เผยโฉมอนาคตยานยนต์: Mitsubishi Xpander HEV, Xpander Cross HEV และ Triton Street 2026 ยกระดับประสบการณ์ขับขี่สู่ปี 2025
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการของรถยนต์จากรุ่นสู่รุ่น และต้องยอมรับว่าตลาดในปี 2025-2026 นี้ มีความน่าตื่นเต้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเปิดตัวรถยนต์จากค่ายมิตซูบิชิที่พร้อมจะเข้ามาเปลี่ยนนิยามของการเดินทางให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ทั้งในด้านสมรรถนะ, ความประหยัด, เทคโนโลยี และความปลอดภัย กับการมาถึงของ Mitsubishi Xpander HEV 2026, Xpander Cross HEV 2026 และ Mitsubishi Triton Street 2026 ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การอัปเดตรุ่นปี แต่เป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของตลาดในยุคปัจจุบันและอนาคตอย่างแท้จริง
จากประสบการณ์ที่ได้สัมผัสและวิเคราะห์เทรนด์ยานยนต์ ผมกล้ายืนยันว่าการนำเสนอรถยนต์ไฮบริดในกลุ่ม MPV และ Crossover รวมถึงรถกระบะสำหรับใช้งานในเมือง ที่มาพร้อมฟีเจอร์เด่นๆ ในราคาที่เข้าถึงได้นี้ คือกลยุทธ์ที่เฉียบคมของมิตซูบิชิในการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด และมอบทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคชาวไทยที่กำลังมองหายนตรกรรมที่ตอบโจทย์ทุกมิติของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในชีวิตประจำวัน, การผจญภัยกับครอบครัว หรือการขนส่งเชิงพาณิชย์
Mitsubishi Xpander HEV และ Xpander Cross HEV 2026: ปฏิวัติการเดินทางของครอบครัวด้วยเทคโนโลยีไฮบริด
ยุคสมัยที่การประหยัดน้ำมันและความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหัวใจสำคัญ กำลังถูกขับเคลื่อนอย่างเต็มรูปแบบด้วยเทคโนโลยีรถยนต์ไฮบริด และนี่คือสิ่งที่ Mitsubishi Xpander HEV และ Xpander Cross HEV 2026 นำเสนอได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการผสมผสานขุมพลังของเครื่องยนต์สันดาปเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า มิตซูบิชิได้สร้างสรรค์รถยนต์ MPV และ Crossover ที่ไม่เพียงแต่ทรงพลัง แต่ยังมอบอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่เหนือกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน นี่คือคำตอบสำหรับ “รถยนต์ประหยัดน้ำมัน” ที่แท้จริงสำหรับครอบครัวยุคใหม่
ขุมพลังไฮบริดแห่งอนาคต: สมรรถนะที่เหนือกว่าและความประหยัดที่สัมผัสได้
หัวใจสำคัญของ Xpander HEV และ Xpander Cross HEV 2026 คือระบบขับเคลื่อนไฮบริดขั้นสูง ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างพิถีพิถันเพื่อมอบการตอบสนองที่ฉับไวและการขับขี่ที่นุ่มนวล ระบบนี้ไม่เพียงช่วยลดการปล่อยมลพิษ แต่ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงในระยะยาวอีกด้วย การขับขี่ในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรหนาแน่น เครื่องยนต์ไฮบริดจะสลับการทำงานระหว่างเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างชาญฉลาด เพื่อให้การบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้การเดินทางในแต่ละวันเป็นเรื่องที่คุ้มค่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นี่คือสิ่งที่ผู้ใช้รถยนต์ครอบครัวยุคใหม่ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นจุดแข็งที่ทำให้ Xpander HEV โดดเด่นเหนือใครในตลาด “รถยนต์ครอบครัว 7 ที่นั่ง”
ดีไซน์ใหม่ที่ผสานความดุดันและทันสมัย: Dynamic Shield เจเนอเรชันใหม่
มิตซูบิชิไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนางานออกแบบ และ Xpander HEV รวมถึง Xpander Cross HEV 2026 ก็สะท้อนปรัชญาการออกแบบ “Dynamic Shield” ได้อย่างสมบูรณ์แบบและน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าและกันชนดีไซน์ใหม่ที่โฉบเฉี่ยว ให้ความรู้สึกสปอร์ตและหรูหราไปพร้อมกัน กรอบตกแต่งไฟหน้ารมดำ และไฟตัดหมอก LED ที่ผสานลงตัวกับเส้นสายของตัวรถ สร้างมิติความเท่และความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือออกเดินทางไกล ภาพลักษณ์ที่ทรงพลังของ Xpander HEV จะสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น นอกจากนี้ ไฟท้าย LED สี Smoke และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ ยังช่วยเสริมความสมบูรณ์แบบให้กับรูปลักษณ์ภายนอกอย่างลงตัว แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด ที่จะทำให้เจ้าของภาคภูมิใจในทุกครั้งที่ขับขี่
ภายในห้องโดยสาร: ความสบาย, ความยืดหยุ่น และเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ชีวิตจริง
เมื่อก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ Xpander HEV และ Xpander Cross HEV 2026 คุณจะสัมผัสได้ถึงความกว้างขวางและความประณีตที่เหนือกว่า สำหรับ Xpander HEV มาพร้อมการตกแต่งภายในโทนสีดำที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและทันสมัย ในขณะที่ Xpander Cross HEV ใหม่ยกระดับความหรูหราด้วยโทนสีน้ำตาล-ดำ ที่ให้ความอบอุ่นและมีระดับ เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังมาพร้อมคุณสมบัติสะท้อนความร้อน (Heat Guard) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดความร้อนสะสมภายในห้องโดยสารได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้การเดินทางในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทยเป็นไปอย่างสบายตัวยิ่งขึ้น
“รถ MPV 7 ที่นั่ง” หรือ “Crossover 7 ที่นั่ง” ที่แท้จริงต้องมอบความยืดหยุ่นในการใช้งาน และ Xpander HEV ก็ทำได้ดีเยี่ยม ด้วยการปรับพับเบาะนั่งได้หลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการโดยสารพร้อมสัมภาระขนาดใหญ่ หรือการขนของในชีวิตประจำวัน ความสะดวกสบายยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น ด้วยเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ทำให้การเชื่อมต่อโลกดิจิทัลเข้ากับการเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและไร้ขีดจำกัด การเข้าถึงแผนที่, เพลงโปรด หรือการสื่อสารต่างๆ ทำได้ง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส นี่คือ “เทคโนโลยีรถยนต์” ที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเดินทางของทุกคนในครอบครัว
ความปลอดภัย 360 องศา: Diamond Sense ที่มอบความอุ่นใจในทุกเส้นทาง
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอย้ำว่า “เทคโนโลยีความปลอดภัยรถยนต์” คือสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และ Mitsubishi Xpander HEV รวมถึง Xpander Cross HEV 2026 ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยระบบ Diamond Sense ที่ครอบคลุม 360 องศา และถุงลมนิรภัยถึง 6 ตำแหน่ง มอบความมั่นใจและความอุ่นใจสูงสุดสำหรับทุกคนในรถ
ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert – RCTA): หมดกังวลกับการถอยรถออกจากซองจอดที่มองไม่เห็นด้านข้าง ระบบจะช่วยตรวจจับยานพาหนะที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาจากด้านหลัง พร้อมส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบ
ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Blind Spot Warning with Lane Change Assist – BSW with LCA): เพิ่มความปลอดภัยในการเปลี่ยนเลน โดยระบบจะแจ้งเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา พร้อมช่วยเตือนเมื่อรถกำลังจะเปลี่ยนเลนในขณะที่มีรถคันอื่นอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
ระบบเตือนการออกนอกเลน (Lane Departure Warning – LDW): ป้องกันการหลับในหรือการขับรถออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อรถกำลังเบี่ยงออกจากเลนโดยไม่ได้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว
กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor): (สำหรับ XPANDER CROS HEV 2026) ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพรอบคัน 360 องศา ทำให้การจอดรถหรือการขับขี่ในที่แคบเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ด้วย “ระบบช่วยเหลือการขับขี่” เหล่านี้ ผู้ขับขี่จึงมั่นใจได้ว่าทุกการเดินทางจะเต็มไปด้วยความปลอดภัยสูงสุด ไม่ว่าสถานการณ์บนท้องถนนจะเป็นอย่างไร
ราคาและการเลือกสี: Xpander HEV และ Xpander Cross HEV 2026
Mitsubishi Xpander HEV 2026 มาพร้อมราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 939,000 บาท มีให้เลือก 3 สี ได้แก่
สีเงิน (Blade Silver)
สีเทา (Graphite Grey)
สีขาวหลังคาดำ (White Diamond with Black Roof) (เพิ่ม 15,000 บาท)
สำหรับรุ่นที่เน้นความพรีเมียมและผจญภัยยิ่งขึ้น Mitsubishi Xpander Cross HEV 2026 ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 969,000 บาท และมีสีสันให้เลือกถึง 4 สี เพื่อตอบสนองสไตล์ที่หลากหลาย
สีเทา (Graphite Grey)
สีดำ (Jet Black Mica)
สีขาวหลังคาดำ (White Diamond with Black Roof)
สีเขียวหลังคาดำ (Green Bronze with Black Roof) (โดยรุ่นหลังคาดำ ราคาเพิ่ม 15,000 บาท)
จะเห็นได้ว่ามิตซูบิชิยังคงนำเสนอ “รถยนต์ราคาดี” ที่มาพร้อมคุณสมบัติระดับพรีเมียม ทำให้ Xpander HEV ทั้งสองรุ่น เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าอย่างยิ่งในตลาดปัจจุบัน
Mitsubishi Triton Street 2026: กระบะสายพันธุ์แกร่ง สไตล์สตรีท เพื่อการใช้งานที่คล่องตัว
นอกจากการปฏิวัติในกลุ่ม MPV แล้ว มิตซูบิชิยังคงให้ความสำคัญกับตลาดรถกระบะ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทย ด้วยการเปิดตัว Mitsubishi Triton Street 2026 ในรุ่นเมกะแค็บ ตัวเตี้ย ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการรายย่อย, ผู้ที่ต้องการ “รถกระบะทำงาน” ที่คล่องตัวในเมือง, หรือแม้แต่ผู้ที่มองหากระบะคู่ใจสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการพักผ่อน ด้วยการผสานความแกร่งตามแบบฉบับไทรทันเข้ากับดีไซน์สปอร์ตและฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัย
ดีไซน์สปอร์ตดุดัน ตอบรับชีวิตเมือง
Triton Street 2026 มาพร้อมการตกแต่งกระจังหน้าดีไซน์สปอร์ต ที่ให้ความรู้สึกดุดันและทันสมัย พร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ดูโดดเด่นบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือบนเส้นทางที่ต้องบรรทุกหนัก “กระบะเมกะแค็บ” คันนี้ก็พร้อมที่จะสะท้อนความมีสไตล์ของผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจน ด้วยรูปลักษณ์ที่ฉีกกรอบกระบะทำงานแบบเดิมๆ มิตซูบิชิได้สร้างสรรค์รถกระบะที่ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือในการทำงาน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงออกถึงตัวตนของผู้เป็นเจ้าของ
แชสซีส์ MEGA FRAME: ความแข็งแกร่งที่เหนือชั้นและน้ำหนักที่เบาลง
หัวใจของความแกร่งและทนทานของ Mitsubishi Triton Street 2026 คือแชสซีส์ MEGA FRAME ขนาดใหญ่ ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ แต่ยังคงมีน้ำหนักเบา นี่คือ “นวัตกรรมยานยนต์” ที่สำคัญที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการรับน้ำหนักบรรทุก พร้อมทั้งมอบเสถียรภาพในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งสินค้าหนัก หรือการเดินทางในระยะทางไกล แชสซีส์ที่แข็งแกร่งนี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจในทุกสภาพถนน และลดความเหนื่อยล้าจากการขับขี่ได้เป็นอย่างดี เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับ “กระบะประหยัดน้ำมัน” ที่พร้อมลุยทุกงาน
เครื่องยนต์ดีเซลประหยัดน้ำมัน: แรงเต็มกำลัง ตอบสนองทันใจ
ภายใต้ฝากระโปรงของ Triton Street 2026 คือขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลที่ได้รับการพิสูจน์แล้วถึงประสิทธิภาพและความทนทาน มอบกำลังสูงสุด 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร ซึ่งให้การตอบสนองที่ทันใจและเพียงพอต่อการใช้งานทั้งในเมืองและทางไกล “เครื่องยนต์ดีเซล 150 แรงม้า” นี้ ไม่เพียงแต่ให้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม แต่ยังเป็น “กระบะประหยัดน้ำมัน” ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยอัตราการบริโภคน้ำมันที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้การใช้งานเชิงพาณิชย์เป็นไปอย่างคุ้มค่า และการเดินทางส่วนตัวก็ไร้กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
ภายในห้องโดยสาร: ความสะดวกสบายที่มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย
ภายในห้องโดยสารของ Mitsubishi Triton Street 2026 ตกแต่งด้วยโทนสีดำที่ให้ความรู้สึกเท่และทันสมัย พร้อมหน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 10 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อและใช้งานระบบนำทางหรือความบันเทิงต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
และที่สำคัญ มิตซูบิชิไม่เคยประนีประนอมเรื่องความปลอดภัย ด้วยการยกระดับความปลอดภัยเหนือชั้นด้วย “ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว และระบบตรวจจับคนเดินถนน (Forward Collision Mitigation System with Pedestrian Detection – FCM)” ซึ่งมอบความมั่นใจในทุกสภาพถนนและการใช้งานจริง ทั้งในวันทำงานที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด และวันพักผ่อนที่ต้องการความสบายใจ ระบบ FCM นี้เป็น “ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่” ที่สำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด โดยจะช่วยเตือนและลดความเร็วของรถโดยอัตโนมัติหากตรวจพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชนกับรถคันหน้าหรือคนเดินถนน
ราคาและการเลือกสี: Triton Street 2026
Mitsubishi Triton Street 2026 (เมกะ แค็บ ตัวเตี้ย) มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 649,000 บาท และมีให้เลือก 3 สี
สีขาว (Solid White)
สีเงิน (Blade Silver)
สีเทา (Graphite Grey) (สีเงิน และสีเทา ราคาเพิ่ม 7,000 บาท)
ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และคุณสมบัติที่ครบครัน ทำให้ Triton Street เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในตลาด “รถกระบะตอนเดียว” หรือ “กระบะเพื่อการพาณิชย์” สำหรับปี 2025
สรุปและบทเชิญชวน: ก้าวไปข้างหน้ากับมิตซูบิชิ
จากประสบการณ์ตลอดหลายปีในอุตสาหกรรมยานยนต์ ผมสามารถพูดได้เต็มปากว่า Mitsubishi ในปี 2025-2026 นี้ ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ทั้ง Xpander HEV/Xpander Cross HEV 2026 ที่นำเสนอ “รถยนต์ไฮบริด” สำหรับครอบครัวที่ทันสมัย ประหยัด และปลอดภัย และ Triton Street 2026 ที่สร้างนิยามใหม่ให้กับ “รถกระบะทำงาน” ด้วยดีไซน์สปอร์ตและเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง
ไม่ว่าคุณกำลังมองหา “รถยนต์ครอบครัว” อเนกประสงค์ที่พร้อมพาคุณและคนที่คุณรักไปทุกที่อย่างปลอดภัยและประหยัด หรือ “รถกระบะ” แกร่งที่คล่องตัวสำหรับการทำงานในเมืองและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ยนตรกรรมทั้งสองโมเดลใหม่จากมิตซูบิชิคือคำตอบที่ไม่อาจมองข้ามได้ นี่คือโอกาสที่คุณจะได้สัมผัสกับอนาคตของการเดินทางที่ผสานเทคโนโลยี, ประสิทธิภาพ และความคุ้มค่าเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
หากคุณพร้อมที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าและก้าวเข้าสู่อนาคตแห่งยานยนต์อย่างแท้จริง ผมขอเชิญชวนให้คุณมาสัมผัสยนตรกรรมทั้ง 2 โมเดลใหม่ และรุ่นอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษ ได้ที่บูธมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย (A17) ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ Thailand International Motor Expo 2025 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี อย่าพลาดโอกาสที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณและครอบครัว.

