GWM POER SAHAR HEV 2025: ปฏิวัติวงการกระบะไฮบริดไทย สู่ยุคใหม่แห่งสมรรถนะและความยั่งยืน
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์ที่คร่ำหวอดมานานกว่าทศวรรษ ผมกล้ากล่าวได้อย่างเต็มปากว่าปี 2025 นี้ กำลังจะเป็นหมุดหมายสำคัญที่พลิกโฉมหน้าตลาดรถกระบะในประเทศไทยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และหนึ่งในผู้เล่นที่เข้ามาสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่คือ Great Wall Motor (GWM) กับการเปิดตัว GWM POER SAHAR HEV 2025 รถกระบะไฮบริดคันแรกในไทย ที่ไม่ได้เป็นเพียงยานยนต์ แต่คือการประกาศจุดยืนของ GWM ในการขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ยั่งยืน ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับความสะดวกสบาย และสมรรถนะที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างไร้ที่ติ
จากประสบการณ์ที่ได้คลุกคลีกับนวัตกรรมยานยนต์มาโดยตลอด ผมมองว่า GWM POER SAHAR HEV ไม่ได้เป็นแค่การก้าวกระโดดสำหรับ GWM เท่านั้น แต่เป็นการจุดประกายให้ตลาดรถกระบะไทยตื่นตัว ยกระดับมาตรฐานขึ้นไปอีกขั้น ด้วยขุมพลังไฮบริดอันทรงประสิทธิภาพที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความประหยัดน้ำมันในยุคที่ต้นทุนพลังงานผันผวน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไปพร้อมกับการมอบพละกำลังที่เหนือชั้นและเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งกว่าที่เคย
GWM POER SAHAR HEV 2025: กระบะไฮบริดแห่งอนาคต
GWM POER SAHAR HEV 2025 มาพร้อม 2 รุ่นย่อยที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มองหากระบะเพื่อการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน หรือนักผจญภัยที่ต้องการสมรรถนะออฟโรดขั้นสุด:
รุ่น 2.0T HEV PRO DOUBLE CAB AUTO: มอบความคุ้มค่าและเทคโนโลยีพื้นฐานที่ครบครันสำหรับการใช้งานแบบอเนกประสงค์
รุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD: ที่สุดแห่งสมรรถนะและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกระดับพรีเมียม พร้อมลุยได้ทุกสภาพเส้นทางด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ
สำหรับสีภายนอกที่พร้อมให้เลือกถึง 3 เฉดสี สะท้อนรสนิยมและความหรูหรา ได้แก่ สีขาว (Hamilton White), เทา (Ayers Gray) และสีดำ (Sun Black) ขณะที่ภายในห้องโดยสารจะมาในโทนสีดำ Jade Black ที่มอบความรู้สึกสุขุมและพรีเมียมในทุกมิติ
มิติรถยนต์: ความโอ่อ่าที่มาพร้อมความแกร่ง
สิ่งที่ผมประทับใจตั้งแต่แรกเห็นคือมิติตัวถังที่โดดเด่นของ GWM POER SAHAR HEV 2025 ด้วยความยาว 5,445 มิลลิเมตร, ความกว้าง 1,991 มิลลิเมตร และความสูง 1,924 มิลลิเมตร มิติเหล่านี้ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่บ่งบอกถึงความโอ่อ่าและความมั่นคงบนท้องถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระยะฐานล้อที่ยาวถึง 3,350 มิลลิเมตร ซึ่งนับว่ายาวที่สุดในตลาดรถกระบะปัจจุบัน การมีฐานล้อที่ยาวนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้กว้างขวางเป็นพิเศษ แต่ยังช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ที่ความเร็วสูง และลดแรงเหวี่ยงขณะเข้าโค้ง ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลและมั่นคงในทุกเส้นทาง
ยิ่งไปกว่านั้น ระยะความสูงใต้ท้องรถ 224 มิลลิเมตร และความสามารถในการลุยน้ำได้ลึกถึง 800 มิลลิเมตร ก็ตอกย้ำถึงจิตวิญญาณของนักผจญภัยที่พร้อมพาคุณไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางขรุขระ ทางลูกรัง หรือแม้แต่การขับขี่ลุยน้ำท่วมขังในฤดูฝนของไทย ก็ไร้กังวลได้อย่างแท้จริง พร้อมด้วยถังน้ำมันขนาด 75 ลิตร ที่รองรับการเดินทางไกลได้อย่างไร้กังวล นี่คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหราที่เห็นได้จากภายนอก และความแกร่งที่ซ่อนอยู่ใน DNA ของรถกระบะตัวจริง
ขุมพลังไฮบริด: พลังขับเคลื่อนแห่งอนาคต
หัวใจสำคัญที่ทำให้ GWM POER SAHAR HEV 2025 แตกต่างและโดดเด่นในตลาด “รถกระบะไฮบริด 2025” คือ “ขุมพลังไฮบริด” ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าอันทรงประสิทธิภาพ ผมในฐานะผู้ที่ติดตามเทคโนโลยีนี้มาตลอด ต้องบอกว่าการผสมผสานนี้ไม่ใช่แค่การนำสองแหล่งพลังงานมารวมกัน แต่เป็นการสร้างสรรค์ synergy ที่เหนือกว่า
เครื่องยนต์เบนซินมอบพละกำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์ (244 แรงม้า) พร้อมแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมกำลังด้วยพละกำลังสูงสุด 78 กิโลวัตต์ (106 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 268 นิวตันเมตร ซึ่งจุดเด่นของมอเตอร์ไฟฟ้าคือการส่ง “แรงบิดมหาศาล” ออกมาได้ทันทีตั้งแต่รอบต่ำ ทำให้ “สมรรถนะกระบะไฮบริด” คันนี้มีอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมและฉับไวในการตอบสนอง โดยเฉพาะเมื่อต้องการเร่งแซงหรือออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง นอกจากนี้ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection และปริมาตรกระบอกสูบ 1,998 ซีซี ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ ทำให้ “ประหยัดน้ำมัน” ได้อย่างเห็นผล ลดการปล่อยมลพิษ ตอบโจทย์เทรนด์ “ความยั่งยืน” ของโลกยานยนต์ยุคใหม่
ความชาญฉลาดของระบบขับเคลื่อนยังไม่หมดเพียงเท่านี้ GWM POER SAHAR HEV มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9HAT) ที่ทำงานร่วมกับขุมพลังไฮบริดได้อย่างราบรื่น มอบประสบการณ์การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและต่อเนื่อง ไม่ว่าจะขับขี่ในเมืองหรือบนทางหลวง
และสำหรับผู้ที่รักการผจญภัย รุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD มาพร้อม “ระบบขับเคลื่อน AWD Dual Speed” ที่มีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับการขับขี่ในทุกสภาพพื้นผิวได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางออฟโรดที่ท้าทาย หรือการเดินทางบนถนนเปียก การควบคุมก็จะยังคงมั่นคง
ในส่วนของโหมดการขับขี่นั้นก็ได้รับการปรับแต่งมาอย่างดี:
รุ่น PRO มาพร้อม 3 โหมด: ปกติ, สปอร์ต และประหยัด ที่ครอบคลุมการใช้งานในชีวิตประจำวัน
รุ่น ULTRA ยกระดับไปอีกขั้นด้วย 5 โหมด: ปกติ, สปอร์ต, ประหยัด, โหมดขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วต่ำ (4L) และโหมดขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง (4H) ซึ่งมอบความยืดหยุ่นและสมรรถนะสูงสุดสำหรับการลุยในสถานการณ์ต่างๆ
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่สะท้อนความใส่ใจในรายละเอียดคือ “ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent)” ที่มีให้ในทั้งสองรุ่น ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นสภาพพื้นผิวใต้ท้องรถแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการขับขี่ออฟโรดหรือในเส้นทางที่มีอุปสรรค ช่วยเพิ่มความมั่นใจและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ
และสำหรับนักผจญภัยที่มองหา “รถกระบะออฟโรด ไฮบริด” ตัวจริง ระบบล็อกเฟืองขับ (Electric Differential Lock) คือกุญแจสำคัญ:
รุ่น PRO มาพร้อมระบบล็อกเฟืองขับเฉพาะด้านหลัง ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการยึดเกาะเมื่อล้อข้างใดข้างหนึ่งเสียการทรงตัว
รุ่น ULTRA จัดเต็มด้วยระบบล็อกเฟืองขับทั้งด้านหน้าและด้านหลัง (Front & Rear Electric Differential Lock) ซึ่งจะมอบการยึดเกาะและการควบคุมที่เหนือชั้นที่สุดในสถานการณ์ออฟโรดสุดหฤโหด ช่วยให้รถสามารถผ่านพ้นอุปสรรคได้อย่างมั่นใจ นี่คือสิ่งที่ทำให้ GWM POER SAHAR HEV 2025 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับ “เทคโนโลยีกระบะ 2025” ที่รวมเอาความประหยัดและความแข็งแกร่งไว้ด้วยกัน
ช่วงล่างและระบบควบคุม: มั่นคง นุ่มนวล ปลอดภัย
จากประสบการณ์ของผม ระบบช่วงล่างคือหัวใจสำคัญของ “รถกระบะใหม่ 2025” ที่ต้องรองรับทั้งการบรรทุกและการขับขี่ที่นุ่มนวล GWM POER SAHAR HEV ทั้งสองรุ่นมาพร้อม “ระบบกันสะเทือนหน้าแบบดับเบิลวิชโบน” ที่มอบการควบคุมที่แม่นยำและการซับแรงกระแทกที่ดีเยี่ยม ส่วน “ระบบกันสะเทือนหลังแบบแหนบ” นั้นเป็นแบบที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความแข็งแกร่ง ทนทาน และสามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานของรถกระบะในประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง การผสมผสานนี้ทำให้รถสามารถรับมือได้ทั้งสภาพถนนเรียบและการลุยทางขรุขระได้อย่างมั่นใจ
“ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าแปรผันตามความเร็ว” คืออีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ผมต้องยกนิ้วให้ เพราะช่วยให้การขับขี่ง่ายดายและผ่อนคลายยิ่งขึ้น ด้วยการปรับน้ำหนักพวงมาลัยให้เหมาะสมกับความเร็ว ผู้ขับขี่จึงสัมผัสได้ถึงความคล่องตัวในการขับขี่ในเมือง และความมั่นคงเมื่อใช้ความเร็วสูงบนทางหลวง พร้อมโหมดช่วยผ่อนแรงพวงมาลัยถึง 3 โหมด (เบา, สบาย, สปอร์ต) ให้เลือกปรับตามความชอบ
และแน่นอนว่าเรื่องความปลอดภัย ระบบเบรกย่อมเป็นสิ่งสำคัญ GWM POER SAHAR HEV มาพร้อม “ดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน” ทั้ง 4 ล้อ ช่วยให้ระบายความร้อนและน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อการหยุดรถได้ดีเยี่ยมในทุกสถานการณ์
อุปกรณ์ภายนอก: ดีไซน์เหนือระดับ พร้อมฟังก์ชันครบครัน
ในยุคของ “กระบะไฮบริด GWM” การออกแบบภายนอกไม่ได้เป็นเพียงแค่ความสวยงาม แต่ต้องผสานฟังก์ชันการใช้งานอย่างชาญฉลาด:
ไฟหน้า LED อัจฉริยะ: ไม่ใช่แค่ให้ความสว่าง แต่มาพร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทาง (Follow Me Home) เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ในที่มืด
ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED (DRL): เพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยในเวลากลางวัน
ไฟตัดหมอกหน้า-หลังแบบ LED: (เฉพาะรุ่น ULTRA) มอบทัศนวิสัยที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในสภาพอากาศย่ำแย่
ไฟท้ายแบบ LED: ดีไซน์โดดเด่นและมองเห็นได้ชัดเจน
ฝาท้ายอัจฉริยะ: สิ่งนี้คือจุดเด่นที่ผมเชื่อว่าผู้ใช้งานหลายคนจะชื่นชอบ ด้วยการเปิด-ปิดได้ 2 รูปแบบ พร้อมระบบผ่อนแรง (เฉพาะรุ่น ULTRA) ควบคุมง่ายเพียงปลายนิ้ว รองรับการใช้งานทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการขนของชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่
ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว (265/60 R18): พร้อมล้ออะไหล่ มอบความพรีเมียมและเข้ากับดีไซน์ภายนอกของตัวรถได้อย่างลงตัว
นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันเสริมที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายอีกมากมาย เช่น กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว ที่มีระบบจดจำตำแหน่งอัจฉริยะและปรับระดับอัตโนมัติขณะถอยหลัง (เฉพาะรุ่น ULTRA) ช่วยให้การจอดรถง่ายขึ้นมาก ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าอัตโนมัติ ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิกับการควบคุมรถได้เต็มที่ในขณะฝนตก ราวหลังคาที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ เสาอากาศแบบครีบฉลามที่นอกจากจะเพิ่มสัญญาณการสื่อสารแล้ว ยังช่วยลดแรงต้านอากาศขณะขับขี่ และบันไดข้างที่อำนวยความสะดวกในการขึ้น-ลงรถ พร้อมปกป้องตัวรถจากเศษหินและโคลนบนท้องถนน
อุปกรณ์ภายใน: สัมผัสความหรูหราและเทคโนโลยีสุดล้ำ
ก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ GWM POER SAHAR HEV 2025 คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศระดับเฟิร์สคลาสที่เหนือกว่า “กระบะพรีเมียม” ทั่วไป:
ไฟตกแต่งห้องโดยสาร (Ambient Light): (เฉพาะรุ่น ULTRA) เพิ่มสีสันและบรรยากาศแห่งความสนุกสนานในทุกการเดินทาง ด้วยไฟหลากสีและจังหวะคลื่นน้ำที่ปรับเปลี่ยนได้ สร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจ
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน: พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงและจอแสดงข้อมูลการขับขี่ และ “Paddle Shift” ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัสที่พวงมาลัย
ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชันหยุดอัตโนมัติ (Auto Hold): เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย ไม่ต้องเหยียบเบรกค้างไว้เมื่อรถหยุดนิ่ง
สวิตซ์ควบคุมโหมดการขับขี่: ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเพื่อ “ประหยัดน้ำมัน” ได้สูงสุด
เกียร์แบบ Electronic Shifter: ชุดเกียร์ไฟฟ้าดีไซน์เรียบหรูบริเวณคอนโซลกลาง สะท้อนความทันสมัย
กุญแจ Smart Key และระบบ Push Start: ช่วยให้การสตาร์ทรถเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย
กระจกมองหลังลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ: (เฉพาะรุ่น ULTRA) ช่วยปรับความสว่างจากไฟหน้ารถที่ขับตามหลังในเวลากลางคืน ลดแสงจ้าและเพิ่มความปลอดภัย
ที่บังแดดพร้อมกระจกและไฟแต่งหน้า: สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด
เบาะนั่งภายในห้องโดยสาร: คือจุดที่ผมกล้ายกให้เป็นไฮไลท์ของความพรีเมียม
รุ่น PRO: เบาะหนังสังเคราะห์ พร้อมเบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
รุ่น ULTRA: ยกระดับสู่ “เบาะหนังแท้” พร้อมเบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง, ระบบดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง, ระบบบันทึกตำแหน่ง (Memory Seat) พร้อม Welcome Seat และระบบระบายอากาศเบาะที่สำคัญสำหรับสภาพอากาศเมืองไทย
เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง และที่น่าทึ่งคือ “ระบบนวดไฟฟ้า” ที่มีมาให้ในเบาะคู่หน้า มอบความผ่อนคลายตลอดการเดินทาง
เบาะนั่งแถวที่ 2 ก็ไม่น้อยหน้า ด้วยเบาะปรับระดับ 2 ทิศทาง และพนักพิงเบาะพับได้แบบ 40:20:40 พร้อมที่พักแขนตอนกลางและที่วางแก้วน้ำ มั่นใจได้ว่าผู้โดยสารทุกตำแหน่งจะได้รับความสะดวกสบายสูงสุด
ในด้านการเชื่อมต่อ “ช่องต่อ USB” ทั้งด้านหน้าและหลัง รวมถึงสำหรับกล้องบันทึกภาพ และ “ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V” และ “ช่องจ่ายไฟ 220V” (เฉพาะรุ่น ULTRA) ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ต้องเชื่อมต่อตลอดเวลา และ “กระจกไฟฟ้า 4 บาน พร้อมระบบ One-Touch” ที่ช่วยให้การใช้งานเป็นไปอย่างง่ายดาย
ระบบความสะดวกสบายและเทคโนโลยีอัจฉริยะ: เหนือกว่าทุกความคาดหมาย
GWM POER SAHAR HEV 2025 คือศูนย์รวมของ “เทคโนโลยีอัจฉริยะ” ที่ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้เหนือกว่าสิ่งที่คุณเคยพบเจอ:
หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว: พร้อมระบบนำทาง แสดงข้อมูลครบครัน ชัดเจน และปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ
ระบบสั่งการด้วยเสียง (Voice Command): จดจำเสียงได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดการสัมผัสปุ่มและลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุขณะขับขี่ ทำให้คุณสามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน
ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย: (เฉพาะรุ่น ULTRA) อีกหนึ่งความสะดวกสบายที่ขาดไม่ได้ในยุคดิจิทัล
ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อถึงความเร็วที่กำหนด: เพิ่มความปลอดภัยและความอุ่นใจ
การแสดงสภาพอากาศและระบบปรับอากาศอัตโนมัติด้านหน้าแยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ N95: ดูแลสุขภาพและมอบอากาศบริสุทธิ์ภายในห้องโดยสาร
รองรับการอัปเดตเฟิร์มแวร์แบบไร้สาย (FOTA): นี่คืออนาคตของยานยนต์ ช่วยให้ระบบควบคุมต่างๆ ภายในรถสามารถอัปเดตและทำงานได้อย่างแม่นยำและง่ายดายอยู่เสมอ ทำให้รถของคุณทันสมัยอยู่ตลอดเวลา
ระบบความบันเทิง: คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ
ประสบการณ์การเดินทางจะไม่สมบูรณ์หากขาดระบบความบันเทิงที่ดีเยี่ยม:
ลำโพง 6 ตำแหน่ง (รุ่น PRO) และลำโพง Infinity 10 ตำแหน่ง (รุ่น ULTRA): มอบ “คุณภาพเสียงระดับสูง” และรอบทิศทาง
หน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว: รองรับทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, Bluetooth, MP5, Online Music และ Online Radio ให้คุณเพลิดเพลินกับการรับชมและรับฟังได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่พลาดทุกการเชื่อมต่อและความบันเทิง
GWM แอปพลิเคชันอัจฉริยะ: ควบคุมรถได้จากทุกที่
GWM POER SAHAR HEV ทั้งสองรุ่นมาพร้อม “GWM แอปพลิเคชันอัจฉริยะ” ที่ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อและ “ควบคุมรถระยะไกล” ได้อย่างเต็มรูปแบบผ่านสมาร์ทโฟน:
ระบบตรวจสอบสถานะประตูและหน้าต่าง, ระบบปรับอากาศ, ระยะทางทั้งหมด, ระยะทางวิ่งคงเหลือ, ปริมาณน้ำมัน, สถานะอุณหภูมิและแรงดันลมยาง: ตรวจสอบข้อมูลสำคัญของรถได้ตลอดเวลา
ระบบช่วยเตือนเมื่อสถานะประตูและหน้าต่างผิดปกติ, แบตเตอรี่ 12V ต่ำ, ปริมาณน้ำมันต่ำ: เพิ่มความอุ่นใจและช่วยป้องกันปัญหา
ระบบค้นหาตำแหน่งรถยนต์ และระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ (Geo-fencing): เพิ่มความปลอดภัยและสะดวกสบายในการจัดการรถ
ระบบล็อกและปลดล็อกประตู, ปิดกระจก, เปิด-ปิดระบบปรับอากาศ: ควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของรถได้จากระยะไกล
สำหรับรุ่น ULTRA ยังมี “ระบบตรวจสอบสถานะเบาะระบายอากาศ” และ “ระบบเปิด-ปิดเบาะระบายอากาศ” ผ่านแอปฯ เพิ่มความสะดวกสบายสูงสุด
ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีอัจฉริยะ: ความอุ่นใจในทุกเส้นทาง
สิ่งที่ผมเชื่อว่า GWM ให้ความสำคัญสูงสุดคือ “ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ” และ “เทคโนโลยีอัจฉริยะ” โดย GWM POER SAHAR HEV ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยอัจฉริยะมากกว่า 29 รายการ ที่ครอบคลุมการปกป้องทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างเต็มที่ ทำให้ “รถยนต์ปลอดภัย” ได้มาตรฐานระดับโลก:
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ด้านข้าง และม่านถุงลม: ครอบคลุมการปกป้องในกรณีเกิดการชน
ระบบติดต่อศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ Call Center และระบบติดต่อเบอร์ฉุกเฉิน: พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา: ช่วยให้จอดรถและขับขี่ในที่แคบได้อย่างมั่นใจ
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC): ขับขี่สบายบนทางหลวง ลดภาระผู้ขับขี่
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA): ช่วยขับขี่ในสภาพการจราจรติดขัด
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินบนทางตรงและทางแยก (AEBI): ช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุ
ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า (FCW): แจ้งเตือนเมื่อมีความเสี่ยง
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA): ช่วยให้รถอยู่ในช่องจราจรอย่างปลอดภัย
ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK): ยกระดับการรักษาเลนให้แม่นยำยิ่งขึ้น
ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS): เพิ่มความปลอดภัยเมื่อขับขี่ใกล้รถบรรทุก
ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA), ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนด้านหลัง (RCW), ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) และระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB): ครอบคลุมการมองเห็นรอบคันและป้องกันการชน
ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการชนครั้งที่ 2 (SCM): ลดความเสียหายเพิ่มเติมหลังการชนครั้งแรก
ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน และลงทางลาดชัน (HSA / HDC): เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่บนเส้นทางลาดชัน
ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS): แจ้งเตือนเมื่อลมยางผิดปกติ เพื่อความปลอดภัยและ “ประหยัดน้ำมัน”
ระบบแจ้งเตือนการเปิดประตู (DOW): ป้องกันการชนกับรถหรือจักรยานยนต์ที่แล่นมา
เซนเซอร์กะระยะด้านหน้าและหลัง: ช่วยในการจอดและขับขี่ในที่แคบ
ระบบช่วยเตือนสัญลักษณ์จราจร และการแจ้งเตือนการขับรถเร็วเกินกำหนด: ช่วยให้ปฏิบัติตามกฎจราจร
ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน (ESS): เตือนรถคันหลังเมื่อเบรกกะทันหัน
จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX และระบบล็อกป้องกันเด็ก: ความปลอดภัยสูงสุดสำหรับเด็กเล็ก
และสำหรับรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD ยังมี 3 ระบบพิเศษที่ยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายไปอีกขั้น:
ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ (IIP): ช่วยจอดรถทั้งแบบเข้าซอง, จอดขนาน, และออกจากที่จอดได้อย่างแม่นยำ
ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA): ช่วยถอยรถในเส้นทางที่เคยขับผ่านได้อย่างง่ายดาย
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ (MEB): เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ในเมือง
บทสรุปและคำเชิญ
GWM POER SAHAR HEV 2025 ไม่ได้เป็นแค่ “รถกระบะไฮบริด” คันแรกในประเทศไทย แต่เป็นการวางรากฐานใหม่ให้กับอนาคตของยานยนต์ในกลุ่มนี้ ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างขุมพลังไฮบริดอันทรงประสิทธิภาพ, เทคโนโลยีอัจฉริยะระดับสูง, ดีไซน์ที่หรูหราแต่แฝงด้วยความแกร่ง และระบบความปลอดภัยที่ครบครัน นี่คือ “กระบะไฮบริดแห่งอนาคต” ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน การเดินทางท่องเที่ยว หรือแม้แต่การผจญภัยในเส้นทางออฟโรด ด้วยราคาที่ต้องจับตาและคุณสมบัติที่น่าทึ่ง ผมเชื่อว่านี่คือการลงทุนที่คุ้มค่าใน “รถกระบะไฮบริด 2025” ที่จะเปลี่ยนแปลงมุมมองของคุณที่มีต่อรถกระบะไปตลอดกาล
อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ใหม่นี้! ผมขอเชิญชวนทุกท่านที่กำลังมองหา “รถกระบะใหม่ 2025” ที่ผสานพลังขับเคลื่อนแห่งอนาคต เข้ากับความสะดวกสบายและความปลอดภัยระดับพรีเมียม สัมผัสประสบการณ์สุดยอดของ GWM POER SAHAR HEV 2025 ด้วยตัวคุณเอง มาร่วมเป็นเจ้าของนวัตกรรม “กระบะไฮบริด GWM” คันนี้ ที่ไม่เพียงจะพาคุณไปสู่จุดหมาย แต่ยังพาคุณไปสู่อนาคตแห่งการขับขี่ที่ยั่งยืนและชาญฉลาด!
เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดต่อผู้แทนจำหน่าย GWM ทั่วประเทศเพื่อทดลองขับ GWM POER SAHAR HEV 2025 วันนี้ และสัมผัสพลังงานทางเลือกอันไร้ขีดจำกัดก่อนใคร!
