Ferrari 849 Testarossa (Berlinetta) PHEV: บทนิยามใหม่แห่งสมรรถนะและความหรูหราสำหรับปี 2025
ในโลกยานยนต์ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดอย่างไร้หยุดยั้ง ทุกวันนี้เราไม่ได้แค่ขับเคลื่อน แต่เรากำลังสัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่ผสมผสานความหลงใหล เทคโนโลยี และความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการซูเปอร์คาร์มากว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่าไม่มีแบรนด์ใดที่จะถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งยนตรกรรมสมรรถนะสูงนี้ได้ดีไปกว่า Ferrari และในวันนี้ ผมจะพาคุณดำดิ่งสู่โลกของ “Ferrari 849 Testarossa (Berlinetta) PHEV” ที่ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ แต่คือผลงานศิลปะเชิงวิศวกรรมที่เตรียมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดในปี 2025
Ferrari 849 Testarossa (Berlinetta) PHEV คือสัญลักษณ์แห่งวิวัฒนาการที่หยั่งรากลึกในประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของม้าลำพอง แต่ขณะเดียวกันก็พุ่งทะยานไปสู่อนาคตด้วยความกล้าหาญและนวัตกรรม นี่คือรถที่ถือกำเนิดขึ้นในยุคที่ความแรงต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และความหรูหราต้องผนวกเข้ากับเทคโนโลยีอัจฉริยะ Berlinetta คันนี้ไม่ใช่แค่รถยนต์สปอร์ตที่เร็วที่สุด แต่เป็นเครื่องจักรที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ Ferrari เคยสร้างมา โดยเฉพาะในรุ่น Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) ที่ผสานขุมพลังเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่เข้ากับระบบไฟฟ้าได้อย่างไร้ที่ติ ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ไปสู่มิติใหม่ที่เหนือกว่าทุกจินตนาการ
ราคา Ferrari 849 Testarossa (Berlinetta) ในปี 2025: การลงทุนในตำนานบทใหม่
เมื่อพูดถึง ราคา Ferrari รุ่นใหม่ อย่าง 849 Testarossa Berlinetta PHEV การพูดถึงตัวเลขเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถสะท้อนถึงมูลค่าที่แท้จริงของมันได้ทั้งหมด ในปี 2025 ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำและการปรับแต่งที่พิถีพิถัน ราคาเริ่มต้นที่ราว 41.1 ล้านบาทจึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการครอบครอง รถหรู Plug-in Hybrid ที่เป็นมากกว่ายานพาหนะ นี่คือการลงทุนในงานศิลปะชิ้นเอกที่จับต้องได้ ซึ่งรวมเอาวิศวกรรมระดับสูงสุดเข้ากับดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์และสมรรถนะที่ไม่มีใครเทียบได้
ในตลาด รถยนต์ไฮบริดสมรรถนะสูง ระดับอัลตร้าลักซ์ชูรี่ มูลค่าของ Ferrari 849 Testarossa Berlinetta PHEV ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยราคาป้ายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเป็นสุดยอดนวัตกรรม ความพิเศษเฉพาะตัว และศักยภาพในการเป็นของสะสมในอนาคต หากคุณกำลังมองหา Ferrari ตัวท็อป ที่สามารถตอบสนองทั้งความต้องการด้านความเร็ว ความหรูหรา และความยั่งยืน Berlinetta คันนี้คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ มันคือสิ่งที่ยืนยันว่าถึงแม้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนไป แต่คุณค่าของ “ความเป็น Ferrari” ยังคงอยู่และพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง
สุนทรียภาพแห่งการเคลื่อนไหว: งานออกแบบภายนอก (Exterior Design)
การได้สัมผัส Ferrari 849 Testarossa (Berlinetta) PHEV ในปี 2025 คือการได้เห็นวิสัยทัศน์ที่ก้าวล้ำของ Ferrari Styling Centre ภายใต้การนำของ Flavio Manzoni ซึ่งได้ปฏิวัติ ดีไซน์ Ferrari ให้ก้าวไปอีกขั้น รูปทรงภายนอกของ 849 Testarossa ได้รับการพัฒนาต่อยอดจาก SF90 Stradale แต่กลับฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆ ทิ้งไปโดยสิ้นเชิง ด้วยภาษาการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมแห่งอนาคต ผสมผสานกับกลิ่นอายของอากาศยานและรถแข่ง Sports Prototype ในยุค 1970s ที่เป็นตำนาน
ความโดดเด่นของ แอโรไดนามิก Ferrari ในรุ่นนี้ปรากฏให้เห็นในทุกเส้นสาย ตั้งแต่ด้านข้างที่ประตูถูกขึ้นรูปสามมิติอย่างประณีตราวกับงานประติมากรรม โดยเริ่มจากเส้นสันหลักที่พลิ้วไหว การแกะสลักพื้นผิวด้านบนของประตูเผยให้เห็นมิติที่ซับซ้อน ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความสวยงาม แต่ยังทำหน้าที่เป็น Aerodynamic Duct ที่ชาญฉลาด ช่วยในการควบคุมการไหลเวียนของอากาศได้อย่างแม่นยำ นี่คือความสำเร็จที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการผลิตรถยนต์มาตรฐาน ด้วยการขึ้นรูปแผงประตูจากอะลูมิเนียมอัลลอยชิ้นเดียวอย่างประณีต
ช่องดักอากาศแนวตั้งสีดำ (Contrasting Black Vertical Side Intake) ที่ดุดันไม่เพียงเสริม ดีไซน์รถซูเปอร์คาร์ ให้โดดเด่น แต่ยังเป็นช่องส่งอากาศเข้าสู่ Intercooler พร้อมช่องดักอากาศเพิ่มเติมที่เสริมประสิทธิภาพการระบายความร้อน สิ่งเหล่านี้สะท้อนแนวคิด Three-Dimensional Livery ที่ Ferrari นำเสนอ ซึ่งเป็นการผสานฟังก์ชันการทำงานเข้ากับความงามได้อย่างไร้รอยต่อ
เส้นสายที่ต่อเนื่องไปทางด้านหลังนำสายตาไปยังชุดสปอยเลอร์ท้ายแบบคู่ (Double Tail Design) อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจาก Ferrari 512 S ในตำนาน ช่วยให้ห้องโดยสารดูสปอร์ตและกระชับยิ่งขึ้น เมื่อมองจากด้านหน้า 849 Testarossa เผยให้เห็นเส้นสายและมิติที่สะท้อนเอกลักษณ์ของ Ferrari ยุค 1980s ด้วย Fascia สีดำแนวนอนรูปสะพาน (Bridge-Like Horizontal Fascia) ที่เชื่อมต่อไฟหน้า สร้างธีมการออกแบบที่เคยปรากฏใน Ferrari 12Cilindri และ F80 องค์ประกอบนี้สร้างอัตราส่วนใหม่ระหว่างปริมาตรและช่องว่าง ทำให้เกิดเอฟเฟกต์ Full-Width Spoiler ที่กว้างเต็มด้าน ผสานกับ Flicks สีเดียวกับตัวถังและ Splitter สีดำ เติมเต็มพื้นที่ด้านล่างของกันชน เสริมลักษณะทางเทคนิคและ แอโรไดนามิกส์ขั้นสุดยอด ของรถยนต์
ล้อฟอร์จ (Forged Wheels) ที่ได้รับการพัฒนาอย่างใกล้ชิดร่วมกับฝ่ายแอโรไดนามิกส์ มาพร้อมโปรไฟล์แอโรไดนามิกที่โดดเด่นและการตกแต่งแบบ Diamond-Cut ไม่เพียงเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายอากาศจากช่องล้อและควบคุมกระแสอากาศด้านหลังเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้เป็นเจ้าของสามารถปรับแต่งทั้งด้านสุนทรียภาพและฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างกว้างขวาง นี่คือความสมบูรณ์แบบของ รถสปอร์ตแห่งอนาคต ที่ทุกส่วนประกอบถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจและสมรรถนะสูงสุด
หัวใจที่เต้นรัว: ขุมพลังไฮบริด V8 เทอร์โบคู่ (Powertrain)
ภายใต้เรือนร่างอันเย้ายวน คือ ขุมพลัง Ferrari 849 Testarossa ที่จะทำให้คุณหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ นี่คือเครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ (Internal Combustion Engine: ICE) ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับที่เคยคว้ารางวัล International Engine of the Year มาแล้วหลายสมัย แต่ใน 849 Testarossa นี้ เครื่องยนต์ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดเพื่อรีดสมรรถนะไปถึงขีดสุด ให้ 830 แรงม้า อย่างน่าทึ่ง พร้อมอัตรากำลังจำเพาะสูงถึง 208 แรงม้า/ลิตร ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งใหม่ที่เพิ่มขึ้นถึง 50 แรงม้าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ สิ่งนี้ตอกย้ำถึงความเชี่ยวชาญของ Ferrari ในการพัฒนา เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ ให้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ
แต่สิ่งที่ทำให้ 849 Testarossa Berlinetta PHEV แตกต่างอย่างแท้จริงคือการผสานกับระบบไฮบริดสุดล้ำ ที่ต่อยอดจากประสบการณ์อันยาวนานในสนามแข่งของ Ferrari ระบบไฮบริด Ferrari นี้ไม่ได้ถูกเพิ่มเข้ามาเพียงเพื่อลดการปล่อยมลพิษ แต่เพื่อยกระดับสมรรถนะโดยรวมให้เหนือกว่าจินตนาการ ระบบขับเคลื่อน PHEV นี้ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 7.45 kWh อย่างชาญฉลาดภายในโครงสร้างตัวถัง เพื่อให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำที่สุดและสมดุลน้ำหนักที่เหมาะสมที่สุด ช่วยให้รถสามารถวิ่งได้สูงสุด 25 กิโลเมตรด้วยการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในโหมด eDrive ซึ่งเป็นหนึ่งใน โหมดขับขี่ไฟฟ้า 4 โหมดที่เลือกได้ผ่าน eManettino อันเป็นเอกลักษณ์
นอกจาก eDrive แล้ว ยังมีโหมด Hybrid ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างชาญฉลาด โหมด Performance ที่ปลุกพลังแฝงให้ตื่นขึ้น และโหมด Qualify ที่ปลดล็อกสมรรถนะสูงสุดสำหรับการขับขี่ในสนามแข่งโดยเฉพาะ สิ่งเหล่านี้ทำให้ 849 Testarossa เป็น PHEV ประสิทธิภาพสูง ที่สามารถปรับตัวเข้ากับทุกสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การวางเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ไว้กลางด้านหลัง ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง Sports Prototype ในยุค 1970s ไม่เพียงแต่สร้างสมดุลที่ยอดเยี่ยม แต่ยังช่วยสร้างแรงกด (Downforce) สูงถึง 415 กิโลกรัมที่ความเร็ว 250 กม./ชม. ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก SF90 Stradale ถึง 25 กิโลกรัม พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนให้กับระบบส่งกำลังและระบบเบรกมากถึง 15% สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Ferrari 849 Testarossa (Berlinetta) PHEV สามารถยึดเกาะถนนได้อย่างมั่นคง และรักษา สมรรถนะ Ferrari ให้คงที่แม้ในสภาวะการขับขี่ที่หนักหน่วง
ห้องโดยสารแห่งอนาคต: ภายในและความเชื่อมโยง (Interior & HMI)
ก้าวเข้าสู่ ภายใน Ferrari 849 Testarossa คุณจะพบกับการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างการจัดวางแบบ Berlinetta ที่หรูหราด้วยแดชบอร์ดแนวนอน กับความรู้สึกแบบค็อกพิทรถแข่ง Single-Seater ที่โอบล้อมผู้ขับขี่อย่างเต็มที่ แดชบอร์ดด้านบนได้รับการออกแบบให้มีดีไซน์ลอยตัว (Floating Effect) พร้อมช่องแอร์รูปตัว C ที่มีกรอบอะลูมิเนียมขัดเงา สะท้อนถึงความประณีตในทุกรายละเอียด
ระหว่างส่วนบนและส่วนล่างของแดชบอร์ด มีแถบแนวนอนตัดขัด (Contrasting Horizontal Band) ที่รวมฟังก์ชันการควบคุมหลักและหน้าจอสำหรับผู้โดยสารเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน ส่วนล่างของแดชบอร์ดโดดเด่นด้วยลวดลายเรือใบเชิงสถาปัตยกรรม (Architectural Sail Motifs) ซึ่งรวมฟังก์ชันควบคุมต่างๆ เข้าไว้ในดีไซน์ที่สวยงาม พร้อมด้วย Gate ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก F80 ฝังอยู่ในตำแหน่งลอยตัวด้านฝั่งพวงมาลัย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญาการออกแบบ ภายในรถหรู ของ Ferrari ที่ให้ความสำคัญทั้งความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งาน
การจัดวาง Central Tunnel ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อนำคำสั่งรอง (Secondary Commands) มาใช้ในลักษณะที่เป็นระเบียบและเรียบง่ายมากขึ้น โดยธีม Central Sail ยังถูกต่อยอดไปยังแผงประตู (Door Cards) ซึ่งเป็นตำแหน่งสำหรับ Woofer พร้อมตะแกรงอะลูมิเนียม และยังเป็นที่จัดวาง Door Pull อีกด้วย ค็อกพิท Ferrari นี้ถูกออกแบบโดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของพื้นที่และปรับปรุงหลักสรีรศาสตร์ (Ergonomics) อย่างจริงจัง ความสะดวกในการเข้าถึงได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วยการลดความกว้างของส่วนล่างของแผงประตู ทำให้มีพื้นที่เพิ่มเติมสำหรับด้านหลังเบาะ (Rear Bench) และกล่องเก็บของฝั่งผู้โดยสาร (Passenger-Side Glove Box)
สำหรับเบาะนั่งมีให้เลือกสองแบบ คือ Comfort ที่เน้นความสบายด้วยการหุ้มเบาะที่ปรับแต่งเชิงประติมากรรม และดีไซน์ที่สอดคล้องกับรูปทรงของค็อกพิท และ Carbon-Fibre Racing Seat เบาะคาร์บอนไฟเบอร์พร้อม Side Bolsters แบบสปอร์ตที่ช่วยประคองลำตัวด้านข้างได้อย่างเหมาะสมในทุกโค้ง ทั้งสองรุ่นนี้เกิดจากการศึกษาเชิงผสมผสานระหว่างหลักสรีรศาสตร์และการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้ได้ทั้งสมรรถนะและความสะดวกสบายสูงสุดในการขับขี่ระยะไกลหรือการซิ่งในสนาม
ในด้านระบบอินเตอร์เฟซผู้ขับขี่ (HMI – Human-Machine Interface) พวงมาลัยของ 849 Testarossa รวมเอาฟังก์ชันทั้งดิจิทัลและอนาล็อกเข้าไว้ด้วยกัน ปุ่มควบคุมแบบกดที่ปรากฏใน F80 ถูกนำมาใช้ต่อ รวมถึงปุ่ม Engine Start อันเป็นเอกลักษณ์ ขณะที่ Digital Cluster ช่วยให้ผู้ขับสามารถปรับเปลี่ยน โหมดขับขี่ไฟฟ้า ได้อย่างรวดเร็วผ่าน eManettino HMI Ferrari นี้ถูกออกแบบให้รวมฟังก์ชันรอบตัวผู้ขับขี่ สร้างความรู้สึกถูกโอบล้อม (Enveloping Effect) ที่ครอบคลุมไปถึงแผงประตูและ Central Tunnel สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ดื่มด่ำและไร้การรบกวน
การเชื่อมต่อก็เป็นไปตามมาตรฐานสูงสุดในปี 2025 โดยรองรับทั้ง Apple CarPlay® และ Android Auto® พร้อมระบบชาร์จไร้สายสำหรับสมาร์ทโฟนที่ฝังอยู่ใน Central Tunnel นอกจากนี้ รถยนต์ยังติดตั้ง MyFerrari Connect System ที่ช่วยให้สามารถตรวจสอบสภาพรถจากระยะไกลผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้คุณไม่พลาดทุกข้อมูลสำคัญของรถในตำนานคันนี้
สีสันภายในก็ไม่แพ้ภายนอก ด้วยการแนะนำ Alcantara Trim สี Giallo Siena ใหม่ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้เข้ากับสี Giallo Ambra ภายนอก สร้างความลงตัวและเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
เทคโนโลยีเหนือระดับและระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ (Technology & Safety)
Ferrari 849 Testarossa (Berlinetta) PHEV ไม่เพียงแต่มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม แต่ยังอัดแน่นไปด้วย เทคโนโลยี Ferrari และ ระบบความปลอดภัย Ferrari ที่ก้าวล้ำที่สุดในปี 2025 ทำให้ทุกการขับขี่เต็มไปด้วยความมั่นใจและปลอดภัย
หัวใจหลักของการควบคุมสมรรถนะตัวรถคือระบบ FIVE (Ferrari Integrated Vehicle Estimator) ซึ่งเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญของ Ferrari ระบบประมาณค่านี้สามารถสร้าง Digital Twin เพื่อจำลองพฤติกรรมของรถแบบเรียลไทม์ โดยอ้างอิงจากแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ถูกทำให้ง่ายขึ้นและขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจริงจากเซนเซอร์ 6D และอัตราเร่ง FIVE สามารถประเมินคุณลักษณะด้านสมรรถนะที่ไม่สามารถวัดได้โดยตรงอย่างแม่นยำ เช่น ความเร็ว (คลาดเคลื่อนไม่เกิน 1 กม./ชม.) และมุมการหมุนรอบแกนตั้งหรือ Yaw Angle (คลาดเคลื่อนไม่เกิน 1°) ของรถ ช่วยให้การควบคุมการยึดเกาะ ระบบเฟืองท้ายไฟฟ้า (Electronic Differential Management) และการส่งกำลังของระบบ e4WD มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ค่าประมาณเหล่านี้จะถูกส่งต่อไปยังระบบควบคุมสมรรถนะทั้งหมดของตัวรถ ทำให้การตอบสนองมีความแม่นยำและเสถียรยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ABS Evo ใช้ค่าประมาณจาก FIVE เพื่อตรวจหาอัตราการลื่นไถลที่เหมาะสมของล้อทั้งสี่และปรับสมดุลการกระจายแรงเบรกได้อย่างชาญฉลาด ระบบนี้ทำงานในทุกตำแหน่งของ Manettino และในทุกสภาพการยึดเกาะ การประเมินความเร็วที่แม่นยำขึ้นทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากแรงตามแนวยาวของยางได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในสถานการณ์การเบรกตรงๆ และการเบรกร่วมกับการเข้าโค้ง (Brake Then Turn-In) ช่วยลดความสูญเสียที่เกิดจากความคลาดเคลื่อนของชิ้นส่วนหรือความแปรผันจากสภาพแวดล้อม ผลลัพธ์ที่ได้คือการเบรกที่ลึกขึ้น หนักขึ้น และสามารถทำซ้ำได้แม่นยำยิ่งกว่า SF90 Stradale พร้อมประสิทธิภาพของการควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ที่สูงกว่ารถในตระกูล Ferrari รุ่นใดๆ
ระบบเบรก Ferrari ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเพื่อตอบสนองต่อสมรรถนะที่สูงขึ้น มาพร้อมจานเบรกและผ้าเบรกขนาดใหญ่ขึ้นรอบคัน โดยที่จานเบรกคู่หน้ามีช่องระบายอากาศที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ขณะที่คาลิเปอร์หลังรุ่นใหม่ได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดการความร้อนและความแข็งแรงเชิงโครงสร้าง การทำงานร่วมกันของชิ้นส่วนเหล่านี้ช่วยรับประกันทั้งประสิทธิภาพด้านความร้อน ความแข็งแรง และสมรรถนะที่คงที่แม้ภายใต้การใช้งานอย่างต่อเนื่อง นี่คือ ระบบความปลอดภัยขั้นสูง ที่ให้ความมั่นใจในทุกสภาวะ
Ferrari 849 Testarossa มาพร้อมการเซ็ตอัพ ช่วงล่าง Ferrari เฉพาะ (Dedicated Suspension Setup) และมุมคิเนแมติก (Kinematic Angles) ที่ถูกปรับแต่งเพื่อการควบคุมที่แม่นยำเมื่อถึงขีดสุดของการขับขี่ สมรรถนะด้านอัตราเร่งในแนวขวางเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับ SF90 Stradale จากการใช้ยางรุ่นใหม่และการปรับเซ็ตอัพเฉพาะ อีกทั้งยังช่วยลดน้ำหนักของคอยล์สปริง (Road Springs) ลงได้ถึง 35% ค่าการโคลงตัว (Roll Gradient) ลดลง 10% ส่งผลให้การควบคุมการเคลื่อนไหวของตัวถังดีขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพด้านแอโรไดนามิกส์และ Dynamic Camber การทำงานของโช้กอัพ (Shock Absorber Damping) ได้รับการปรับแต่งทั้งจากการจำลองเสมือนและการทดสอบจริง เพื่อสะท้อนพฤติกรรมของรถทั้งในการขับบนถนนและในสนามแข่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ในด้าน ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) 849 Testarossa ได้รับการบูรณาการเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย โดยจะเข้ามาทำงานเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน และด้วยวิธีที่รบกวนการขับขี่น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เฉพาะเมื่อผู้ขับต้องการจริง ๆ ระบบทั้งหมดสามารถปรับแต่งได้เต็มรูปแบบผ่านเมนูบน Instrument Cluster ฟีเจอร์หลักประกอบด้วย:
Adaptive Cruise Control พร้อม Stop & Go: ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่สามารถรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าได้อย่างปลอดภัย และสามารถหยุดและออกตัวใหม่เองในสภาวะการจราจรหนาแน่น
Automatic Emergency Braking: ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ช่วยชะลอหรือหยุดรถเมื่อมีความเสี่ยงการชน โดยสามารถตรวจจับนักปั่นจักรยานได้ด้วย เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ถนนร่วม
Blind Spot Detection: ระบบตรวจจับวัตถุในมุมอับสายตา แจ้งเตือนผู้ขับเมื่อมีรถอยู่ด้านข้างเพื่อป้องกันการเปลี่ยนเลนที่ไม่ปลอดภัย
Lane Departure Warning และ Lane Keeping Assist: ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว และช่วยประคองรถให้อยู่ในเลน โดยจะส่งแรงเล็กน้อยที่พวงมาลัยเพื่อช่วยควบคุมทิศทางอย่างนุ่มนวล
Automatic High Beam: ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ เพื่อมอบทัศนวิสัยที่ดีที่สุดในเวลากลางคืนโดยไม่รบกวนรถคันอื่น
Traffic Sign Recognition: ระบบจดจำป้ายจราจร เช่น จำกัดความเร็ว หรือป้ายห้ามแซง และแสดงผลบนหน้าปัดเพื่อให้ผู้ขับรับทราบ
Surround View และ Rear Cross Traffic Alert: ระบบกล้องมุมมองรอบคัน 360 องศา และระบบแจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งตัดผ่านด้านหลังในขณะถอยรถ เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่และการจอดในพื้นที่แคบ
Driver Fatigue Monitoring: ระบบตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับโดยวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ หากตรวจพบสัญญาณความอ่อนล้า ระบบจะแจ้งเตือนให้ผู้ขับพักผ่อน
ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของ นวัตกรรมยานยนต์ 2025 ที่ Ferrari นำเสนอใน 849 Testarossa Berlinetta PHEV ทำให้มันเป็นซูเปอร์คาร์ที่ฉลาดที่สุด ปลอดภัยที่สุด และขับสนุกที่สุดเท่าที่เคยมีมา
บทสรุป: ความสมบูรณ์แบบที่รอการสัมผัส
Ferrari 849 Testarossa (Berlinetta) PHEV คือสุดยอดแห่งยนตรกรรมที่ผสมผสานประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของ Ferrari เข้ากับวิสัยทัศน์แห่งอนาคตได้อย่างลงตัว มันไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่คือผลงานศิลปะเชิงวิศวกรรมที่ไร้ที่ติ ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อมอบ ประสบการณ์ขับ Ferrari ที่เหนือชั้นในทุกมิติ
ตั้งแต่ ดีไซน์รถซูเปอร์คาร์ ที่เป็นเอกลักษณ์ ขุมพลัง Ferrari V8 เทอร์โบคู่ไฮบริดที่เร้าใจ ภายในรถหรู ที่ล้ำสมัย ไปจนถึง เทคโนโลยีรถสปอร์ต และ ระบบความปลอดภัยขั้นสูง ที่เป็นมาตรฐานใหม่ 849 Testarossa ได้ก้าวข้ามทุกความคาดหวัง และยืนหยัดในฐานะ รถยนต์ไฮบริดสมรรถนะสูง ที่เป็นบทนิยามใหม่ของซูเปอร์คาร์ในยุค 2025
หากคุณคือผู้ที่มองหาความพิเศษเหนือระดับ ผู้ที่กล้าจะก้าวข้ามขีดจำกัด และต้องการเป็นส่วนหนึ่งของตำนานบทใหม่แห่งยานยนต์สมรรถนะสูง นี่คือโอกาสของคุณ อย่าพลาดที่จะเป็นเจ้าของผลงานชิ้นเอกที่ผสมผสานความหลงใหล ประสิทธิภาพ และนวัตกรรมไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ
สัมผัสอนาคตแห่งสมรรถนะที่ปลายนิ้วคุณ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ Ferrari บทใหม่ ลงทะเบียนเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเพื่อสัมผัส Ferrari 849 Testarossa (Berlinetta) PHEV ตัวจริงได้แล้ววันนี้!

