พลิกโฉมวงการยนตรกรรมหรู: เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวสุดยอดยนตรกรรม Top-End Luxury แห่งปี 2025 ที่งาน “The Art of Cultivated Luxury”
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมยานยนต์หรูมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการวิวัฒนาการที่ไม่หยุดยั้งของตลาด การก้าวเข้าสู่ปี 2025 เป็นเสมือนจุดเปลี่ยนที่สำคัญยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ที่ยืนหยัดอยู่บนจุดสูงสุดแห่งความหรูหราอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ การจัดแสดงยนตรกรรมระดับ Top-End Luxury กว่า 6 รุ่น ภายใต้แนวคิด “The Art of Cultivated Luxury” ไม่ใช่เพียงแค่การเปิดตัวรถยนต์ใหม่ แต่เป็นการประกาศวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนถึงอนาคตของยานยนต์ระดับพรีเมียม ที่ผสมผสานนวัตกรรม ความยั่งยืน และความประณีตไร้ที่ติเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
ตลาดรถยนต์หรูในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ ความต้องการของผู้บริโภคไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงสมรรถนะหรือตราสัญลักษณ์อีกต่อไป แต่ยังรวมถึงประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ ความสะดวกสบายที่เป็นเลิศ เทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัล และที่สำคัญที่สุดคือความยั่งยืน ซึ่งสะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เมอร์เซเดส-เบนซ์เข้าใจถึงแก่นแท้ของความต้องการเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง และได้นำเสนอคำตอบที่สมบูรณ์แบบผ่านไลน์อัพยนตรกรรมระดับ Top-End ที่เปี่ยมด้วยศักยภาพและเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ในยุคที่เทคโนโลยี AI และการเชื่อมต่อไร้สายกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ยนตรกรรมแห่งปี 2025 จึงต้องก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น การผสานรวมระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ใช้งานง่ายและเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้อย่างไร้รอยต่อ ไปจนถึงการออกแบบที่สะท้อนรสนิยมและความเป็นปัจเจกบุคคลได้อย่างแท้จริง การลงทุนในรถยนต์หรูในวันนี้จึงมิใช่เพียงแค่การซื้อพาหนะ แต่เป็นการลงทุนในประสบการณ์อันเหนือระดับ และการเป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการยานยนต์แห่งอนาคต
ที่สุดแห่งความหรูหราแบบไร้มลพิษ: Mercedes-Maybach EQS 680 SUV และ Mercedes-Maybach S 580 e Premium
เมื่อพูดถึงยนตรกรรมที่หลอมรวมความหรูหราขั้นสุดเข้ากับนวัตกรรมแห่งอนาคต ไม่มีอะไรจะเทียบเคียง Mercedes-Maybach ได้อีกแล้ว การเปิดตัว Mercedes-Maybach EQS 680 SUV ในฐานะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกภายใต้แบรนด์ Maybach ถือเป็นการเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการยานยนต์ระดับอัลตร้าลักชัวรี่ ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ นี่ไม่ใช่แค่ SUV ไฟฟ้าทั่วไป แต่คือผลงานศิลปะเคลื่อนที่ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่แสวงหาความเป็นเลิศในทุกมิติ ราคาเริ่มต้น 12,500,000 บาท สะท้อนถึงมูลค่าของวิศวกรรมที่ประณีต ความใส่ใจในรายละเอียดที่เหนือชั้น และประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบ ไร้การสั่นสะเทือน และเปี่ยมด้วยพละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ให้แรงม้าสูงสุดถึง 658 แรงม้า แรงบิด 950 นิวตันเมตร พาคุณโลดแล่นจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.4 วินาที และมอบพิสัยการเดินทางสูงสุดถึง 600 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP) ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับรถยนต์ขนาดใหญ่เช่นนี้
การออกแบบภายนอกยังคงเอกลักษณ์ของ Maybach ด้วยกระจังหน้าแบบ “Black Panel” พร้อมลายเส้นโครเมียมแนวตั้งอันเป็นสัญลักษณ์ ไฟหน้า Digital Light ที่ให้ความสว่างและปลอดภัยสูงสุด ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ดีไซน์เฉพาะตัว และสีตัวถังทูโทนที่สามารถเลือกสรรได้ตามรสนิยม ส่วนภายในห้องโดยสารคืออาณาจักรแห่งความสบายและการผ่อนคลาย เบาะนั่งด้านหลังแบบ First-Class Seats ที่ปรับเอนนอนได้เกือบราบ พร้อมฟังก์ชันนวด ระบบระบายอากาศ และระบบทำความร้อนครบครัน วัสดุหนัง Nappa คุณภาพสูง ลายไม้ตกแต่งที่ประณีต และระบบเสียง Burmester® 4D surround sound system ที่สร้างสรรค์ประสบการณ์การฟังเพลงที่ไร้ที่ติ หน้าจอ MBUX Hyperscreen ขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมแผงหน้าปัด พร้อมระบบ AI อัจฉริยะที่เรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทำให้ทุกการเดินทางกลายเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขอย่างแท้จริง นอกจากนี้ เทคโนโลยีแบตเตอรี่รุ่นใหม่ยังได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพในการเก็บพลังงานที่ดีขึ้น และรองรับการชาร์จเร็ว DC ได้สูงสุด 200 kW ทำให้การหยุดพักเพื่อชาร์จไฟเป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การเดินทางยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและความรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน Mercedes-Maybach S 580 e Premium ก็กลับมาตอกย้ำถึงความสง่างามเหนือกาลเวลาในรูปแบบของ Plug-in Hybrid ที่เป็นการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียงเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า มอบพละกำลังรวม 510 แรงม้า พร้อมแรงบิด 750 นิวตันเมตร ที่มาพร้อมกับตัวถังสีทูโทนใหม่ ซึ่งผลิตในประเทศ (Local Production) ทำให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นในราคาเริ่มต้น 11,300,000 บาท แต่ยังคงความพิเศษเฉพาะตัว การกลับมาครั้งนี้เป็นการตอบรับกระแสความต้องการรถยนต์ Plug-in Hybrid ที่ยังคงได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความยืดหยุ่นในการใช้งาน ทั้งการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนในชีวิตประจำวัน และการเดินทางไกลที่ยังคงพึ่งพิงเชื้อเพลิงได้ การนำเสนอ S 580 e Premium ถือเป็นการเดินหมากที่ชาญฉลาดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในการขยายฐานลูกค้า Maybach ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยยังคงรักษามาตรฐานความหรูหราและความประณีตในแบบฉบับ S-Class ไว้อย่างครบถ้วน ภายในห้องโดยสารยังคงเป็นดั่งวิมานเคลื่อนที่ พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำยุค อาทิ ระบบช่วยการขับขี่กึ่งอัตโนมัติ (Drive Pilot) ซึ่งคาดการณ์ว่าจะได้รับการพัฒนาให้มีความชาญฉลาดและครอบคลุมสถานการณ์การขับขี่ที่ซับซ้อนได้มากยิ่งขึ้นในปี 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการรักษาช่องทางและการเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ
ตำนานบทใหม่ของราชันย์ออฟโรด: Mercedes-Benz G 580 with EQ Technology และ G 450 d
ตลอด 45 ปีที่ผ่านมา G-Class ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะ “King of Off-Road” ที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ และการตัดสินใจนำเทคโนโลยี EQ มาผสานเข้ากับรถยนต์รุ่นนี้ ถือเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเหนือความคาดหมายอย่างแท้จริง Mercedes-Benz G 580 with EQ Technology คือการสานต่อตำนานด้วยจิตวิญญาณแห่งอนาคต ด้วยระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า 100% พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว ที่ติดตั้งอยู่ใกล้ล้อแต่ละข้าง มอบแรงบิดมหาศาลสูงสุดถึง 1,164 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดเท่าที่เมอร์เซเดส-เบนซ์เคยผลิตมา ทำให้สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.7 วินาที ซึ่งเร็วพอๆ กับรถสปอร์ตหลายคัน นี่คือพลังอันเหลือเชื่อที่พร้อมจะพิชิตทุกเส้นทางไม่ว่าจะเป็นออนโรดหรือออฟโรด ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ G 580 with EQ Technology ไม่เพียงแค่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่เป็นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่แบบออฟโรดไปอีกขั้น ด้วยฟังก์ชัน “G-Turn” ที่ทำให้รถสามารถหมุนตัวอยู่กับที่ได้ และ “G-Steering” ที่ช่วยลดรัศมีวงเลี้ยวในพื้นที่แคบ รวมถึงระบบ Virtual Differential Lock ที่จำลองการทำงานของเฟืองท้ายแบบล็อก เพื่อการยึดเกาะสูงสุดบนพื้นผิวที่ท้าทาย
การเปิดตัว 2 รุ่นย่อย คือ STANDARD ในราคาเริ่มต้น 9,500,000 บาท และ EDITION ONE ในราคาเริ่มต้น 12,200,000 บาท ซึ่งจำกัดเพียง 6 คันในประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความพิเศษและความเป็นเอกลักษณ์ของยนตรกรรมรุ่นนี้ EDITION ONE มาพร้อมชุดแต่งพิเศษและภายในที่เหนือระดับ ยิ่งตอกย้ำความเป็นเจ้าของรถยนต์หายากที่รวบรวมเทคโนโลยีล้ำสมัยและความเป็นตำนานเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ แบตเตอรี่ความจุสูงยังช่วยให้มีระยะทางขับขี่ที่เหมาะสมกับการใช้งานจริง พร้อมรองรับการชาร์จเร็ว DC เช่นกัน สิ่งที่ทำให้ G-Class ไฟฟ้ายังคงรักษาความเป็น G-Class ได้อย่างแท้จริงคือโครงสร้างเฟรมแบบขั้นบันได (Ladder Frame) ที่แข็งแกร่ง และช่วงล่างอิสระที่ได้รับการออกแบบใหม่ เพื่อรองรับน้ำหนักแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ยังคงให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่หนักแน่นและมั่นคง อันเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของ G-Class
สำหรับผู้ที่ยังคงหลงใหลในพละกำลังและเสียงเครื่องยนต์ดีเซล เมอร์เซเดส-เบนซ์ก็ยังคงนำเสนอ Mercedes-Benz G 450 d ยนตรกรรม The new G-Class ที่มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลตามคำเรียกร้องของกลุ่มลูกค้าชาวไทย ในราคาเริ่มต้น 12,200,000 บาท G 450 d คือการผสมผสานความคลาสสิกของเครื่องยนต์ดีเซลประสิทธิภาพสูงเข้ากับความหรูหราและเทคโนโลยีอันทันสมัยของ G-Class เจเนอเรชันใหม่ ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบแถวเรียงพร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ ให้กำลังสูงสุด 367 แรงม้า และแรงบิด 750 นิวตันเมตร ทำให้การขับขี่ทั้งบนทางเรียบและเส้นทางออฟโรดเป็นไปอย่างราบรื่นและเปี่ยมด้วยพละกำลัง G 450 d ยังคงคุณสมบัติในการลุยที่เหนือชั้น พร้อมความประหยัดเชื้อเพลิงที่ยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับสมรรถนะที่ได้ ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการ G-Class สำหรับการผจญภัยในระยะทางไกล โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสถานีชาร์จ และยังคงได้สัมผัสกับเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ได้รับการปรับจูนมาเป็นอย่างดี การคงไว้ซึ่งทางเลือกนี้แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจของเมอร์เซเดส-เบนซ์ต่อตลาดที่หลากหลาย และการให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่ม
ความสมบูรณ์แบบของซีดานหรู: Mercedes-Benz S 580 e AMG Premium
Mercedes-Benz S 580 e AMG Premium ยนตรกรรมลักชัวรี่ซีดานที่ยังคงเป็นมาตรฐานของความเหนือระดับในตลาดรถยนต์หรู ราคา 7,580,000 บาท สะท้อนถึงการลงทุนในความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และเทคโนโลยีที่ครบครัน S-Class ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่คือห้องทำงานเคลื่อนที่ ห้องรับรองส่วนตัว และศูนย์รวมความบันเทิงชั้นเลิศในหนึ่งเดียว รุ่น AMG Premium ยิ่งเพิ่มความสปอร์ตและความเร้าใจให้กับการขับขี่ ด้วยชุดแต่ง AMG รอบคัน ล้ออัลลอยดีไซน์เฉพาะ และการปรับจูนช่วงล่างที่ให้ความรู้สึกกระชับมากยิ่งขึ้น
หัวใจสำคัญของ S 580 e คือระบบ Plug-in Hybrid ที่ผสานเครื่องยนต์เบนซินเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า มอบกำลังรวม 510 แรงม้า พร้อมแรงบิด 750 นิวตันเมตร ทำให้สามารถขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลกว่า 100 กม. (ตามมาตรฐาน WLTP) ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานในเมืองเกือบทั้งสัปดาห์ การขับขี่ด้วยไฟฟ้าทำให้ภายในห้องโดยสารเงียบสงบยิ่งขึ้น ปราศจากเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ ช่วยยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้เหนือกว่าเดิม แต่สิ่งที่โดดเด่นอย่างแท้จริงและได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องคือระบบควบคุมทิศทางตัวรถแบบเลี้ยว 4 ล้อ (Rear axle steering 4.5°) ระบบนี้ช่วยให้ล้อหลังสามารถเลี้ยวได้ในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้าในความเร็วต่ำ เพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว ทำให้การกลับรถหรือการจอดในพื้นที่แคบเป็นไปอย่างง่ายดายราวกับขับรถยนต์ขนาดเล็ก และในความเร็วสูง ล้อหลังจะเลี้ยวไปในทิศทางเดียวกันกับล้อหน้า เพื่อเพิ่มเสถียรภาพในการเข้าโค้งและการเปลี่ยนเลน ทำให้ S-Class คันใหญ่คันนี้รู้สึกคล่องตัวและมั่นคงอย่างไม่น่าเชื่อ
ภายในห้องโดยสารคือการผสมผสานระหว่างงานฝีมือประณีตและเทคโนโลยีดิจิทัลสุดล้ำ หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ MBUX ที่รองรับการสั่งงานด้วยเสียงและการแสดงผลแบบ 3 มิติ เบาะนั่งที่สามารถปรับได้หลากหลายรูปแบบพร้อมฟังก์ชันนวดที่หลากหลาย มอบความผ่อนคลายสูงสุดตลอดการเดินทาง ระบบความปลอดภัยล้ำหน้า อาทิ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอัตโนมัติ และระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย ล้วนทำงานร่วมกันเพื่อปกป้องผู้โดยสารและผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ อย่างดีที่สุด S 580 e AMG Premium ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับนักธุรกิจและผู้บริหารที่ต้องการยานพาหนะที่สะท้อนถึงความสำเร็จและให้ความมั่นใจในทุกการเดินทาง
นิยามใหม่ของรถแวนระดับเฟิร์สคลาส: Mercedes-Benz V 300 d Exclusive
สำหรับครอบครัวยุคใหม่หรือนักธุรกิจที่ต้องการความคล่องตัวในการเดินทางพร้อมความหรูหราระดับสูงสุด Mercedes-Benz V 300 d Exclusive คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ รถแวน 6 ที่นั่ง รุ่นนำเข้ามาตรฐานยุโรปในราคา 5,820,000 บาท คันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวกับครอบครัว หรือการเป็นยานพาหนะรับรองลูกค้าคนสำคัญ การออกแบบภายนอกที่สง่างามและทันสมัย ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางและเปี่ยมด้วยความสบายระดับเฟิร์สคลาส เป็นสิ่งที่ทำให้ V-Class แตกต่างจากรถตู้ทั่วไป
เบาะนั่งแบบ Executive Seats ที่สามารถปรับได้อิสระ พร้อมโต๊ะพับเก็บได้ ระบบมัลติมีเดียสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ คือสิ่งอำนวยความสะดวกที่สร้างสรรค์มาเพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้ไม่ต่างจากการนั่งเครื่องบินส่วนตัว พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังที่กว้างขวาง ทำให้สามารถบรรจุสัมภาระขนาดใหญ่ได้อย่างไร้กังวล ในด้านสมรรถนะ V 300 d Exclusive มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ให้พละกำลังที่เพียงพอต่อการขับขี่ทางไกลอย่างราบรื่นและประหยัดเชื้อเพลิง พร้อมระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับจูนมาเป็นอย่างดี เพื่อความนุ่มนวลในการเดินทางและลดอาการโคลงเคลง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับรถยนต์ประเภทนี้
V-Class ไม่ได้เป็นเพียงรถตู้ แต่เป็น “ยานยนต์อเนกประสงค์ระดับหรู” ที่มอบความยืดหยุ่นและความหรูหราที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ การลงทุนใน V 300 d Exclusive จึงเป็นการลงทุนในความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความสุขของการเดินทางร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมือง หรือการผจญภัยระยะไกล V-Class ก็พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของทุกประสบการณ์อันล้ำค่า
วิสัยทัศน์แห่งความเป็นเลิศของเมอร์เซเดส-เบนซ์สำหรับปี 2025
มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า การเปิดตัวยนตรกรรมทั้ง 6 รุ่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเลิศในทุกด้านของเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างแท้จริง ซึ่งในฐานะผู้สังเกตการณ์ในอุตสาหกรรมมานาน ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ตลาดมีความผันผวนและความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว การที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้นั้น มาจากการที่แบรนด์ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนานวัตกรรม และเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของ “ความหรูหรา” ที่ต้องก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับโลกที่เปลี่ยนแปลง
แบรนด์ Mercedes-Maybach และรถยนต์กลุ่ม S-Class ยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหราแบบร่วมสมัย ด้วยการตกแต่งภายในที่ประณีต เทคโนโลยีล้ำสมัย และการออกแบบที่เหนือกาลเวลา ซึ่งได้รับการถ่ายทอดสู่ยุคพลังงานไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบ ในส่วนของรถยนต์กลุ่ม G-Class นั้น เป็นตัวแทนของขุมพลังและมรดกอันยิ่งใหญ่ พร้อมตอกย้ำถึงความสง่างามที่มาพร้อมความแข็งแกร่งและสมรรถนะขั้นสูง ซึ่งในเวอร์ชันไฟฟ้าได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถผสมผสานได้อย่างลงตัว และสำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่กว้างขวางในการใช้งาน พร้อมความหรูหราไม่แพ้ใคร เรายังได้นำเสนอรถแวนอเนกประสงค์ในกลุ่ม V-Class ที่เหมาะสำหรับกลุ่มครอบครัวและกลุ่มนักธุรกิจ ซึ่งตอบโจทย์ทุกการใช้งานที่หลากหลายได้อย่างแท้จริง
เมอร์เซเดส-เบนซ์ไม่เพียงแต่นำเสนอรถยนต์ แต่ยังนำเสนอวิสัยทัศน์แห่งอนาคต ที่ความหรูหราจะควบคู่ไปกับความยั่งยืน เทคโนโลยีจะเชื่อมโยงเราเข้าด้วยกัน และทุกการเดินทางจะเต็มไปด้วยความหมาย นี่คือการตอกย้ำถึงความเป็น “ผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์หรู” ที่แท้จริง
ประสบการณ์เหนือระดับรอคุณอยู่
การสัมผัสประสบการณ์แห่ง “The Art of Cultivated Luxury” ด้วยตัวคุณเองคือสิ่งที่ไม่ควรพลาด ขอเชิญผู้ที่สนใจเยี่ยมชมและสัมผัสสุดยอดยนตรกรรมเหล่านี้ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วประเทศ หรือค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ทางการ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตแห่งการเดินทางอันหรูหราที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้รังสรรค์ไว้ให้คุณแล้ว

