ภายใน Lamborghini Temerario 2024-2025
Temerario ตำแหน่งเบาะนั่งต่ำ แดชบอร์ดดีไซน์เพรียวบางน้ำหนักเบา และองศาการเอียงพวงมาลัยที่สมบูรณ์แบบ ทำให้ผู้ขับเข้าถึงสไตล์การขับขี่ที่สนุกสนานในแบบฉบับลัมโบร์กินี การผสานระหว่างหน้าจอดิจิทัลเข้ากับปุ่มกลไกแบบกด เช่น ปุ่มสตาร์ทที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ หรือพวงมาลัยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง ก่อให้เกิดประสบการณ์สุดพิเศษในแบบ ‘สไตล์นักบิน’
เบาะนั่งนำเสนอออปชันให้เลือกหลายสีพร้อม 4 รูปแบบการเย็บ โดยในปัจจุบันยังไม่มีเบาะนั่งของรถยนต์ลัมโบร์กีนีรุ่นใดที่นำเสนอตัวเลือกได้หลากหลายเท่ากับเบาะนั่งคอมฟอร์ตที่พัฒนาขึ้นใหม่ในรุ่น Temerario ซึ่งสามารถปรับได้ถึง 18 ทิศทาง พร้อมระบบทำความร้อนและระบายอากาศที่ดีเยี่ยม
ห้องโดยสารภายในยังสะท้อนถึงการออกแบบภายนอกที่เหนือชั้นและมอบสมดุลระหว่างประสบการณ์ดิจิทัลและประสาทสัมผัสที่ลงตัว โดยลัมโบร์กีนีเลือกใช้วัสดุคุณภาพดีที่สุดทั้งคาร์บอน หนัง และไมโครไฟเบอร์แบบ Corsatex ในทุกองค์ประกอบการตกแต่งภายในและผสานเข้าด้วยกันเพื่อสร้างประสบการณ์ห้องโดยสาร ลูกค้ายังสามารถเลือกองค์ประกอบการตกแต่งภายในด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เป็นออปชันเสริม ทั้งชิ้นส่วนคอนโซลกลาง ช่องระบายอากาศ แผงประตู ชิ้นส่วนแผงหน้าปัด พวงมาลัย และคอพวงมาลัย

นอกจากวัสดุน้ำหนักเบาที่มอบความหรูหรา ลูกค้ายังสามารถเลือกองค์ประกอบคลาสสิกของแบรนด์ ทั้ง “ปุ่มเพาเวอร์” Start/Stop ที่นำแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบิน รวมถึงคันเกียร์ไฟฟ้าและไฟแสดงสถานะ “ไลน์อัพ” สีแดงบนพวงมาลัย เพื่อขับเน้นถึงความเป็นสปอร์ตคาร์สุดขั้วของ Lamborghini Temerario
การออกแบบแดชบอร์ดรุ่นใหม่ จึงทำให้ทั้งนักบินและผู้ช่วยนักบินสัมผัสถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับรถยนต์ได้อย่างรวดเร็ว สมดังปรัชญา “Feel like a pilot” โดยนักบินสามารถเข้าถึงส่วนควบคุมทั้งหมดจากตำแหน่งที่นั่งได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ช่องระบายอากาศหกเหลี่ยมอันเปี่ยมเอกลักษณ์ถูกนำมาผสานรวมเข้ากับห้องนักบินอย่างหรูหรา พร้อมคอนโซลกลางซึ่งมีช่องวางสมาร์ตโฟนและกระเป๋าสตางค์ที่สะดวกสบาย
พวงมาลัยที่พัฒนาขึ้นใหม่พร้อมออปชันอุปกรณ์เสริมวัสดุคาร์บอน ได้รับแรงบันดาลใจจากสนามแข่งรถ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมฟังก์ชันการขับขี่ที่จำเป็นได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้านซ้ายของพวงมาลัยติดตั้งปุ่มสวิตช์แบบหมุนสีแดงเพื่อใช้เลือกโหมดการขับขี่ ด้านล่างติดตั้งปุ่มควบคุมฟังก์ชันการยก ปุ่ม “Race start” และระหว่างปุ่มเหล่านั้นยังมีสวิตช์สำหรับอินดิเคเตอร์ต่าง ๆ โดยผู้ขับขี่สามารถสั่งงาน Launch Control ได้ด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียวเพื่อเข้าถึงการควบคุมระดับสูงสุด (เป็นต้น)

เทคโนโลยี Lamborghini Temerario 2024-2025
ลัมโบร์กีนีสามารถบรรลุจุดสูงสุดแห่งประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ใน Temerario ผ่านการออกแบบที่ประสบความสำเร็จในหลัก 3 ด้าน ได้แก่ เสถียรภาพที่ระดับความเร็วสูง การระบายความร้อนที่ดีขึ้น และประสิทธิภาพการเบรกขั้นสูงสุด
ทีมนักออกแบบและวิศวกรของลัมโบร์กีนีมุ่งมั่นพัฒนาระบบส่งกำลังไฮบริดรุ่นใหม่และการสร้างแรงตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่มากขึ้นโดยเฉพาะที่ด้านหลังตัวรถ ซึ่งเมื่อพัฒนาตัวถังและส่วนล่างของ Temerario แล้ว ผลลัพธ์ที่ได้คือแรงกดด้านหลังเพิ่มขึ้น +103% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Huracán EVO และจะเพิ่มขึ้นเป็น +158% เมื่อใช้ชุดวัสดุ Alleggerita Pack
ทุกองค์ประกอบได้รับการออกแบบเพื่อสร้างสมรรถนะตามหลักอากาศพลศาสตร์อันยอดเยี่ยม เริ่มจากด้านหน้าซึ่งดวงไฟหกเหลี่ยมแบบ DRL ได้กลายมาเป็นหนึ่งในองค์ประกอบอากาศพลศาสตร์ โดยมีช่องลมเข้าและแผงปรับทางลมซึ่งทำหน้าที่นำกระแสลมจากกันชนไปยังส่วนบนของหม้อน้ำด้านข้างซึ่งมีการติดตั้งครีบ 2 ตัวที่ช่องทางเข้า ครีบทรงปีกด้านบนจะปรับทางลมให้ไหลลงด้านล่าง ซึ่งลมจะถูกจับโดยครีบแนวนอนตัวที่สอง และนำลมให้ไหลเข้าสู่หม้อน้ำในแนวตั้งฉากซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนได้มากที่สุด

นอกจากนั้น ครีบที่ประกอบเป็นกระจังหน้าบนซุ้มล้อยังช่วยถ่ายเทอากาศให้ไหลไปยังด้านนอกของล้อ โดยเคลื่อนออกจากหม้อน้ำด้านข้างและลดการเกิด Air Turbulence พร้อมมอบสองเอฟเฟกต์พร้อมกัน ทั้งการลดแรงต้านอากาศพลศาสตร์ และเพิ่มแรงกดไปทางด้านหลังของตัวรถ
ในส่วนท้ายรถใช้เทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในรุ่น Revuelto โดยช่องระบายอากาศสำหรับดิสก์เบรกหลังจะทอดผ่านท่อ NACA ที่วางอยู่ด้านหน้าของโครงล้อหลัง ซึ่งจะรวมกระแสลมกำลังสูงที่อยู่ใต้ท้องรถและส่งต่อไปยังท่อระบายความร้อนของเบรก

แพ็กเกจ Alleggerita ประกอบด้วยสปลิตเตอร์ที่ทำจากโพลีเมอร์เสริมคาร์บอนไฟเบอร์ CFRP (-0.19 กก.) และแผงใต้ท้องรถคาร์บอนไฟเบอร์รีไซเคิล (-0.55 กก.) ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าด้านความยั่งยืนของลัมโบร์กีนี ส่วนสเกิร์ตข้างแบบใหม่ที่ใช้วัสดุ CFRP ยังช่วยลดน้ำหนักได้อีก 0.6 กก. เช่นเดียวกับฝากระโปรงหลัง (-9.2 กก.) และแผงสำหรับติดตั้งสปอยเลอร์รับน้ำหนัก (-1.6 กก.)
สำหรับห้องโดยสารภายใน ชุดตกแต่ง Lightweight Pack จะประกอบด้วยแผงประตูคาร์บอนไฟเบอร์และยังสามารถเลือกเบาะนั่งแบบสปอร์ตที่ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโลกแห่งการแข่งรถ ส่วนน้ำหนักหน้าต่างก็ลดลงเช่นกัน โดยกระจกด้านหลังใช้กระจกน้ำหนักเบาเพื่อช่วยลดน้ำหนักได้ 0.85 กก. ส่วนหน้าต่างข้างแบบฟิกซ์ตำแหน่งก็ใช้วัสดุโพลีคาร์บอเนต (-0.45 กก.)
นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกชุดแต่งคาร์บอนเสริมสำหรับภายนอกของตัวรถยนต์ ซึ่งประกอบด้วยดิฟฟิวเซอร์หลัง ฝาครอบกระจกมองหลัง และฝาครอบช่องลมเข้าคาร์บอนด้านข้าง ซึ่งช่วยลดน้ำหนักลงได้อีก 1.82 กก. (เป็นต้น)

