The Art of Cultivated Luxury: เมื่อเมอร์เซเดส-เบนซ์ นิยามความหรูหราแห่งอนาคตผ่าน 6 ยนตรกรรมระดับท็อป-เอนด์
ในปี 2025 นี้ วงการยานยนต์ทั่วโลกยังคงเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะในเซกเมนต์รถยนต์หรู ที่ผู้ผลิตต่างต้องงัดนวัตกรรมและปรัชญาการออกแบบที่ล้ำสมัยมาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าผู้ทรงอิทธิพลที่มองหามากกว่าแค่การเดินทาง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในฐานะผู้นำด้านยนตรกรรมพรีเมียมระดับโลก ก็ไม่เคยหยุดยั้งที่จะสร้างสรรค์นิยามใหม่ของความหรูหราและการขับเคลื่อนที่ยั่งยืน และการเปิดตัวยนตรกรรมระดับ Top-End Luxury กว่า 6 รุ่นล่าสุดในงาน “The Art of Cultivated Luxury” ถือเป็นการตอกย้ำจุดยืนที่แข็งแกร่งของแบรนด์ในการเป็นผู้กำหนดทิศทางแห่งความสง่างามและความล้ำสมัยแห่งอนาคต
งานครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเผยโฉมรถยนต์ใหม่ แต่เป็นการจัดแสดงวิสัยทัศน์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ผสานรวมนวัตกรรมขั้นสูงสุดเข้ากับศิลปะแห่งการออกแบบที่ประณีตไร้ที่ติ นำเสนอประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับในทุกมิติ ตั้งแต่ความยั่งยืนด้วยขุมพลังไฟฟ้า 100% ไปจนถึงสมรรถนะอันทรงพลังของเครื่องยนต์ดีเซลที่ได้รับการปรับปรุงมาอย่างยอดเยี่ยม พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ที่หลงใหลในความสมบูรณ์แบบได้สัมผัสกับแก่นแท้ของความหรูหราที่ถูกบ่มเพาะมาอย่างยาวนาน บทความนี้จะพาทุกท่านดำดิ่งสู่รายละเอียดของยนตรกรรมแต่ละรุ่น พร้อมเจาะลึกถึงเบื้องหลังปรัชญาที่เมอร์เซเดส-เบนซ์บรรจงรังสรรค์ขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้ที่มองหาที่สุดแห่งประสบการณ์การเดินทาง
ยนตรกรรมแห่งยุคใหม่: เมื่อความหรูหรามาบรรจบกับความยั่งยืน
ในยุคที่กระแสยานยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเป็นที่นิยมและได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยการนำเสนอสุดยอดยนตรกรรมไฟฟ้า 100% ที่ผสานเข้ากับความหรูหราอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Mercedes-Maybach สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอทางเลือกที่เหนือกว่าสำหรับผู้ที่ต้องการความสมบูรณ์แบบทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความยั่งยืน และความสง่างาม
Mercedes-Maybach EQS 680 SUV: ที่สุดแห่งยนตรกรรมเอสยูวีไฟฟ้าหรู
ก้าวเข้าสู่โลกแห่งการเดินทางที่ยั่งยืนด้วยสุดยอดแห่งความหรูหรากับ Mercedes-Maybach EQS 680 SUV รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกภายใต้แบรนด์ Mercedes-Maybach ที่ไม่ใช่แค่การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป แต่คือการนิยามใหม่ของ “ที่สุดแห่งยนตรกรรมเอสยูวี” ที่ตอบโจทย์การใช้งานอันเหนือระดับในทุกมิติ นับเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในการนำพาอนาคตแห่งความหรูหรามาสู่ปัจจุบัน
ดีไซน์ที่สะกดทุกสายตา: ตั้งแต่แรกเห็น Maybach EQS 680 SUV เผยให้เห็นถึงเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวแต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างามตามแบบฉบับของ Maybach กระจังหน้าแบบเฉพาะของ Maybach พร้อมด้วยลวดลายแนวตั้งโครเมียม และตราสัญลักษณ์ Maybach ที่โดดเด่น คือการประกาศถึงสถานะอันเป็นเอกลักษณ์ ไฟหน้า DIGITAL LIGHT อันชาญฉลาดไม่เพียงให้ความสว่างสูงสุด แต่ยังสามารถฉายสัญลักษณ์ลงบนพื้นถนนได้ เพิ่มทั้งความปลอดภัยและสุนทรียภาพ ตัวถังที่มีขนาดโอ่อ่าแต่กลับดูพลิ้วไหวด้วยหลักอากาศพลศาสตร์ชั้นเลิศ พร้อมล้ออัลลอยด์ดีไซน์พิเศษขนาดใหญ่ ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งและภูมิฐานที่พร้อมจะพาคุณไปได้ทุกที่
ห้องโดยสารที่ประดุจห้องรับแขกเคลื่อนที่: เมื่อก้าวเข้าสู่ภายใน คุณจะพบกับอาณาจักรแห่งความหรูหราที่ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน ด้วยวัสดุชั้นเลิศที่คัดสรรมาอย่างดีที่สุด ทั้งหนัง Nappa คุณภาพสูง ลายไม้ธรรมชาติ หรือวัสดุตกแต่งแบบ “MANUFAKTUR” ที่เป็นเอกลักษณ์ เบาะที่นั่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลังได้รับการออกแบบให้เป็น First-Class Rear Suite มอบความสะดวกสบายสูงสุด ด้วยฟังก์ชันนวดที่หลากหลาย ระบบระบายอากาศและทำความร้อน พร้อมจอแสดงผลส่วนตัวขนาดใหญ่และแท็บเล็ต MBUX Rear Tablet ที่ถอดออกได้ เพื่อการควบคุมความบันเทิงและฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างอิสระ ระบบเสียง Burmester® 4D surround sound system ที่ติดตั้งอย่างรอบคอบ สร้างมิติเสียงที่สมจริง ดุจอยู่ในคอนเสิร์ตฮอลล์ส่วนตัวทุกการเดินทาง เทคโนโลยี MBUX Hyperscreen ขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมแผงหน้าปัดทั้งหมด มอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อและใช้งานง่าย สะท้อนถึงการรวมกันของเทคโนโลยีล้ำสมัยและความหรูหราแบบคลาสสิก
สมรรถนะไฟฟ้าที่เหนือชั้น: หัวใจของการขับเคลื่อนคือขุมพลังไฟฟ้า 100% ที่มอบการตอบสนองที่ฉับไวและเงียบสงบในทุกช่วงความเร็ว มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้กำลังสูงสุดถึง 649 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลที่ส่งตรงถึงล้อทั้งสี่ ทำให้การเร่งความเร็วเป็นไปอย่างราบรื่นและทรงพลัง ระบบช่วงล่างถุงลม AIRMATIC ที่ทำงานร่วมกับระบบปรับความหน่วงของช่วงล่างแบบปรับอัตโนมัติ (Adaptive Damping System) ช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างนุ่มนวลและมั่นคง ไม่ว่าจะบนถนนเรียบหรือเส้นทางที่ท้าทาย แบตเตอรี่ความจุสูงยังมอบระยะทางขับขี่ที่น่าประทับใจ ช่วยให้การเดินทางไกลเป็นไปได้โดยไม่ต้องกังวล
Mercedes-Maybach EQS 680 SUV จำหน่ายในราคาเริ่มต้น 12,500,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สะท้อนถึงคุณค่าของความหรูหราที่ไร้ขีดจำกัด เทคโนโลยีล้ำสมัย และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เหมาะสำหรับนักธุรกิจผู้บริหารระดับสูง หรือครอบครัวที่ต้องการความโดดเด่นในทุกการเดินทาง พร้อมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างและยั่งยืน
Mercedes-Maybach S 580 e Premium: ซีดานไฮเอนด์ลักชัวรีกับความหรูหราแบบ Plug-in Hybrid
สำหรับผู้ที่ยังคงหลงใหลในความสง่างามเหนือกาลเวลาของซีดานหรู และต้องการผสานรวมประสิทธิภาพของพลังงานไฟฟ้าเข้ากับความสะดวกสบายของเครื่องยนต์สันดาป Mercedes-Maybach S 580 e Premium คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ ยนตรกรรมคันนี้คือการกลับมาพร้อมตัวถังสีทูโทนใหม่ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ Maybach ในรูปแบบ Local Production ที่มอบความพิเศษและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับลูกค้าชาวไทย
สัญลักษณ์แห่งความสง่างาม: S-Class คือมาตรฐานของซีดานหรู และเมื่อผสานเข้ากับปรัชญาของ Maybach ก็ยิ่งยกระดับความหรูหราขึ้นไปอีกขั้น การออกแบบภายนอกยังคงความคลาสสิกของ S-Class ไว้อย่างครบถ้วน เพิ่มความพิเศษด้วยรายละเอียดเฉพาะของ Maybach เช่น กระจังหน้าโครเมียมลายละเอียด ล้ออัลลอยด์ดีไซน์พิเศษ และที่สำคัญคือตัวถังสีทูโทนที่กลับมาสร้างความประทับใจอีกครั้ง การจับคู่สีอย่างมีรสนิยมนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความประณีต แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของสถานะอันเหนือระดับที่ยากจะเลียนแบบ
ความสะดวกสบายระดับห้องโดยสารส่วนตัว: ภายในห้องโดยสารคือพื้นที่ส่วนตัวที่ออกแบบมาเพื่อการผ่อนคลายและการทำงานได้อย่างลงตัว เบาะที่นั่งหุ้มด้วยหนังคุณภาพสูงสุด พร้อมฟังก์ชันนวดปรับไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ ระบบควบคุมอุณหภูมิแบบแยกโซน ระบบฟอกอากาศ และแพ็คเกจ AIR-BALANCE สร้างบรรยากาศที่บริสุทธิ์และผ่อนคลาย ระบบมัลติมีเดีย MBUX พร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่และฟังก์ชันสั่งงานด้วยเสียงอันชาญฉลาด มอบความบันเทิงและการเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อ
ขุมพลัง Plug-in Hybrid เพื่อการขับขี่ที่เหนือกว่า: Mercedes-Maybach S 580 e Premium มาพร้อมระบบขับเคลื่อน Plug-in Hybrid ที่รวมเอาเครื่องยนต์สันดาปภายในอันทรงพลังเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง มอบทั้งความเงียบสงบในการขับขี่ด้วยไฟฟ้าในระยะทางที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน และพละกำลังที่เหลือเฟือสำหรับการเดินทางไกล การเปลี่ยนผ่านระหว่างโหมดไฟฟ้าและเครื่องยนต์เป็นไปอย่างราบรื่นแทบไม่รู้สึก ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับประสบการณ์การเดินทางที่ไร้ที่ติ และด้วยเทคโนโลยี Plug-in Hybrid นี้ ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 11,300,000 บาท Mercedes-Maybach S 580 e Premium จึงเป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหราสูงสุด ผสานกับเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน และความสะดวกสบายที่ไม่มีใครเทียบได้ในตลาดซีดานพรีเมียม
ตำนานที่ยังคงโลดแล่น: G-Class นิยามใหม่ของ King of Off-Road
G-Class หรือ “King of Off-Road” คือสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความท้าทายที่ยืนหยัดมานานกว่า 45 ปี และในปี 2025 นี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้สานต่อตำนานนี้ด้วยการนำเสนอทางเลือกใหม่ที่น่าตื่นเต้น ทั้งในรูปแบบพลังงานไฟฟ้า 100% และเครื่องยนต์ดีเซลที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ล่าสุด เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของแฟนพันธุ์แท้ G-Class
Mercedes-Benz G 580 with EQ Technology: เมื่อ “King of Off-Road” กลายเป็นไฟฟ้า 100%
นี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ G-Class สวมเสื้อคลุมแห่งพลังงานไฟฟ้า 100% พร้อมด้วย EQ Technology นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ยังคงรักษาจิตวิญญาณแห่งความแข็งแกร่งและสมบุกสมบันของ G-Class ไว้อย่างครบถ้วน แต่เพิ่มมิติใหม่ด้วยประสิทธิภาพและความเงียบสงบของการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
ดีไซน์ที่คุ้นเคยกับรายละเอียดใหม่: G 580 with EQ Technology ยังคงรักษารูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของ G-Class ไว้ได้อย่างชัดเจน ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมบึกบึนที่คุ้นตา แต่ได้เพิ่มรายละเอียดที่บ่งบอกถึงความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า เช่น กระจังหน้าดีไซน์เฉพาะของ EQ พร้อมไฟส่องสว่าง LED ที่เป็นเอกลักษณ์ และล้ออัลลอยด์ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ แต่ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแกร่ง ไฟท้าย LED ที่คมชัดและรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ปรับปรุงใหม่ ทำให้ G 580 with EQ Technology ดูทันสมัยยิ่งขึ้นโดยไม่ทิ้งกลิ่นอายของตำนาน
สมรรถนะออฟโรดที่ไม่เป็นรองใคร: หัวใจสำคัญของ G 580 with EQ Technology คือระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า 100% ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าถึง 4 ตัว แยกอิสระสำหรับแต่ละล้อ มอบพละกำลังและแรงบิดสูงสุดที่น่าทึ่งถึง 1,164 นิวตันเมตร ซึ่งนับเป็นตัวเลขแรงบิดที่สูงที่สุดของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ในปัจจุบัน แรงบิดมหาศาลนี้ไม่เพียงแต่ให้การออกตัวที่กระฉับกระเฉง แต่ยังมอบความสามารถในการปีนป่ายและพิชิตอุปสรรคได้อย่างเหนือชั้น ระบบ “G-Turn” ที่สามารถหมุนรถอยู่กับที่ได้ และ “G-Steering” ที่ช่วยลดรัศมีวงเลี้ยว ทำให้การขับขี่ออฟโรดเป็นไปอย่างคล่องตัวและสนุกสนานยิ่งขึ้น แบตเตอรี่ความจุสูงถูกติดตั้งไว้ในโครงสร้างป้องกันอย่างแน่นหนา เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งานในทุกสภาพพื้นผิว
ห้องโดยสารที่ผสานความหรูหราและความทนทาน: ภายในห้องโดยสารยังคงความหรูหราและสะดวกสบายตามแบบฉบับของ Mercedes-Benz ด้วยวัสดุคุณภาพสูง เทคโนโลยี MBUX ล่าสุด จอแสดงผลดิจิทัลคู่ และระบบเสียง Burmester® พร้อมทั้งยังคงไว้ซึ่งความทนทานและความพร้อมสำหรับการผจญภัย ด้วยรายละเอียดที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่สมบุกสมบัน
G 580 with EQ Technology เปิดตัว 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น STANDARD ราคาเริ่มต้น 9,500,000 บาท และรุ่น EDITION ONE ราคาเริ่มต้น 12,200,000 บาท โดยรุ่น EDITION ONE จะจำหน่ายจำนวนจำกัดเพียง 6 คันในประเทศไทย สะท้อนถึงความพิเศษและคุณค่าที่ไม่เหมือนใคร สำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์ออฟโรดที่เหนือชั้น พร้อมกับเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า
Mercedes-Benz G 450 d: พลังดีเซลที่ยังคงแข็งแกร่ง
สำหรับกลุ่มลูกค้าชาวไทยที่ยังคงหลงใหลในพละกำลังและความทนทานของเครื่องยนต์ดีเซล เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ตอบรับเสียงเรียกร้องด้วยการเปิดตัว Mercedes-Benz G 450 d ยนตรกรรม The new G-Class ที่มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลอันทรงประสิทธิภาพ
กลับสู่รากฐานแห่งพลัง: G 450 d ยังคงรักษารูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของ G-Class ที่ได้รับการยกย่องมาอย่างยาวนาน ด้วยดีไซน์ที่บึกบึน แข็งแกร่ง และเปี่ยมด้วยเสน่ห์เหนือกาลเวลา แต่ภายใต้รูปลักษณ์ที่คุ้นเคยนี้ ได้มีการปรับปรุงรายละเอียดภายนอกเล็กน้อยให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมด้วยไฟหน้าและไฟท้าย LED ที่ให้ความสว่างคมชัด และล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่ที่เสริมความดุดัน
เครื่องยนต์ดีเซลที่ผสานประสิทธิภาพและสมรรถนะ: หัวใจหลักของ G 450 d คือเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น มอบทั้งพละกำลังที่เหลือเฟือสำหรับการขับขี่ในทุกสภาพเส้นทาง และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่น่าประทับใจ ระบบส่งกำลังที่ปรับจูนมาเป็นอย่างดีช่วยให้การตอบสนองเป็นไปอย่างราบรื่นและฉับไว ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนทางเรียบหรือการลุยออฟโรดที่ท้าทาย แรงบิดที่มหาศาลของเครื่องยนต์ดีเซลยังคงเป็นจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ G 450 d เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่ต้องการความแข็งแกร่งและความทนทานในการเดินทางระยะไกล
ภายในที่หรูหราพร้อมลุย: ห้องโดยสารของ G 450 d ยังคงมอบความหรูหราและความสะดวกสบายตามมาตรฐานของ Mercedes-Benz ด้วยการใช้วัสดุคุณภาพสูง การตกแต่งที่ประณีต และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ระบบ MBUX พร้อมจอแสดงผลที่ใช้งานง่าย ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และเบาะที่นั่งที่รองรับสรีระอย่างดีเยี่ยม ช่วยให้ทุกการเดินทางเป็นไปอย่างผ่อนคลาย แม้ในเส้นทางที่สมบุกสมบันที่สุด
G 450 d จำหน่ายในราคาเริ่มต้น 12,200,000 บาท ถือเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการ G-Class ที่เปี่ยมด้วยพลังดีเซลอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมความสามารถในการลุยที่ไร้ขีดจำกัด และความหรูหราสะดวกสบายที่คู่ควรกับตำแหน่ง “King of Off-Road” ในตำนาน
ที่สุดแห่งซีดานหรูและรถแวนอเนกประสงค์: ความสมบูรณ์แบบในทุกการเดินทาง
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นไปที่การปฏิวัติยานยนต์ไฟฟ้า หรือการสานต่อตำนานออฟโรดเท่านั้น แต่ยังคงยกระดับมาตรฐานในเซกเมนต์ซีดานหรูและรถแวนอเนกประสงค์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่มองหาความสมบูรณ์แบบในทุกรูปแบบการใช้งาน
Mercedes-Benz S 580 e AMG Premium: ความหรูหราที่ผสานสมรรถนะสไตล์สปอร์ต
Mercedes-Benz S-Class ยังคงเป็นมาตรฐานของยานยนต์ลักชัวรีซีดานมาโดยตลอด และ S 580 e AMG Premium ก็ได้ยกระดับมาตรฐานนั้นไปอีกขั้น ด้วยการผสมผสานความหรูหราขั้นสูงสุดเข้ากับสมรรถนะที่เร้าใจและเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ที่ทันสมัย มอบความครบเครื่องในทุกมิติของการเดินทาง
ดีไซน์ที่สง่างามพร้อมความสปอร์ต: ภายนอกของ S 580 e AMG Premium โดดเด่นด้วยชุดแต่ง AMG รอบคัน ที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและดุดันยิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างามตามแบบฉบับของ S-Class ล้ออัลลอยด์ AMG ขนาดใหญ่ และรายละเอียดการตกแต่งที่พิถีพิถัน สะท้อนถึงรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์ ไฟหน้า DIGITAL LIGHT ที่ให้ความสว่างและสามารถปรับรูปแบบการส่องสว่างได้ตามสภาพถนน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความโดดเด่นยามค่ำคืน
ห้องโดยสารที่ประดุจงานศิลปะ: ภายในคืออาณาจักรแห่งความสะดวกสบายและเทคโนโลยีล้ำสมัย เบาะที่นั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa คุณภาพสูง พร้อมฟังก์ชันนวดและการปรับไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ ระบบ MBUX ล่าสุดพร้อมจอแสดงผล OLED ขนาดใหญ่ มอบประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นและอินเทอร์แอคทีฟ ระบบเสียง Burmester® 3D surround sound system สร้างมิติเสียงที่คมชัด ระบบไฟ Ambient Light แบบ Active ที่สามารถปรับเปลี่ยนสีสันและรูปแบบได้ตามอารมณ์เพลงหรือโหมดการขับขี่ ช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและมีชีวิตชีวา ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีฟังก์ชัน ENERGIZING COMFORT ที่ช่วยดูแลสุขภาพและความผ่อนคลายของผู้โดยสารได้อย่างครบวงจร
สมรรถนะ Plug-in Hybrid ที่เหนือชั้น: S 580 e AMG Premium มาพร้อมระบบขับเคลื่อน Plug-in Hybrid ที่รวมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าอันทรงพลัง มอบพละกำลังรวมที่ยอดเยี่ยมและการตอบสนองที่ฉับไว สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ได้ในระยะทางที่น่าประทับใจ เพื่อการเดินทางที่เงียบสงบและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเมืองใหญ่ และเมื่อต้องการพละกำลังสูงสุด เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น มอบอัตราเร่งที่น่าประทับใจ
เทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ที่เหนือระดับ: จุดเด่นสำคัญที่เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ที่มากขึ้นคือ “ระบบควบคุมทิศทางตัวรถแบบเลี้ยว 4 ล้อ (Rear axle steering 4.5°)” ที่ช่วยให้ S 580 e AMG Premium มีความคล่องตัวในการขับขี่ในเมืองและเพิ่มความมั่นคงขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง ทำให้การเลี้ยวหรือกลับรถในพื้นที่แคบเป็นเรื่องง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้ ระบบความปลอดภัยขั้นสูงอย่าง Driving Assistance Package ยังช่วยให้ทุกการเดินทางเป็นไปอย่างอุ่นใจ
S 580 e AMG Premium จำหน่ายในราคา 7,580,000 บาท เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้บริหารและผู้ที่มองหาซีดานหรูที่ผสานความสปอร์ต เทคโนโลยีล้ำสมัย และความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
Mercedes-Benz V 300 d Exclusive: รถแวนลักชัวรี่สำหรับครอบครัวและนักธุรกิจ
สำหรับการเดินทางที่ต้องการพื้นที่กว้างขวาง ความสะดวกสบายระดับเฟิร์สคลาส และความยืดหยุ่นในการใช้งาน Mercedes-Benz V 300 d Exclusive คือคำตอบที่ใช่ รถแวนระดับลักชัวรี่ 6 ที่นั่ง รุ่นนำเข้ามาตรฐานยุโรปนี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งการเดินทางแบบครอบครัวและการใช้งานในทางธุรกิจได้อย่างลงตัว
ดีไซน์ภายนอกที่หรูหราแต่ใช้งานได้จริง: V 300 d Exclusive มีดีไซน์ภายนอกที่เน้นความหรูหราและสง่างาม ด้วยเส้นสายที่พลิ้วไหว ไฟหน้าและไฟท้าย LED ที่ทันสมัย และล้ออัลลอยด์ดีไซน์เฉพาะ แม้จะเป็นรถแวน แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความพรีเมียมและภูมิฐานที่บ่งบอกถึงความเป็น Mercedes-Benz ได้อย่างชัดเจน ประตูเลื่อนไฟฟ้าทั้งสองข้างช่วยให้การเข้า-ออกสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ห้องโดยสารที่มอบความสะดวกสบายระดับ First-Class: ภายในคือจุดเด่นของ V 300 d Exclusive ด้วยการจัดวางแบบ 6 ที่นั่งที่ให้ความรู้สึกกว้างขวางและเป็นส่วนตัว เบาะที่นั่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลังได้รับการออกแบบให้เป็นแบบ Captain Seats พร้อมฟังก์ชันปรับไฟฟ้า ระบบทำความร้อนและระบายอากาศ ให้ความรู้สึกสบายประดุจที่นั่งชั้นธุรกิจบนเครื่องบิน วัสดุภายในที่คัดสรรมาอย่างดี ทั้งหนังและลายไม้ สร้างบรรยากาศที่หรูหราและอบอุ่น ระบบ MBUX พร้อมจอแสดงผลขนาดใหญ่ ช่วยให้การควบคุมความบันเทิงและข้อมูลต่างๆ เป็นไปอย่างง่ายดาย ระบบปรับอากาศ THERMOTRONIC ที่ควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ สร้างความเย็นสบายตลอดการเดินทาง นอกจากนี้ ยังมีช่องเก็บของอเนกประสงค์และโต๊ะพับเก็บได้ ที่ตอบโจทย์การใช้งานทั้งในรูปแบบครอบครัวและการทำงานระหว่างเดินทาง
สมรรถนะที่ทรงพลังเพื่อทุกไลฟ์สไตล์: V 300 d Exclusive มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลที่ได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะที่ทรงพลังยิ่งขึ้น มอบการขับขี่ที่นุ่มนวล เงียบสงบ และประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยแรงบิดที่สูง ทำให้การเร่งแซงเป็นไปอย่างมั่นใจ แม้จะมีผู้โดยสารเต็มคันหรือบรรทุกสัมภาระเต็มที่ ระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับจูนมาเป็นอย่างดี ช่วยดูดซับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนน ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและสบาย ระบบความปลอดภัยครบครันช่วยให้คุณมั่นใจในทุกเส้นทาง
ด้วยราคาจำหน่าย 5,820,000 บาท Mercedes-Benz V 300 d Exclusive จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ ผู้บริหาร หรือธุรกิจที่ต้องการรถยนต์อเนกประสงค์ที่มอบความหรูหรา ความสะดวกสบาย และประสิทธิภาพในการใช้งานสูงสุด
สรุป: นิยามใหม่แห่งอนาคตของความหรูหราจากเมอร์เซเดส-เบนซ์
มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้กล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมพรีเมียมระดับโลก โดยการเปิดตัวยนตรกรรมทั้ง 6 รุ่นในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเลิศในทุกด้านของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างแท้จริง
“ในทุกการรังสรรค์ เราตั้งใจมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้าเสมอ” มร. ชเวงค์ กล่าว “แบรนด์ Mercedes-Maybach และรถยนต์กลุ่ม S-Class ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหราแบบร่วมสมัย ด้วยการตกแต่งภายในสุดประณีต เทคโนโลยีล้ำสมัย และการออกแบบที่เหนือกาลเวลา เราเชื่อว่า Maybach EQS SUV และ Maybach S 580 e Premium จะมอบความสง่างามที่ยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาที่สุดแห่งความพิเศษ”
สำหรับรถยนต์กลุ่ม G-Class นั้น มร. ชเวงค์ ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของมรดกอันยิ่งใหญ่ที่ผสานเข้ากับนวัตกรรม “G-Class เป็นตัวแทนของขุมพลังและมรดกอันยิ่งใหญ่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมตอกย้ำถึงความสง่างามที่มาพร้อมความแข็งแกร่งและสมรรถนะขั้นสูง การเปิดตัว G 580 with EQ Technology แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของเราในการนำ G-Class สู่ยุคไฟฟ้า โดยยังคงจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยไว้อย่างครบถ้วน ในขณะที่ G 450 d ก็ยังคงเป็นคำตอบสำหรับแฟนพันธุ์แท้ที่ชื่นชอบพลังดีเซล”
และสำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่กว้างขวางในการใช้งาน มร. ชเวงค์ ได้กล่าวถึงรถแวนอเนกประสงค์ V-Class ว่า “เรายังได้นำเสนอรถแวนอเนกประสงค์ในกลุ่ม V-Class ที่เหมาะสำหรับกลุ่มครอบครัวและกลุ่มนักธุรกิจ พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานที่หลากหลาย มอบความสะดวกสบายระดับ First-Class ที่หาได้ยากในเซกเมนต์นี้”
การเปิดตัวยนตรกรรมทั้ง 6 รุ่นนี้ จึงไม่ใช่เพียงแค่การนำเสนอรถยนต์ใหม่ แต่เป็นการประกาศถึงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในปี 2025 ที่ยังคงยึดมั่นในการมอบที่สุดแห่งความหรูหรา นวัตกรรม และความยั่งยืนให้กับลูกค้าทั่วโลก และในประเทศไทย ผู้ที่หลงใหลในความสมบูรณ์แบบเหล่านี้ สามารถสัมผัสประสบการณ์จริงและเป็นเจ้าของยนตรกรรมระดับโลกเหล่านี้ได้แล้ววันนี้ การเดินทางสู่ความหรูหราแห่งอนาคตได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และเมอร์เซเดส-เบนซ์ คือผู้ที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความสง่างามที่แท้จริง

