เฟอร์รารี่ 849 เทสทารอสซา (เบอร์ลินเนตต้า) PHEV เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่
ในโลกยานยนต์ที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 ที่นวัตกรรมและเทคโนโลยีไฮบริดก้าวเข้าสู่ใจกลางของตลาดซูเปอร์คาร์อย่างเต็มตัว เฟอร์รารี่ (Ferrari) แบรนด์สัญลักษณ์แห่งความเร็วและสุนทรียภาพจากมาราเนลโล ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำอีกครั้งด้วยการเปิดตัว เฟอร์รารี่ 849 เทสทารอสซา (เบอร์ลินเนตต้า) PHEV ที่ไม่เพียงแต่สืบทอดจิตวิญญาณแห่งความเร่าร้อนของม้าลำพอง แต่ยังผสานกับเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) อันล้ำสมัยได้อย่างไร้ที่ติ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมกล้ากล่าวได้ว่า 849 เทสทารอสซา คือบทสรุปของวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ขับขี่เหนือระดับ ที่ยังคงรักษาอัตลักษณ์ของความเป็นเฟอร์รารี่ไว้อย่างเหนียวแน่น ขณะเดียวกันก็พร้อมทะยานเข้าสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้าอย่างสง่างาม รถยนต์รุ่นนี้ไม่ใช่แค่รถสปอร์ตสมรรถนะสูง แต่คือผลงานศิลปะเชิงวิศวกรรมที่หลอมรวมความดุดันของเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบเข้ากับความชาญฉลาดของระบบไฮบริดได้อย่างสมบูรณ์แบบ มันเป็นเครื่องยืนยันว่าอนาคตของซูเปอร์คาร์ไม่จำเป็นต้องละทิ้งอดีตอันรุ่งโรจน์ แต่สามารถวิวัฒนาการไปพร้อมกันได้อย่างน่าทึ่ง
ราคาและตำแหน่งทางการตลาดของเฟอร์รารี่ 849 เทสทารอสซา
เมื่อพูดถึงสุดยอด ยานยนต์สมรรถนะสูง อย่าง เฟอร์รารี่ คำถามแรกที่มักจะตามมาคือ “ราคา เฟอร์รารี่ คันนี้เท่าไร?” สำหรับ 849 เทสทารอสซา (เบอร์ลินเนตต้า) PHEV นี้ ได้ถูกวางจำหน่ายด้วยราคาเริ่มต้นที่ 41.1 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงสถานะของซูเปอร์คาร์ระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี และนวัตกรรมที่อัดแน่นอยู่ภายใน ราคาดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงแค่ค่าของโลหะและคาร์บอนไฟเบอร์ที่ประกอบกันขึ้นเป็นรถยนต์ แต่ยังรวมถึงมรดกทางวิศวกรรมที่สั่งสมมานานกว่า 7 ทศวรรษ เทคโนโลยีล้ำยุคที่ถ่ายทอดจากสนามแข่ง และสุนทรียภาพในการออกแบบที่ไม่มีใครเหมือน ในตลาดรถยนต์หรูปี 2025 ที่มีการแข่งขันสูงและเทรนด์ของรถยนต์ไฟฟ้ากำลังมาแรง 849 เทสทารอสซา ได้สร้างจุดยืนที่โดดเด่น ด้วยการเป็นสะพานเชื่อมระหว่างขุมพลังเบนซินแบบดั้งเดิมที่เร้าใจ กับประสิทธิภาพที่เหนือกว่าของระบบ ไฮบริดปลั๊กอิน มันคือการลงทุนในประสบการณ์ขับขี่ที่หาที่เปรียบไม่ได้ และการเป็นเจ้าของตำนานบทใหม่ของ ม้าลำพอง สำหรับผู้ที่มองหาสุดยอดซูเปอร์คาร์ที่ไม่เพียงแต่ให้ความเร็ว แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จและรสนิยมอันเป็นเลิศ
สีพิเศษและตัวเลือกการปรับแต่ง: สุนทรียภาพแห่งเอกลักษณ์
เอกลักษณ์ส่วนบุคคลคือหัวใจสำคัญของตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียม และ เฟอร์รารี่ 849 เทสทารอสซา เข้าใจถึงสิ่งนี้เป็นอย่างดี ด้วยการนำเสนอตัวเลือกการปรับแต่งที่หลากหลาย เพื่อให้เจ้าของสามารถรังสรรค์ ซูเปอร์คาร์ ในแบบฉบับของตนเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการเปิดตัว สีพิเศษ เฟอร์รารี่ สองเฉดใหม่ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับรุ่นนี้ เพื่อสะท้อนถึงทั้งมรดกและความล้ำสมัยของแบรนด์:
Rosso Fiammante: สีแดงที่พัฒนาต่อยอดจาก Rosso Corsa ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของเฟอร์รารี่มาอย่างยาวนาน แต่ Rosso Fiammante เพิ่มความพิเศษด้วยเอฟเฟกต์เมทัลลิกที่รังสรรค์ขึ้นด้วยกระบวนการพิเศษ เมื่ออยู่ภายใต้แสงแดด สีนี้จะมอบแสงสะท้อนที่อบอุ่นและสว่างไสว สะท้อนถึงความเร่าร้อนและสง่างามที่เปรียบดั่งเปลวเพลิงที่กำลังโชติช่วง เป็นการตีความสีแดงคลาสสิกของ เฟอร์รารี่ ให้อยู่ในมิติใหม่ที่ดึงดูดสายตาอย่างแท้จริง
Giallo Ambra: สีเหลืองเข้มที่อบอุ่น ผสมผสานโทนสีแดงเรื่อ ได้รับแรงบันดาลใจจากความลึกและความหลากหลายของสีธรรมชาติของอำพัน (Amber) ที่เป็นอัญมณีล้ำค่า สี Giallo Ambra ไม่ใช่เพียงแค่สีเหลืองธรรมดา แต่คือเฉดสีที่มีเรื่องราว เต็มไปด้วยมิติและเสน่ห์ลึกลับ ชวนให้นึกถึงความหรูหราแบบคลาสสิกที่ถูกนำมาตีความใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย เป็นการแสดงออกถึงรสนิยมที่แตกต่างและโดดเด่นไม่เหมือนใคร
นอกจากสีภายนอกแล้ว การปรับแต่งภายในยังมีการแนะนำ Alcantara Trim สี Giallo Siena ใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับสี Giallo Ambra ภายนอกโดยเฉพาะ การจับคู่สีและการเลือกใช้วัสดุระดับพรีเมียมนี้ช่วยให้ภายในห้องโดยสารดูหรูหราและมีเอกลักษณ์ ผสานความสปอร์ตเข้ากับความประณีตได้อย่างลงตัว ตัวเลือกเหล่านี้เน้นย้ำถึงปรัชญาของเฟอร์รารี่ในการมอบประสบการณ์การครอบครองที่เหนือกว่า เพื่อให้ 849 เทสทารอสซา ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่คือผลงานศิลปะส่วนบุคคลที่สะท้อนตัวตนของเจ้าของได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
ขุมพลังแห่งอนาคต: เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ พร้อมระบบไฮบริดสุดล้ำ
หัวใจสำคัญที่ทำให้ เฟอร์รารี่ 849 เทสทารอสซา PHEV V8 ทวินเทอร์โบ เป็นที่สุดแห่ง ยานยนต์สมรรถนะสูง ในปี 2025 คือขุมพลังที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด เครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ ซึ่งเป็นตระกูลเครื่องยนต์ที่เคยคว้ารางวัล International Engine of the Year มาแล้วหลายสมัย ได้รับการปรับปรุงเพื่อรีด สมรรถนะเหนือระดับ ไปจนถึงขีดสุด ด้วยกำลังสูงสุดถึง 830 แรงม้า พร้อมอัตรากำลังเฉพาะ 208 แรงม้า/ลิตร ซึ่งเพิ่มขึ้น 50 แรงม้าจากรุ่นก่อนหน้า ความสำเร็จนี้มาจากการปรับปรุงชิ้นส่วนทั้งหมดอย่างพิถีพิถัน ทำให้เครื่องยนต์ V8 Biturbo มีความแรงและประสิทธิภาพที่ไม่เป็นรองใคร
แต่สิ่งที่ทำให้ 849 เทสทารอสซา แตกต่างอย่างแท้จริงคือการผสานกับระบบไฮบริดสุดล้ำที่ต่อยอดจากประสบการณ์อันยาวนานในสนามแข่งของเฟอร์รารี่ การวางตำแหน่งเครื่องยนต์กลางด้านหลังแบบ V8 ได้แรงบันดาลใจจากรถแข่ง Sports Prototype ยุค 1970s ซึ่งไม่เพียงแต่ให้จุดศูนย์ถ่วงที่เหมาะสม แต่ยังช่วยสร้าง แรงกด (Downforce) ได้สูงถึง 415 กิโลกรัมที่ความเร็ว 250 กม./ชม. ซึ่งเพิ่มขึ้น 25 กิโลกรัมจาก SF90 Stradale นอกจากนี้ ระบบยังได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนให้กับระบบส่งกำลังและระบบเบรกมากถึง 15% ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ การขับขี่สมรรถนะสูง อย่างต่อเนื่อง
เทคโนโลยี ปลั๊กอินไฮบริด ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดขับขี่ไฟฟ้า 4 โหมดผ่าน eManettino ได้แก่ eDrive, Hybrid, Performance และ Qualify เพื่อดึง สมรรถนะ Ferrari สูงสุดในทุกสภาวะ ในโหมด eDrive รถสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้สูงสุด 25 กิโลเมตร โดยใช้ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ขนาด 7.45 kWh ที่ติดตั้งอยู่ในโครงสร้างตัวถังอย่างชาญฉลาด เพื่อให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำและสมดุลน้ำหนักที่เหมาะสมที่สุด สิ่งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเฟอร์รารี่ในการสร้าง ซูเปอร์คาร์ไฮบริด ที่ไม่เพียงแต่ทรงพลัง แต่ยังคำนึงถึงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและประสบการณ์การขับขี่ที่หลากหลาย ตั้งแต่การขับขี่ในเมืองด้วยไฟฟ้าล้วน ไปจนถึงการปลดปล่อยพลังงานสูงสุดในสนามแข่ง
การออกแบบภายนอก: ศิลปะแห่งแอโรไดนามิก
ภายใต้การนำของ Flavio Manzoni หัวหน้าทีม Ferrari Styling Centre การออกแบบภายนอกของ เฟอร์รารี่ 849 เทสทารอสซา (เบอร์ลินเนตต้า) ได้ปฏิวัติรูปแบบจาก SF90 Stradale อย่างสิ้นเชิง และขับเน้นถึง เทคโนโลยีรถยนต์ 2025 และ สมรรถนะ Ferrari อย่างชัดเจน ภาษาการออกแบบ (Stylistic Language) ถูกถ่ายทอดในทิศทางเชิงสถาปัตยกรรมและอนาคต ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างเส้นสายเชิงประติมากรรมและองค์ประกอบเชิงเส้น โดยได้รับแรงบันดาลใจจากศาสตร์การบินและ Sports Prototypes แห่งยุค 1970s
เส้นสายด้านข้าง (Flank) ของตัวรถโดดเด่นด้วยประตูที่ผ่านการขึ้นรูปแบบสามมิติ โดยเริ่มจากเส้นสันหลัก (Main Crease Line) ที่คมชัด พื้นผิวด้านบนของประตูที่ถูกแกะสลักลึกเผยให้เห็นมิติที่ซับซ้อน ทีมออกแบบได้พลิกนิยามความสัมพันธ์ระหว่างตัวถัง (Body) และห้องโดยสาร (Cabin) แผงประตูถูกขึ้นรูปจากอะลูมิเนียมอัลลอยชิ้นเดียวด้วยกระบวนการผลิตขั้นสูงของม้าลำพอง ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับรถที่ออกจากสายการผลิตมาตรฐานใดมาก่อน ความพิเศษของการ ออกแบบรถยนต์ ประตูอยู่ที่การทำหน้าที่เป็น Aerodynamic Duct ซึ่งมอบทั้งเอกลักษณ์เชิงสถาปัตยกรรมและความพลิ้วไหว เส้นแนวตั้งสีดำตัดกัน (Contrasting Black Vertical Side Intake) เป็นช่องส่งอากาศเข้าสู่ Intercooler พร้อมเสริมช่องดักอากาศเพิ่มเติม (Additional Intake) ยิ่งตอกย้ำเอกลักษณ์ทางการออกแบบและแนะนำแนวคิด Three-Dimensional Livery เส้นสายที่ต่อเนื่องไปทางด้านหลัง นำสายตาไปสู่ชุดสปอยเลอร์ท้ายแบบคู่ (Double Tail Design) ที่ได้แรงบันดาลใจจาก Ferrari 512 S ซึ่งปรับสัดส่วนห้องโดยสารให้สปอร์ตและกระชับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ดีไซน์ด้านหน้า (Front) สะท้อนเอกลักษณ์ของ Ferrari ในยุค 1980s ด้วยเส้นสายและมิติของตัวรถ เส้น Fascia สีดำแนวนอนรูปสะพาน (Bridge-Like Horizontal Fascia) เชื่อมต่อไฟหน้าเข้าด้วยกัน สะท้อนธีมการออกแบบที่เคยปรากฏบน Ferrari 12Cilindri และ F80 องค์ประกอบนี้สร้างอัตราส่วนใหม่ระหว่างปริมาตรและช่องว่างบนผิวตัวถัง ทำให้เกิดเอฟเฟกต์ สปอยเลอร์กว้างเต็มด้าน (Full-Width Spoiler Effect) Flicks สีเดียวกับตัวถังและ Splitter สีดำ เติมเต็มพื้นที่ด้านล่างของกันชน ช่วยเสริมลักษณะทางเทคนิคและ แอโรไดนามิก ของรถได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อมองจากด้านบน (Plan View) จะเห็นรูปทรงองค์ประกอบที่สะอาดตา (Extremely Clean Compositional Form) ของตัวรถอย่างชัดเจน Flicks ที่ยื่นออกมาจากกันชนหน้า พร้อมกับสปอยเลอร์สองส่วนชิ้นด้านท้าย (Two Rear Tail Sections) ช่วยกำหนดเส้นรอบตัวรถอย่างกลมกลืน Rear Screen ถูกผสานสายตาเข้ากับสปอยเลอร์ส่วนท้ายอีกครั้ง เน้นย้ำเอฟเฟกต์ของการออกแบบที่ไหลลื่น ล้อฟอร์จ (Forged Wheels) ได้รับการพัฒนาอย่างใกล้ชิดร่วมกับฝ่ายแอโรไดนามิกส์ ด้วยเส้นโปรไฟล์แอโรไดนามิกที่โดดเด่นและการตกแต่งแบบ Diamond-Cut ที่ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายอากาศจากช่องล้อ (Wheel Well) และควบคุมการไหลของกระแสอากาศด้านหลัง รูปทรงของล้อยังเปิดโอกาสให้ปรับแต่งได้ทั้งด้านสุนทรียภาพและฟังก์ชันการใช้งานอย่างกว้างขวาง
การออกแบบภายใน: ห้องโดยสารที่ผสานความสปอร์ตและความล้ำสมัย
ภายในของ เฟอร์รารี่ 849 เทสทารอสซา คือการผสมผสานอันชาญฉลาดระหว่างการจัดวางแบบ Berlinetta ที่เน้นความกว้างขวางของแดชบอร์ดแนวนอน เข้ากับความรู้สึกแบบค็อกพิท Single-Seater ที่โอบล้อมผู้ขับขี่ แดชบอร์ดด้านบนมีดีไซน์ลอยตัว (Floating Effect) พร้อมช่องแอร์รูปตัว C (C-Shaped Air Vents) ที่มีกรอบอะลูมิเนียมขัดเงาอย่างประณีต ระหว่างส่วนบนและส่วนล่างของแดชบอร์ด มีแถบแนวนอนตัดขัด (Contrasting Horizontal Band) ที่รวมฟังก์ชันควบคุมหลักและหน้าจอผู้โดยสารเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน
ส่วนล่างของแดชบอร์ดโดดเด่นด้วยลวดลายเรือใบเชิงสถาปัตยกรรม (Architectural Sail Motifs) ซึ่งรวมฟังก์ชันควบคุมต่างๆ โดยมี Gate ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก F80 ฝังอยู่ในตำแหน่งลอยตัวด้านฝั่งพวงมาลัย การจัดวาง Central Tunnel ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อจัดวางคำสั่งรอง (Secondary Commands) ให้เป็นระเบียบและใช้งานง่ายขึ้น ธีม Central Sail นี้ยังถูกต่อยอดไปยัง Door Cards โดยมีตำแหน่งสำหรับ Woofer พร้อมตะแกรงอะลูมิเนียม และยังเป็นที่จัดวาง Door Pull ที่ดูลงตัวกับ ห้องโดยสาร
การ ออกแบบภายใน มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของพื้นที่และปรับปรุงหลักสรีรศาสตร์ (Ergonomics) อย่างจริงจัง ความสะดวกในการเข้าถึงได้รับการปรับปรุงขึ้นด้วยการลดความกว้างของส่วนล่างของแผงประตูและพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้มีพื้นที่เพิ่มเติมสำหรับด้านหลังเบาะ (Rear Bench) และกล่องเก็บของฝั่งผู้โดยสาร (Passenger-Side Glove Box) ซึ่งเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานจริง
เบาะนั่งมีให้เลือกสองแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน:
Comfort: เบาะหุ้มที่ปรับแต่งเชิงประติมากรรม ด้วยดีไซน์ที่สอดคล้องกับรูปทรงของค็อกพิท เน้นความหรูหราและความสบายในการขับขี่ทางไกล
Carbon-Fibre Racing Seat: เบาะคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา พร้อม Side Bolsters แบบสปอร์ตเพื่อประคองลำตัวด้านข้างที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการขับขี่ในสนามแข่งหรือด้วยความเร็วสูง เบาะทั้งสองรุ่นเกิดจากการศึกษาเชิงผสมระหว่างหลักสรีรศาสตร์และการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้ได้ทั้งสมรรถนะและความสะดวกสบายสูงสุด
ระบบอินเตอร์เฟซผู้ขับขี่ (HMI – Human-Machine Interface) บนพวงมาลัยของ 849 เทสทารอสซา ผสมผสานฟังก์ชันทั้งดิจิทัลและอนาล็อกเข้าไว้ด้วยกัน ปุ่มควบคุมแบบกดที่ปรากฏใน F80 ถูกนำมาใช้ต่อ รวมถึงปุ่ม Engine Start อันเป็นเอกลักษณ์ ขณะที่ Digital Cluster ช่วยให้ผู้ขับสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ไฟฟ้า (Electric Driving Modes) ได้อย่างรวดเร็วผ่าน eManettino อินเตอร์เฟซผู้ใช้ถูกออกแบบให้รวมฟังก์ชันรอบตัวผู้ขับขี่ ทำให้ผู้ขับรู้สึกถูกโอบล้อมด้วยสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการขับขี่ (Enveloping Effect) ที่ครอบคลุมไปถึงแผงประตู (Door Panel) และ Central Tunnel สำหรับในส่วนพื้นที่ฝั่งผู้โดยสารก็จะได้รับความรู้สึกโอบล้อมแบบเดียวกัน แต่ในระดับที่น้อยกว่าและไม่ชัดเท่าฝั่งผู้ขับ
ในด้านการเชื่อมต่อ 849 เทสทารอสซา รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto® พร้อมระบบชาร์จไร้สายสำหรับสมาร์ทโฟนที่ฝังอยู่ใน Central Tunnel นอกจากนี้ รถยนต์ยังติดตั้ง MyFerrari Connect System ซึ่งช่วยให้เจ้าของสามารถตรวจสอบสภาพรถจากระยะไกลผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้การดูแลรักษาและการเชื่อมต่อกับรถเป็นไปได้อย่างสะดวกสบายและล้ำสมัย เหมาะสมกับ รถยนต์เทคโนโลยี 2025 อย่างแท้จริง
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย: ความอัจฉริยะที่มาพร้อมความเร็ว
เฟอร์รารี่ 849 เทสทารอสซา (เบอร์ลินเนตต้า) ไม่เพียงแต่โดดเด่นในด้านสมรรถนะ แต่ยังเป็นผู้นำด้าน เทคโนโลยีรถยนต์ และ ระบบความปลอดภัยรถยนต์ ในปี 2025 ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำหน้า ระบบที่โดดเด่นที่สุดคือ FIVE (Ferrari Integrated Vehicle Estimator) ซึ่งเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญของการควบคุมสมรรถนะตัวรถ
ระบบ FIVE (Ferrari Integrated Vehicle Estimator):
FIVE เป็นระบบประมาณค่าที่สามารถสร้าง Digital Twin เพื่อจำลองพฤติกรรมของรถแบบเรียลไทม์ โดยอ้างอิงจากแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ถูกทำให้ง่ายขึ้นและขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจริงจากเซนเซอร์ต่างๆ (ค่าอัตราเร่ง, เซนเซอร์ 6D) FIVE สามารถประเมินคุณลักษณะด้านสมรรถนะที่ไม่สามารถวัดได้โดยตรงได้อย่างแม่นยำ เช่น ความเร็ว (คลาดเคลื่อนไม่เกิน 1 กม./ชม.) และมุมการหมุนรอบแกนตั้งหรือ Yaw Angle (คลาดเคลื่อนไม่เกิน 1°) ของรถ ค่าประมาณเหล่านี้จะถูกส่งต่อไปยัง ระบบควบคุมสมรรถนะทั้งหมดของตัวรถ ทำให้การตอบสนองมีความแม่นยำและเสถียรยิ่งขึ้น ส่งผลให้การควบคุมการยึดเกาะ ระบบเฟืองท้ายไฟฟ้า (Electronic Differential Management) และการส่งกำลังของระบบ e4WD มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ตัวอย่างเช่น ABS Evo ใช้ค่าประมาณจาก FIVE เพื่อตรวจหาอัตราการลื่นไถลที่เหมาะสมของล้อทั้งสี่และปรับสมดุลการกระจายแรงเบรก ระบบนี้ทำงานในทุกตำแหน่งของ Manettino และในทุกสภาพการยึดเกาะ การประเมินความเร็วที่แม่นยำขึ้นทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากแรงตามแนวยาวของยางได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในสถานการณ์การเบรกตรงๆ และการเบรกร่วมกับการเข้าโค้ง (Brake Then Turn-In) ช่วยลดความสูญเสียที่เกิดจากความคลาดเคลื่อนของชิ้นส่วนหรือความแปรผันจากสภาพแวดล้อม ผลลัพธ์ที่ได้คือ การเบรกที่ลึกขึ้น หนักขึ้น และสามารถทำซ้ำได้แม่นยำยิ่งกว่า SF90 Stradale พร้อมประสิทธิภาพของการควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ที่สูงกว่ารถในตระกูล Ferrari รุ่นใดๆ
ระบบเบรกประสิทธิภาพสูง:
ระบบเบรกได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเพื่อตอบสนองต่อสมรรถนะที่สูงขึ้น มาพร้อมจานเบรกและผ้าเบรกขนาดใหญ่ขึ้นรอบคัน โดยที่จานเบรกคู่หน้ามีช่องระบายอากาศ (Ventilation Channels) ที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ขณะที่คาลิเปอร์หลัง (Rear Callipers) รุ่นใหม่ได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดการความร้อนและความแข็งแรงเชิงโครงสร้าง การทำงานร่วมกันของชิ้นส่วนเหล่านี้ช่วยรับประกันทั้งประสิทธิภาพด้านความร้อน ความแข็งแรง และ สมรรถนะเหนือระดับ ที่คงที่แม้ภายใต้การใช้งานอย่างต่อเนื่อง
ช่วงล่างปรับแต่งพิเศษ:
Ferrari 849 Testarossa มาพร้อม ช่วงล่างปรับแต่งพิเศษ (Dedicated Suspension Setup) และมุมคิเนเมติก (Kinematic Angles) ที่ถูกปรับแต่งเพื่อการควบคุมที่แม่นยำเมื่อถึงขีดสุดของการขับขี่ สมรรถนะด้านอัตราเร่งในแนวขวางเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับ SF90 Stradale จากการใช้ยางรุ่นใหม่และการปรับเซ็ตอัพเฉพาะ อีกทั้งยังช่วยลดน้ำหนักของคอยล์สปริง (Road Springs) ลงได้ถึง 35% ค่าการโคลงตัว (Roll Gradient) ลดลง 10% ส่งผลให้การควบคุมการเคลื่อนไหวของตัวถังดีขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพด้าน แอโรไดนามิก และ Dynamic Camber การทำงานของโช้กอัพ (Shock Absorber Damping) ได้รับการปรับแต่งทั้งจากการจำลองเสมือนและการทดสอบจริง เพื่อสะท้อนพฤติกรรมของรถทั้งในการขับบนถนนและในสนามแข่ง มอบ ประสบการณ์ขับขี่ ที่เหนือชั้นทั้งในชีวิตประจำวันและการขับขี่แบบสปอร์ตเต็มรูปแบบ
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (ADAS):
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ของ 849 เทสทารอสซา ได้รับการบูรณาการอย่างชาญฉลาด เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย โดยจะเข้ามาทำงานเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน และด้วยวิธีที่รบกวนการขับขี่น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เฉพาะเมื่อผู้ขับต้องการจริงๆ ระบบทั้งหมดสามารถปรับแต่งได้เต็มรูปแบบผ่านเมนูบน Instrument Cluster ฟีเจอร์หลักประกอบด้วย:
Adaptive Cruise Control พร้อม Stop & Go: ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่สามารถรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าได้อย่างปลอดภัย และสามารถหยุดและออกตัวใหม่เองในสภาวะการจราจรหนาแน่น
Automatic Emergency Braking: ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ช่วยชะลอหรือหยุดรถเมื่อมีความเสี่ยงการชน โดยสามารถตรวจจับนักปั่นจักรยานได้ด้วย เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ถนนร่วม
Blind Spot Detection: ระบบตรวจจับวัตถุในมุมอับสายตา แจ้งเตือนผู้ขับเมื่อมีรถอยู่ด้านข้างเพื่อป้องกันการเปลี่ยนเลนที่ไม่ปลอดภัย
Lane Departure Warning: ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว เพื่อช่วยให้ผู้ขับรักษาตำแหน่งรถให้อยู่ในเลน
Lane Keeping Assist: ระบบช่วยประคองรถให้อยู่ในเลน โดยจะส่งแรงเล็กน้อยที่พวงมาลัยเพื่อช่วยควบคุมทิศทางอย่างนุ่มนวล
Automatic High Beam: ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ เพื่อมอบทัศนวิสัยที่ดีที่สุดในเวลากลางคืนโดยไม่รบกวนรถคันอื่น
Traffic Sign Recognition: ระบบจดจำป้ายจราจร เช่น จำกัดความเร็ว หรือป้ายห้ามแซง และแสดงผลบนหน้าปัดเพื่อให้ผู้ขับรับทราบ
Surround View: ระบบกล้องมุมมองรอบคัน 360 องศา เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่และการจอดในพื้นที่แคบ
Rear Cross Traffic Alert: ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งตัดผ่านด้านหลังในขณะถอยรถ ลดความเสี่ยงจากการชนในมุมอับสายตา
Driver Fatigue Monitoring: ระบบตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับโดยวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ หากตรวจพบสัญญาณความอ่อนล้า ระบบจะแจ้งเตือนให้ผู้ขับพักผ่อน
ระบบช่วยเหลือการขับขี่เหล่านี้เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า เฟอร์รารี่ 849 เทสทารอสซา ไม่ได้เป็นเพียงแค่ ซูเปอร์คาร์ ที่มุ่งเน้นความเร็วเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความสะดวกสบายของผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนนร่วมกันอย่างเท่าเทียม ทำให้มันเป็น ยานยนต์แห่งอนาคต ที่สมบูรณ์แบบสำหรับปี 2025
บทสรุป: นิยามใหม่แห่งซูเปอร์คาร์ยุคไฮบริด
เฟอร์รารี่ 849 เทสทารารอสซา (เบอร์ลินเนตต้า) PHEV เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ คือบทพิสูจน์อันชัดเจนถึงความสามารถของเฟอร์รารี่ในการผสานมรดกอันยิ่งใหญ่เข้ากับนวัตกรรมล้ำสมัยได้อย่างลงตัว มันคือ ซูเปอร์คาร์ไฮบริด ที่ไม่เพียงแต่ทรงพลัง ดุดัน และเร้าอารมณ์ในแบบฉบับของ เฟอร์รารี่ เบอร์ลินเนตต้า ดั้งเดิม แต่ยังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้าอย่างชาญฉลาด ด้วย เทคโนโลยีรถยนต์ 2025 ที่ครบครัน ตั้งแต่ขุมพลัง PHEV ที่ทรงประสิทธิภาพ การออกแบบภายนอกที่ปฏิวัติวงการ ห้องโดยสารที่ผสานความสปอร์ตกับความสะดวกสบาย ไปจนถึงระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง ทุกองค์ประกอบของ 849 เทสทารอสซา ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยความใส่ใจในรายละเอียดสูงสุด เพื่อมอบ ประสบการณ์ขับขี่ ที่หาที่เปรียบไม่ได้ และตอกย้ำตำแหน่งของ เฟอร์รารี่ ในฐานะผู้นำแห่ง นวัตกรรมยานยนต์ ระดับโลก
สำหรับผู้ที่หลงใหลในความเร็ว ความหรูหรา และเทคโนโลยีแห่งอนาคต เฟอร์รารี่ 849 เทสทารอสซา คือสิ่งที่มากกว่าแค่รถยนต์ มันคือสัญลักษณ์แห่งความก้าวหน้า ความหลงใหล และความสมบูรณ์แบบ ที่พร้อมจะพาคุณก้าวข้ามขีดจำกัดแห่งการขับขี่ สัมผัสถึงจิตวิญญาณแห่งม้าลำพองที่ถูกหล่อหลอมขึ้นมาใหม่เพื่ออนาคตอันสดใส
อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของตำนานบทใหม่นี้ หากคุณพร้อมที่จะครอบครองสุดยอด ซูเปอร์คาร์ แห่งยุคไฮบริดและสัมผัส ประสบการณ์ขับขี่ อันเหนือชั้นด้วยตัวคุณเอง โปรดติดต่อผู้แทนจำหน่ายเฟอร์รารี่อย่างเป็นทางการ เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางอันน่าตื่นเต้นนี้
