์สไตล์” ที่สะท้อนตัวตน เป็นเพื่อนร่วมทางที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ทั้งความแรง ความสบาย ความปลอดภัย และเทคโนโลยีล้ำสมัย ผมเชื่อมั่นว่า AVATR 07 คือคำตอบที่น่าสนใจที่สุดในตลาดตอนนี้ ด้วยราคาที่แข่งขันได้และชุดคุณสมบัติที่อัดแน่น ผมคาดการณ์ว่า AVATR 07 จะเข้ามาเขย่าบัลลังก์ในตลาด SUV ไฟฟ้าพรีเมียมของไทยได้อย่างแน่นอน
อย่าพลาดโอกาสสัมผัสประสบการณ์สุดยอดแห่งยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต
หากคุณคือหนึ่งในผู้ที่กำลังมองหาการเปลี่ยนแปลง สู่ยุคสมัยแห่งยานยนต์ไฟฟ้าที่แท้จริง ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์นี้ สัมผัส AVATR 07 ตัวจริง และรับฟังการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ ได้ที่งาน Motor Expo 2025 ในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ ที่บูธ AVATR ประเทศไทย เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาค้นพบว่าอนาคตของการเดินทางเป็นอย่างไร!

