ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT 2025: นิยามใหม่ของกระบะสมรรถนะสูง สู่ชีวิตที่เหนือกว่า
ในโลกยานยนต์ปี 2025 ที่การแข่งขันในตลาดรถกระบะทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ การนำเสนอรถยนต์ที่โดดเด่นและแตกต่างคือสิ่งสำคัญ ฟอร์ด ประเทศไทย ร่วมกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับแต่งยานยนต์อย่าง MS-RT (M-Sport Rally Team) และ RMA ประเทศไทย ได้จุดประกายความตื่นเต้นครั้งใหม่ ด้วยการเปิดตัว “ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT” (Ford Ranger MS-RT) รถกระบะสายพันธุ์สปอร์ตที่ผสานสมรรถนะมอเตอร์สปอร์ตเข้ากับความอเนกประสงค์ของรถกระบะไว้อย่างลงตัว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่มองหารถยนต์ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่พาหนะ แต่คือส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนได้อย่างชัดเจน นับเป็นการยกระดับมาตรฐานของรถกระบะในประเทศไทยไปอีกขั้น
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเร็ว แรง และการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT คือคำตอบที่ใช่ ด้วยการผสมผสาน DNA ของสนามแข่งเข้ากับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว นี่ไม่ใช่แค่รถกระบะ แต่เป็นผลงานชิ้นเอกที่พร้อมจะเปลี่ยนทุกการเดินทางให้เป็นการผจญภัยที่น่าจดจำ
การออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากมอเตอร์สปอร์ต: ความดุดันที่ไม่อาจละสายตา
สิ่งที่ทำให้ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT แตกต่างจากรถกระบะทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด คือการออกแบบภายนอกที่ได้รับอิทธิพลจากโลกมอเตอร์สปอร์ตอย่างเต็มตัว ตั้งแต่แรกเห็น คุณจะสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นและความปราดเปรียวที่ส่งตรงจากสนามแข่ง ซึ่งถูกถ่ายทอดมาสู่รถกระบะสายพันธุ์แกร่งคันนี้ได้อย่างไร้ที่ติ
เริ่มจากกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่น มาพร้อมลิ้นหน้า (Splitter) ในตัว ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงาม แต่ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ ทำให้รถดูต่ำและกว้างขึ้น ช่วยเพิ่มแรงกดและเสถียรภาพในการขับขี่ที่ความเร็วสูง ซุ้มล้อที่กว้างขึ้นทั้งด้านหน้าและด้านหลังถึง 82 มิลลิเมตร เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT มีความกว้างโดยรวมที่เพิ่มขึ้น สร้างความรู้สึกดุดันและมั่นคงบนท้องถนน ประหนึ่งรถแข่งที่พร้อมพุ่งทะยาน
ชุดสเกิร์ตด้านข้างที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เชื่อมต่อกับเส้นสายของตัวรถได้อย่างลงตัว ทำให้ภาพรวมของรถดูกลมกลืนและลู่ลมมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแค่นั้น ด้านบนยังมีสปอยเลอร์หลังคาที่ช่วยเสริมความเป็นสปอร์ต และด้านหลังที่มาพร้อมกับกันชนดีไซน์ใหม่ พร้อมดิฟฟิวเซอร์หลังสไตล์มอเตอร์สปอร์ต และสปอยเลอร์หลังแบบ Ducktail ที่ไม่เพียงแค่เพิ่มความสวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มแรงกดท้ายรถ เพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ และทำให้รถดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
เพื่อให้สมกับดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสนามแข่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT ยังมาพร้อมกับช่วงล่างที่ได้รับการปรับจูนใหม่ โดยลดความสูงของตัวรถลงถึง 40 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นมาตรฐาน ทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง ส่งผลให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างแม่นยำและตอบสนองได้ดีเยี่ยมบนทางเรียบ เพิ่มความมั่นใจในการเข้าโค้ง และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามคือ ล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษลาย ‘ไดมอนด์ คัท’ สีดำ ขนาด 21 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่ใหญ่และโดดเด่นสะดุดตาอย่างมาก การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์นี้ไม่เพียงเสริมความหรูหราและดุดัน แต่ยังช่วยให้การยึดเกาะถนนและการทรงตัวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างกระจกมองข้างและมือจับประตูสีอะเกต แบล็ก (Agate Black) ก็ช่วยเติมเต็มความพรีเมียมและความสปอร์ตให้กับ ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT ได้อย่างลงตัว
สำหรับเฉดสีที่เปิดให้เลือก ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT มาในสองสีสุดคลาสสิกที่ขับเน้นดีไซน์อันดุดันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ได้แก่ สีเทา คอมมานด์ เกรย์ (Command Grey) ที่ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งและล้ำสมัย และสีดำ แอ็บโซลูท แบล็ก (Absolute Black) ที่สะท้อนความลึกลับและสง่างามได้อย่างเหนือระดับ ไม่ว่าจะเป็นสีใด ก็ล้วนแล้วแต่สะท้อนถึงรสนิยมอันโดดเด่นของผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจน
ขุมพลังดีเซล V6 สมรรถนะสูง: แรงจัด ทรงพลัง พร้อมลุยทุกเส้นทาง
ภายใต้รูปลักษณ์ที่ดุดันของฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT ซ่อนไว้ซึ่งหัวใจที่ทรงพลัง นั่นคือเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร V6 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับความนิยมและพิสูจน์แล้วถึงความเสถียรและความทนทานในตลาดต่างประเทศมายาวนาน ก่อนที่จะเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อต้นปี 2024 ที่ผ่านมา เครื่องยนต์รุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพละกำลังและแรงบิดที่เหนือกว่ารุ่นปกติอย่างแท้จริง มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพในทุกสภาพเส้นทาง
ขุมพลังดีเซล V6 เทอร์โบนี้ สามารถรีดพละกำลังสูงสุดได้ถึง 250 แรงม้า ที่ 3,250 รอบต่อนาที และมอบแรงบิดสูงสุดมหาศาลถึง 600 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นแรงบิดที่ “ดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน” (Best in Class) การมีแรงบิดที่สูงขนาดนี้ทำให้ ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT มีอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยม ตอบสนองได้ทันใจในทุกช่วงความเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง การเร่งแซง หรือการบรรทุกสัมภาระหนัก ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายและมั่นใจ
เครื่องยนต์ V6 รหัส Lion ดีเซลเทอร์โบนี้มีรายละเอียดทางเทคนิคที่น่าสนใจ เริ่มจากขนาดกระบอกสูบ/ระยะชักที่ 84 มม. / 90 มม. และปริมาตรความจุ 2993 ลูกบาศก์เซนติเมตร ทำงานที่อัตราส่วนการอัด 16.0:1 พร้อมระบบฉีดเชื้อเพลิง Direct ด้วยหัวฉีด Bosch Piezo ที่มีแรงดันในรางหัวฉีดสูงถึง 2,000 บาร์ ผนวกกับแรงดันเทอร์โบชาร์จสูงสุด 2.8 บาร์ ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์แบบและได้ประสิทธิภาพสูงสุด
กลไกขับวาล์วเป็นแบบเพลาลูกเบี้ยวเหนือฝาสูบคู่ (DOHC) พร้อม 4 วาล์วต่อกระบอกสูบ โดยมีฝาสูบผลิตจากอะลูมิเนียม และเสื้อสูบรูปตัว V เหล็กหล่อแกรไฟต์ขั้นตอนเดียว จัดวางกระบอกสูบ 2 แถวเข้าหากันที่มุม 60 องศา อ่างน้ำมันเครื่องเป็นแบบชิ้นเดียว หล่อด้วยแรงดันสูงจากอะลูมิเนียม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและลดน้ำหนัก นอกจากนี้ ยังใช้ระบบเชื้อเพลิงแบบคอมมอนเรล และสายพานไทม์มิ่งในการขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยว รวมถึงเทอร์โบชาร์จเจอร์แปรผันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ในทุกช่วงรอบ
พละกำลังทั้งหมดนี้ถูกส่งผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E-Shifter ที่ล้ำสมัย ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ V6 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มอบการเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น รวดเร็ว และแม่นยำ ช่วยเพิ่มทั้งสมรรถนะและความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงในเวลาเดียวกัน ผู้ขับขี่จึงสามารถเพลิดเพลินกับการขับขี่ที่ต่อเนื่องและทรงพลังในทุกสถานการณ์
ไม่เพียงแค่ความแรงบนทางเรียบ ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT ยังคงรักษาจิตวิญญาณของรถกระบะพันธุ์แกร่งด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ 4A (4WD Auto) ที่สามารถปรับการกระจายแรงบิดไปยังล้อทั้งสี่ได้อย่างอิสระและต่อเนื่องตามสภาพพื้นผิวถนน มอบสมรรถนะสูงสุดสำหรับการเดินทางบนทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ ทางลูกรัง หรือเส้นทางที่ท้าทาย
และเพื่อให้การขับขี่ปรับให้เข้ากับสถานการณ์ที่หลากหลาย ระบบยังมีตัวเลือกโหมดการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ (Normal) สำหรับการขับขี่ทั่วไป, โหมดประหยัด (Eco) เพื่อประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงสูงสุด, โหมดลากจูง (Tow/Haul) เพื่อเพิ่มความสามารถในการลากจูง, โหมดถนนลื่น (Slippery) สำหรับการขับขี่บนพื้นผิวเปียกหรือลื่น, โหมดโคลนและหิน (Mud/Ruts) และโหมดทราย (Sand) สำหรับการผจญภัยออฟโรดที่สมบุกสมบัน ซึ่งแต่ละโหมดจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ เกียร์ และระบบขับเคลื่อนให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทาง ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นใจในทุกการเดินทาง
ห้องโดยสารระดับพรีเมียม: ผสานความหรูหราและสไตล์มอเตอร์สปอร์ต
ก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT คุณจะพบกับการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหรา ความสะดวกสบาย และกลิ่นอายของมอเตอร์สปอร์ต ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับและเป็นส่วนตัวให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
สิ่งแรกที่สะดุดตาคือเบาะที่นั่งดีไซน์พิเศษแบบโอบกระชับ (Bucket Seat) ซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับชุดแต่ง MS-RT เพื่อรองรับสรีระขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง ทำจากหนังสังเคราะห์และหนังกลับคุณภาพสูง ให้สัมผัสที่นุ่มนวลและพรีเมียม พร้อมการเดินด้ายสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นและกลิ่นอายของมอเตอร์สปอร์ตทั่วทั้งห้องโดยสาร เบาะนั่งคู่หน้าสามารถปรับไฟฟ้าได้ถึง 8 ทิศทาง ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้าสามารถหามุมที่สบายที่สุดได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ ยังมีสัญลักษณ์ MS-RT ปักอยู่บนเบาะคู่หน้าและเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมลายธงเรซซิ่งที่เพิ่มความพิเศษและไม่เหมือนใคร
พวงมาลัยใหม่ดีไซน์สปอร์ต มาพร้อมกับการตกแต่งด้วยแถบสีน้ำเงินที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เฉพาะของรถสมรรถนะสูง ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างแม่นยำและสัมผัสถึงความสปอร์ตได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังมีสัญลักษณ์ MS-RT บนยางปูพื้นห้องโดยสาร เพิ่มความกลมกลืนในรายละเอียด
ในด้านความสะดวกสบายและเทคโนโลยี ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT จัดเต็มด้วยฟีเจอร์ที่ทันสมัยและใช้งานง่าย เริ่มด้วยแท่นชาร์จไร้สาย (Wireless Charger) สำหรับสมาร์ทโฟน ช่วยให้คุณเชื่อมต่อและใช้งานอุปกรณ์ได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องวุ่นวายกับสายชาร์จ พร้อมกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) และปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ (Push Start) เพื่อความสะดวกสบายในการเข้าถึงและสตาร์ทรถ
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา ช่วยให้ผู้โดยสารแต่ละคนสามารถตั้งอุณหภูมิที่ต้องการได้ และยังมีระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เพื่อความเย็นสบายทั่วถึงทั้งห้องโดยสาร กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB ช่วยเพิ่มความสะดวกในการติดตั้งอุปกรณ์เสริม และไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร (Ambient Lighting) ที่สามารถปรับเปลี่ยนสีได้ ช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายหรือเร้าใจตามต้องการ
สำหรับการเชื่อมต่อและความบันเทิง ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT มาพร้อมหน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว ที่ใหญ่และคมชัดใจกลางคอนโซล ควบคุมด้วยระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A ที่ได้รับการพัฒนาให้สะดวกรวดเร็วและฉลาดล้ำมากยิ่งขึ้น รองรับ Wireless Apple CarPlay® และ Android Auto™ ช่วยให้การเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนไร้รอยต่อ และสามารถใช้งานแอปพลิเคชันนำทาง แผนที่ และความบันเทิงได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย
หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 8 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญได้อย่างชัดเจน สามารถปรับแต่งการแสดงผลได้ตามความต้องการ พร้อมระบบเชื่อมต่อบลูทูธ (Bluetooth) และระบบ FordPass Connect ที่ให้คุณสามารถควบคุมและตรวจสอบสถานะรถได้จากระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังมีช่องต่อ USB ถึง 4 จุด รวมถึงบนกระจกมองหลัง เพื่อรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่หลากหลาย และลำโพงคุณภาพสูง 6 ตำแหน่ง ที่มอบประสบการณ์เสียงที่คมชัดและเต็มอรรถรส
เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง: มั่นใจทุกเส้นทาง ด้วยนวัตกรรมแห่งอนาคต
ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT ไม่เพียงแค่โดดเด่นด้านสมรรถนะและการออกแบบ แต่ยังให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ (ADAS) ที่ล้ำสมัย ทำให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความมั่นใจและอุ่นใจ
เริ่มต้นด้วยระบบความปลอดภัยเชิงรับขั้นพื้นฐานที่ครบครัน ด้วยถุงลมนิรภัย 7 จุด ได้แก่ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า ซึ่งพร้อมปกป้องในกรณีเกิดการชน และระบบช่วยโทรฉุกเฉิน (Emergency Call) ที่จะทำการติดต่อหน่วยกู้ภัยโดยอัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
ในส่วนของระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวและการเบรก ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT มาพร้อมเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake), ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD ที่ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System) ที่ช่วยรักษาการทรงตัวของรถในสภาวะการขับขี่ที่ท้าทาย
นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Roll-Over Mitigation) ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่บนสภาพเส้นทางที่ลาดชันหรือมีความเสี่ยงต่อการพลิกคว่ำ และระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control) ที่ช่วยให้การควบคุมรถขณะลงทางลาดชันเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
สำหรับเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ที่จะทำให้การเดินทางของคุณสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้น ได้แก่:
สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและหลัง: ช่วยให้การจอดรถและการถอยเข้าจอดเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) พร้อมระบบ Stop & Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Centering): ระบบนี้ช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ สามารถหยุดและออกตัวได้เองในสภาพการจราจรติดขัด และช่วยประคองรถให้อยู่กึ่งกลางช่องทาง ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ทางไกลได้อย่างมาก
ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High Beam): ปรับการทำงานของไฟสูง-ต่ำโดยอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้รบกวนรถคันอื่น
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB – Autonomous Emergency Braking with Pedestrian Detection): ตรวจจับวัตถุและคนเดินถนนด้านหน้า และจะทำการเบรกอัตโนมัติเพื่อลดความรุนแรงหรือป้องกันการชน
ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System): เตือนผู้ขับขี่เมื่อมีความเสี่ยงที่จะชนกับรถคันหน้า
ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน (Post-Collision Braking System): ช่วยลดความเสียหายเพิ่มเติมโดยการเบรกอัตโนมัติหลังจากเกิดการชนครั้งแรก
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Alert): เตือนผู้ขับขี่เมื่อรถกำลังจะออกนอกช่องทางเดินรถโดยไม่ตั้งใจ
ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด (Blind Spot Information System – BLIS® with Cross-Traffic Alert): ช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา และเตือนเมื่อมีรถวิ่งผ่านขณะถอยออกจากช่องจอด
กล้องมองรอบคัน 360 องศา: แสดงภาพมุมสูงรอบคันรถ ช่วยให้มองเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบได้อย่างชัดเจน ทำให้การขับขี่และการจอดรถในพื้นที่แคบเป็นเรื่องง่าย
ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง (Reverse Brake Assist): ตรวจจับสิ่งกีดขวางด้านหลังและจะเบรกอัตโนมัติเพื่อป้องกันการชนขณะถอยหลัง
ระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ (Evasive Steering Assist): ช่วยเพิ่มแรงในการหักหลบสิ่งกีดขวางด้านหน้าอย่างรวดเร็วและปลอดภัยในกรณีฉุกเฉิน
นอกจากนี้ ยังมีระบบไฟส่องสว่างแบบแบ่งโซน (Zone Lighting) ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่โดดเด่นและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในยามค่ำคืน คุณสามารถควบคุมการเปิดไฟส่องสว่างภายนอกตัวรถได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟส่องพื้นจากกระจกข้างรถ ไฟในกระบะท้าย และไฟส่องแผ่นป้ายทะเบียน โดยสามารถเลือกเปิดปิดเฉพาะบางโซนหรือทุกโซนพร้อมกันได้ผ่านหน้าจอ SYNC อำนวยความสะดวกในการทำกิจกรรมต่างๆ ในตอนกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นการกางเต็นท์ การตั้งแคมป์ หรือการทำงานใกล้ตัวรถ
ราคาและโปรโมชั่น: การลงทุนในประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT 2025 พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าในราคา 1,749,000 บาท ซึ่งสะท้อนถึงมูลค่าของนวัตกรรม ดีไซน์ และสมรรถนะระดับพรีเมียมที่อัดแน่นอยู่ในรถกระบะคันนี้ โดยมีการเปิดตัวและรับจองครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 41 ที่ผ่านมา และเปิดรับจองในช่วงแนะนำ 200 คันแรก ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ปัจจุบันลูกค้าที่สนใจยังคงสามารถติดต่อและสั่งจอง ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT ได้ที่ผู้จำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการ โดยเริ่มจองได้ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป (ซึ่งในปัจจุบันปี 2025 ถือว่าสามารถสั่งซื้อได้แล้วตามปกติ)
สรุป: ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT 2025 – ยกระดับมาตรฐานรถกระบะสู่ขีดสุด
ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT 2025 ไม่ใช่เพียงแค่รถกระบะ แต่เป็นเครื่องยืนยันถึงวิสัยทัศน์ของฟอร์ดในการสร้างสรรค์ยานยนต์ที่เหนือความคาดหมาย ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างขุมพลังดีเซล V6 สมรรถนะสูง การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมอเตอร์สปอร์ต ห้องโดยสารที่หรูหราพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย และระบบความปลอดภัยขั้นสูง ทำให้รถกระบะคันนี้เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่สามารถตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน การผจญภัย และการบ่งบอกถึงรสนิยมที่ไม่ธรรมดา
สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถกระบะพรีเมียมที่มาพร้อมสมรรถนะที่เร้าใจและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT คือการลงทุนที่คุ้มค่าในการสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร สัมผัสถึงความตื่นเต้นทุกครั้งที่สตาร์ทเครื่องยนต์ และเพลิดเพลินไปกับทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมือง การผจญภัยในต่างจังหวัด หรือการพิชิตเส้นทางออฟโรด ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT พร้อมที่จะพาคุณไปสู่ทุกจุดหมายอย่างมีสไตล์และมั่นใจ เตรียมพบกับนิยามใหม่ของรถกระบะสมรรถนะสูงที่จะเปลี่ยนมุมมองของคุณไปตลอดกาล.
