อีซูซุ 2025: ปฏิวัติขุมพลังดีเซลแห่งอนาคต ด้วย MAXFORCE ใหม่ ทั้ง D-MAX และ MU-X
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการของเทคโนโลยีการขับเคลื่อนมามากมาย แต่ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่กล้าหาญและก้าวกระโดดอย่างที่อีซูซุได้เผยโฉมในไลน์อัพปี 2025 นี้ อีซูซุไม่ได้เพียงแค่ “ปรับปรุง” แต่พวกเขากำลัง “ปฏิวัติ” นิยามของสมรรถนะ ความประหยัด และความยั่งยืนในเครื่องยนต์ดีเซล ด้วยการเปิดตัวเครื่องยนต์ตระกูล MAXFORCE เจเนอเรชันใหม่ล่าสุด พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดเป็นครั้งแรก นี่คือการประกาศศักดาของอีซูซุที่พร้อมกำหนดทิศทางอนาคตของรถกระบะและรถยนต์อเนกประสงค์ (PPV) ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างแท้จริง
ตลาดรถยนต์ปี 2025 มีความท้าทายที่หลากหลาย ทั้งเรื่องของมาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น ราคาพลังงานที่ผันผวน และความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมควบคู่ไปกับความประหยัดเชื้อเพลิงและเทคโนโลยีล้ำสมัย อีซูซุได้ตอบรับทุกโจทย์เหล่านี้ด้วยการนำเสนอโซลูชันที่เหนือกว่าคาดหวัง ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการที่ต้องการรถกระบะสำหรับงานบรรทุกหนัก ครอบครัวที่มองหารถ PPV ที่สะดวกสบายและปลอดภัย หรือนักผจญภัยที่ต้องการรถ 4×4 ที่พร้อมลุยทุกเส้นทาง อีซูซุ 2025 มีคำตอบให้คุณอย่างครบวงจร นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขแรงม้าหรือแรงบิดเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของนวัตกรรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุด และเตรียมพร้อมสำหรับโลกอนาคตที่กำลังเปลี่ยนไป
หัวใจแห่งอนาคต: เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE “The FORCE of FUTURE”
การเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 Ddi MAXFORCE คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่อีซูซุได้สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของยุคสมัยอย่างแท้จริง ด้วยแนวคิด “The FORCE of FUTURE” สะท้อนถึงขุมพลังที่ไม่ได้มีแค่ความเร็วหรือความแรง แต่ยังแฝงไว้ด้วยความชาญฉลาดและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม นี่คือเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) ที่ได้รับการพัฒนาใหม่หมดจด ให้พละกำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดมหาศาล 400 นิวตัน-เมตร ที่ช่วงรอบกว้าง 1,600 – 2,400 รอบ/นาที ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด จนกว่าคุณจะได้สัมผัสกับความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง
สิ่งที่เป็นไฮไลต์และเป็นหัวใจของสมรรถนะอันก้าวกระโดดนี้คือการเพิ่มแรงบิดช่วงออกตัวสูงขึ้นถึง 56% ซึ่งหมายถึงการออกตัวที่กระฉับกระเฉง แม้บรรทุกหนัก หรือการขับขี่ในเมืองที่มีการเร่งและหยุดบ่อยครั้ง ก็จะสัมผัสได้ถึงความคล่องตัวที่เหนือกว่า นอกจากนี้ ยังได้รับการยืนยันถึงความประหยัดน้ำมันที่เหนือกว่าเดิม สูงสุดถึง 10.7% ในรุ่น Hi-Lander 2 ประตู เกรด L ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของผู้บริโภค ยิ่งไปกว่านั้น ค่าการปล่อย CO2 ยังต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน ซึ่งเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นของอีซูซุในการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
เบื้องหลังตัวเลขและประสิทธิภาพอันโดดเด่นนี้ คือชุดเทคโนโลยีขั้นสูงที่ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว:
หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูง 250 MPa. ใหม่: หัวฉีดแรงดันสูงนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มตัวเลข แต่เป็นการยกระดับการเผาไหม้ให้สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยแรงดันที่สูงกว่า ทำให้สามารถฉีดละอองน้ำมันได้ละเอียดเป็นพิเศษ ผสมกับอากาศได้อย่างลงตัว ส่งผลให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดมลภาวะ และเพิ่มพลังงานให้เครื่องยนต์ได้อย่างเต็มที่
ECM แบบ MULTI-CORE ประสิทธิภาพสูง ใหม่: หน่วยควบคุมเครื่องยนต์ (Engine Control Module) คือสมองของเครื่องยนต์ และในเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE นี้ ได้รับการติดตั้ง ECM แบบ Multi-Core ที่มีประสิทธิภาพการประมวลผลสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้สามารถประมวลผลข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ส่งผลให้การทำงานของเครื่องยนต์เป็นไปอย่างราบรื่น ตอบสนองได้ฉับไว และคงไว้ซึ่งความประหยัดสูงสุดในทุกสภาวะการขับขี่
E-VGS TURBO เทอร์โบแปรผันควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ใหม่: เทอร์โบแปรผันรุ่นใหม่นี้ถูกควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้สามารถปรับการทำงานได้อย่างละเอียดและรวดเร็วกว่าเดิมมาก ส่งผลให้ลดอาการ “เทอร์โบแล็ก” หรือการรอรอบของเครื่องยนต์ได้อย่างเห็นได้ชัด พลังจะมาทันทีที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการออกตัว หรือการเร่งแซง มอบประสบการณ์การขับขี่ที่มั่นใจและสนุกยิ่งขึ้น
ห้องเผาไหม้แบบ HIGH SWIRL พร้อมลูกสูบ ULTRA-LOW FRICTION ใหม่: การออกแบบห้องเผาไหม้แบบ “HIGH SWIRL” ช่วยเพิ่มการหมุนวนของอากาศในห้องเผาไหม้ ทำให้การผสมของเชื้อเพลิงและอากาศเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ ส่งผลให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูงสุด เสริมด้วยลูกสูบแบบ “ULTRA-LOW FRICTION” ที่ลดแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเชิงกล ลดการสึกหรอ และส่งผลต่อความประหยัดน้ำมันโดยตรง
เสื้อสูบ EXTREME STRENGTH พร้อมระบบหล่อลื่น HI-FLOW และชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยว TIMING GEAR & CHAIN ใหม่: ความแข็งแกร่งและทนทานคือเอกลักษณ์ของอีซูซุ และเครื่องยนต์ใหม่นี้ก็ไม่ทิ้งหลักการดังกล่าว เสื้อสูบ “EXTREME STRENGTH” ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับแรงเค้นที่เพิ่มขึ้น พร้อมระบบหล่อลื่น “HI-FLOW” ที่จ่ายน้ำมันหล่อลื่นได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว ช่วยรักษาอุณหภูมิและยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ นอกจากนี้ ชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วยเฟืองและโซ่เหล็กกล้า (TIMING GEAR & CHAIN) ยังให้ความมั่นใจในเรื่องความทนทานและความเที่ยงตรงตลอดอายุการใช้งาน
เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE นี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องยนต์ใหม่ แต่เป็นการรวบรวมสุดยอดเทคโนโลยีดีเซลที่อีซูซุสั่งสมมาตลอดหลายทศวรรษ เพื่อส่งมอบขุมพลังที่สมดุลทั้งในด้านสมรรถนะ ความประหยัด และความยั่งยืน เป็นการตอกย้ำว่า “ดีเซล” ยังคงเป็นพลังงานที่มีบทบาทสำคัญ และสามารถพัฒนาไปสู่จุดที่เหนือกว่าได้อย่างไม่หยุดยั้ง
ขุมพลังสูงสุด: เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE “พลังใหม่…กำหนดโลก”
สำหรับผู้ที่ต้องการพละกำลังขั้นสุดยอด อีซูซุยังคงนำเสนอเครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ภายใต้สโลแกน “พลังใหม่…กำหนดโลก” ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในสมรรถนะที่จะพาคุณไปได้ทุกที่ เครื่องยนต์นี้ให้พลังแรงสุดถึง 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที ตัวเลขเหล่านี้บอกได้อย่างชัดเจนว่านี่คือเครื่องยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานหนัก การบรรทุกหนัก หรือการเดินทางในเส้นทางที่ท้าทาย
เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE ยังคงใช้ E-VGS TURBO ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการอัดอากาศได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ส่งผลให้การตอบสนองดีเยี่ยมในทุกช่วงความเร็ว ไม่ว่าจะออกตัว เร่งแซง หรือขับขี่บนทางชัน คุณจะสัมผัสได้ถึงพละกำลังที่พร้อมให้ใช้งานอยู่เสมอ โดยไม่รู้สึกขาดช่วง ถือเป็นการผสมผสานระหว่างสมรรถนะอันแข็งแกร่งเข้ากับเทคโนโลยีการควบคุมที่ทันสมัย เพื่อให้ได้มาซึ่งขุมพลังดีเซลที่ทรงประสิทธิภาพสูงสุด มีให้เลือกทั้งในรถอีซูซุ ดีแมคซ์ และ มิว-เอ็กซ์ ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพที่เหนือกว่าในทุกมิติ
ระบบส่งกำลังใหม่: ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ
หัวใจสำคัญของประสบการณ์การขับขี่ไม่ได้อยู่ที่เครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว แต่ระบบส่งกำลังมีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน และในปี 2025 นี้ อีซูซุได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถในกลุ่มนี้ด้วยระบบส่งกำลังที่ล้ำสมัย:
เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด REV TRONIC ใหม่: นี่คือครั้งแรกของอีซูซุที่นำเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดมาใช้ในไลน์อัพ ส่งผลให้มีอัตราทดเกียร์ที่ต่อเนื่องและครอบคลุมทุกช่วงความเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างนุ่มนวล ไร้รอยต่อ ลดแรงกระชาก ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่นและสบายยิ่งขึ้น การที่มีอัตราทดเกียร์ที่ละเอียดขึ้นยังช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบต่ำลงเมื่อใช้ความเร็วสูง ส่งผลโดยตรงต่อความประหยัดน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และยังช่วยลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร ทำให้การเดินทางไกลเป็นไปอย่างผ่อนคลายและเพลิดเพลิน เกียร์ REV TRONIC นี้ยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ที่ตอบสนองต่อสไตล์ของผู้ขับขี่ได้อย่างหลากหลาย ทำให้คุณสามารถเลือกได้ว่าจะเน้นความนุ่มนวล หรือความกระฉับกระเฉงในการขับขี่
เกียร์ธรรมดา 6 สปีด GENIUS SPORT SHIFT ใหม่: สำหรับผู้ที่ยังคงชื่นชอบการควบคุมรถด้วยตนเอง อีซูซุได้พัฒนาระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด GENIUS SPORT SHIFT พร้อมอัตราทดใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อการออกตัวที่ดีขึ้นแม้บรรทุกหนัก และยังคงให้ความประหยัดน้ำมันที่ความเร็วสูง การปรับปรุงอัตราทดเกียร์นี้ช่วยให้การส่งถ่ายกำลังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกช่วงรอบเครื่องยนต์ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างแม่นยำและมั่นใจในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง หรือการออกเดินทางไกลบนถนนหลวง
การทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์ MAXFORCE ใหม่ และระบบส่งกำลังใหม่นี้ สร้างความสมดุลที่ลงตัวระหว่างสมรรถนะ ความประหยัด และความสะดวกสบาย ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้เหนือชั้นยิ่งกว่าที่เคย
NEW! MU-X The Next Peak 2.2 & 3.0 Ddi MAXFORCE: กำหนดจุดสูงสุดใหม่ที่เหนือกว่า
สำหรับตลาดรถยนต์ PPV หรือรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ ได้รับการปรับโฉมใหม่ภายใต้ชื่อ “The Next Peak” เพื่อสื่อถึงการยกระดับสู่จุดสูงสุดใหม่ที่เหนือกว่าทุกข้อจำกัด
เพิ่มไลน์อัพใหม่! NEW! MU-X The Next Peak รุ่น RS เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE: การมาถึงของรุ่น RS คือการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของอีซูซุในการนำเสนอสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมควบคู่ไปกับความหรูหราและสปอร์ต รุ่น RS ไม่ได้เป็นเพียงการตกแต่งที่โดดเด่น แต่ยังมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ใหม่ ที่พร้อมพุ่งทะยานสู่จุดพีคที่สุดของสมรรถนะ ให้คุณฝ่าทุกอุปสรรคอย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมพามุ่งสู่จุดสูงสุดของการเดินทาง ด้วยขุมพลังที่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ คุณจะสัมผัสได้ถึงการขับขี่ที่เร้าใจ ตอบสนองได้ดั่งใจ พร้อมความสะดวกสบายและปลอดภัยระดับพรีเมียมที่เป็นเอกลักษณ์ของ MU-X
NEW! MU-X The Next Peak มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE และ 3.0 Ddi MAXFORCE ในหลากหลายรุ่นย่อย เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการ ตั้งแต่รุ่น Active ที่เน้นความคุ้มค่า ไปจนถึงรุ่น Ultimate และ RS ที่มอบความหรูหราและเทคโนโลยีขั้นสุด
ราคาจำหน่าย MU-X ในแต่ละรุ่น (โดยประมาณ ณ วันเปิดตัว):
NEW! MU-X RS 4×4 ราคาตั้งแต่ 1,759,000 – 1,771,000 บาท
NEW! MU-X RS ราคาตั้งแต่ 1,624,000 – 1,671,000 บาท
NEW! MU-X Ultimate ราคาตั้งแต่ 1,554,000 – 1,601,000 บาท
NEW! MU-X Elegant ราคาตั้งแต่ 1,429,000 – 1,476,000 บาท
NEW! MU-X Active ราคาตั้งแต่ 1,194,000 – 1,206,000 บาท
รถปิกอัพอีซูซุ ดีแมคซ์ 2.2 & 3.0 Ddi MAXFORCE: พลังใหม่…กำหนดโลก
สำหรับราชากระบะอย่างอีซูซุ ดีแมคซ์ การเปลี่ยนแปลงในปี 2025 ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน ด้วยสโลแกน “พลังใหม่…กำหนดโลก” ที่ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งและความพร้อมที่จะเป็นผู้นำในทุกตลาด
เพิ่มไลน์อัพใหม่! ISUZU V-CROSS 4×4 เกรด ZP เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE: สำหรับสายลุยตัวจริง V-CROSS 4×4 ได้รับการเสริมทัพด้วยรุ่น ZP เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมเครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE ที่ทรงพลัง ทำให้การลุยเส้นทางออฟโรดเป็นไปอย่างง่ายดายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยระบบขับเคลื่อน 4×4 ที่ไว้ใจได้ และขุมพลังที่พร้อมตอบสนองทุกการท้าทาย
เพิ่มไลน์อัพใหม่! ISUZU D-MAX Spark 4×4 เกรด S เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE: อีซูซุ สปาร์ค ซึ่งเป็นกระบะตอนเดียวสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ ได้รับการยกระดับอย่างก้าวกระโดด ด้วยรุ่น 4×4 เกรด S เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE นี่คือการผสมผสานระหว่างความแกร่ง ประโยชน์ใช้สอย และความสะดวกสบายในการขับขี่ ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการรถกระบะที่ทนทาน พร้อมลุยงานหนัก และยังมอบความผ่อนคลายในการขับขี่
สีใหม่! สีเทา Elbrus Grey Opaque (เทา เอลบรุส โอเพค): เสริมนิยามหรูหรา กำหนดโลก ในรถปิกอัพอีซูซุ ดีแมคซ์ สีใหม่นี้มอบความรู้สึกพรีเมียมและทันสมัยให้กับรถกระบะคู่ใจ ทำให้ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นสะดุดตามากยิ่งขึ้น
อีซูซุ ดีแมคซ์ 2025 ยังคงมีตัวเลือกที่หลากหลาย ทั้งรุ่น 4 ประตู, 2 ประตู, Cab4, Spacecab และ Spark เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้งานทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานส่วนตัว หรือเชิงพาณิชย์
ราคาจำหน่ายอีซูซุ ดีแมคซ์ ในแต่ละรุ่น (โดยประมาณ ณ วันเปิดตัว):
NEW! ISUZU V-Cross 4×4 รุ่น 4 ประตู และ 2 ประตู ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 937,000 – 1,284,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Hi-Lander รุ่น 4 ประตู และ 2 ประตู ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 778,000 – 1,171,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Cab4 ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 749,000 – 902,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Spacecab ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 668,000 – 784,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Spark 4×4 ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 740,000 – 787,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Spark ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 558,000 – 655,000 บาท
ประสบการณ์จริงจากสนามทดสอบ: สัมผัสพลังแห่งอนาคต
ในฐานะผู้ที่ได้มีโอกาสสัมผัสและทดสอบสมรรถนะของอีซูซุ 2025 ผมยืนยันได้เลยว่า นวัตกรรมเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขบนแผ่นกระดาษ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้และน่าประทับใจอย่างยิ่ง
ISUZU D-Max Hi-lander 2.2 Ddi MAXFORCE:
ผมเริ่มต้นการทดสอบที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ซึ่งเป็นสนามแข่งระดับโลก การออกตัวของ D-Max Hi-lander คันนี้เหนือความคาดหมายตั้งแต่แรกสัมผัส จุดเด่นของเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE คือการมีกำลังตั้งแต่รอบต่ำ แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร มาตั้งแต่ 1,600 รอบ/นาที ทำให้ผมแทบไม่ต้องกดคันเร่งลึก ก็สามารถพารถทะยานออกไปได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจ การเร่งแซงเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีอาการรอรอบใดๆ เลย ต้องยกเครดิตให้กับ E-VGS TURBO ลูกใหม่ ที่ตอบสนองได้ทันท่วงที
สิ่งที่น่าประทับใจอีกอย่างคือระดับเสียงของเครื่องยนต์ ซึ่งเงียบลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 1.9 ลิตรรุ่นก่อนหน้า ตั้งแต่สตาร์ทเครื่องยนต์ ไปจนถึงการขับขี่ในความเร็วต่างๆ หรือแม้กระทั่งการเร่งแซง ก็ยังคงความเงียบและความราบเรียบไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้การเดินทางมีความสะดวกสบายและผ่อนคลายมากขึ้น ความราบเรียบของเครื่องยนต์นี้ยังรู้สึกได้แม้กระทั่งตอนจอดอยู่กับที่และกดคันเร่ง รอบเครื่องยนต์ตอบสนองได้เร็วขึ้นอย่างชัดเจน
พระเอกอีกหนึ่งอย่างคือเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด REV TRONIC ใหม่ การเปลี่ยนเกียร์ทำได้อย่างนุ่มนวลและต่อเนื่องจนแทบไม่รู้สึกถึงรอยต่อ ทำให้การส่งกำลังเป็นไปอย่างไหลลื่น การตอบสนองในช่วงเร่งแซงก็ทำได้ดีเยี่ยม เมื่อใช้ Paddle Shift เพื่อลดเกียร์ ระบบก็ทำงานได้อย่างรวดเร็วทันใจ ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ขับขี่ได้อย่างไร้ที่ติ และหัวใจสำคัญที่ช่วยให้เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันได้อย่างแท้จริงคือจำนวนเกียร์ที่เพิ่มขึ้นเป็น 8 สปีด เมื่อผมลองวิ่งด้วยความเร็ว 120 กม./ชม. ในเกียร์ 8 รอบเครื่องยนต์ขึ้นไปเพียง 1,900-1,950 รอบ/นาที เท่านั้น ซึ่งอัตราทดนี้จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้อย่างแน่นอนในการขับขี่ระยะยาว
MU-X The Next Peak 2.2 Ddi MAXFORCE:
เมื่อเปลี่ยนมาขับ MU-X The Next Peak ที่ใช้เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE เช่นเดียวกัน แม้ว่าน้ำหนักตัวรถจะมากกว่า D-Max ทำให้การอัตราเร่งอาจจะไม่ได้กระฉับกระเฉงเท่า แต่ความไหลลื่นของการเปลี่ยนเกียร์จากเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดนั้น สร้างความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมเมื่อมาอยู่ใน MU-X ด้วยธรรมชาติของรถยนต์อเนกประสงค์ที่ต้องการความสบายในการเดินทาง เกียร์ใหม่นี้ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและต่อเนื่อง ช่วยให้การเดินทางไกลเป็นไปอย่างผ่อนคลาย ไม่มีอาการกระตุกหรือกระชาก ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายตลอดเส้นทาง
Slope Station Test:
อีกหนึ่งการทดสอบที่เน้นการใช้งานจริงคือการขับรถขึ้นและลงเนินชัน 18 องศา พร้อมโหลดน้ำหนัก 1,000 กิโลกรัม ด้วยรถปิกอัพ NEW! ISUZU D-MAX Spacecab M/T และ NEW! ISUZU D-MAX Spark A/T ผลลัพธ์ที่ได้คือความมั่นใจเต็มเปี่ยม เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE และ 3.0 Ddi MAXFORCE ใหม่นี้สามารถพารถที่บรรทุกหนักปีนป่ายเนินชันได้อย่างสบายๆ ด้วยแรงบิดที่มีมาให้ใช้ตั้งแต่รอบต่ำ ทำให้ไม่จำเป็นต้องเร่งเครื่องยนต์สูง หรือต้องเค้นกำลังใดๆ ในขณะที่ระบบเกียร์ก็ช่วยส่งกำลังได้อย่างเหมาะสม ทำให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างง่ายดายทั้งการขึ้นและลงเนิน แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะที่แท้จริงในการใช้งานเชิงพาณิชย์ หรือการบรรทุกสัมภาระจำนวนมากสำหรับการเดินทาง
บทสรุปและก้าวต่อไป
อีซูซุ 2025 คือการประกาศความพร้อมในการก้าวสู่ยุคใหม่ของยานยนต์ ด้วยนวัตกรรมเครื่องยนต์ดีเซล MAXFORCE เจเนอเรชันใหม่และระบบส่งกำลังอันทันสมัย อีซูซุได้ยกระดับมาตรฐานของรถกระบะและ PPV ให้สูงขึ้นไปอีกขั้น ไม่ใช่แค่เพียงการตอบสนองความต้องการในปัจจุบัน แต่เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตที่กำลังจะมาถึง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสมรรถนะที่ทรงพลัง ความประหยัดน้ำมันที่เป็นเลิศ ค่า CO2 ที่ต่ำที่สุดในระดับเดียวกัน และความพร้อมรองรับเทคโนโลยีและพลังงานที่หลากหลายในอนาคต
นี่คือโอกาสที่คุณจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนไปข้างหน้า สัมผัสประสบการณ์ที่เหนือกว่าในทุกเส้นทาง ด้วยรถอีซูซุ ดีแมคซ์ และ อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ 2025 ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และความมุ่งมั่นที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งาน
อย่ารอช้าที่จะสัมผัสขุมพลังแห่งอนาคต! เชิญมาทดลองขับและเป็นเจ้าของ Isuzu D-MAX 2025 และ Isuzu MU-X 2025 ได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมอีซูซุถึงกล้าที่จะ “กำหนดโลก” ด้วยพลังใหม่ที่ไร้ขีดจำกัด!

