เครื่องยนต์ Nissan Almera 2023
เครื่องยนต์รหัส HRA0 เบนซิน 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ขนาด 1.0 ลิตร 999 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 72.2 x 81.3 มิลลิเมตร กำลังอัด 9.5 : 1 พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger พร้อม Intercooler กำลังสูงสุด 100 แรงม้า (PS) ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 152 นิวตันเมตร ที่ 2,400 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ XTronicCVT พร้อม D-Step Logic ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับน้ำมันสูงสุด Gasohol E20 ความจุถังน้ำมัน 35 ลิตร
ระบบกันสะเทือน
ช่วงล่างด้านหน้า เป็นแบบอิสระ MacPherson Strut พร้อม Coil Spring จาก Tokico และ เหล็กกันโคลง
ช่วงล่างด้านหลัง เป็นแบบคานบิดกึ่งอิสระ Torsion Beam พร้อม Coil Spring จาก Tokico และเหล็กกันโคลง
การทดสอบ
สำหรับ Nissan Almera Minorchange 2023 นี้มีจุดเด่นที่ถูกซ่อนอยู่หลายอย่าง หลายท่านอาจจะรู้สึกว่ามีการปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย แต่จริงๆแล้วในการปรับโฉมในครั้งนี้มีการปรับเพิ่มในหลายจุด ตั้งแต่ภายนอกที่ได้รับการออกแบบตั้งแต่กระจังหน้าใหม่ดีไซน์แบบ V-Motion ที่ดูมีความทั้งสมัยและมีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญมีชุดแต่งให้เลือกถึง 3 แบบจากโรงงาน
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่คุณสามารถมารเลือกชุดแต่งที่แตกต่างกันถึง 3 แบบจากโรงงานได้ที่ไม่เคยมีใครให้มาก่อน จุดเด่น สำหรับชุดแต่ง ที่ทำให้ตัวรถดูโดดเด่นขึ้นมีความสปอร์ตทั้งภายนอกที่ทุกจุดถูกติดตั้งจากโรงงานทำให้มั่นใจในคุณภาพได้พร้อมได้รับการรับประกันจากโรงงานด้วยรวมไปถึงราคาที่ไม่แพงมากรวมไปกับค่าผ่อนรถด้วย ยิ่งทำให้เราตัดสินใจได้ง่าย

อีกจุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้ กับสีใหม่ สีเทา เกรย์ สกาย เพิร์ล (Gray Sky Pearl) ที่ใช้ในการเปิดตัวเป็นสีที่ทำให้ตัวรถเด่นขึ้นมาก หลายท่านอาจจะเห็นจากในรูปแล้วให้ความรู้สึกไม่ได้ต่างจากสีปกติ แต่ในความเป็นจริงกับสีจริงที่ตัวรถ ซึ่งสีเทาใหม่นี้จะเหมือนเปลี่ยนเฉดสีเองได้ ช่วงเวลาสถานที่และมุมที่มอง โดยจะออกเงาเฉดสีม่วง เมื่อมองในขณะที่แสงน้อย แต่จะออกโทนสีฟ้ามากขึ้นถ้าอยู่ในที่ที่มีแสงแดดจัด และเมื่อมองจากระยะไกล จะเห็นเป็นสีทึบ แต่ถ้าเข้ามาใกล้จะมองเห็นเงาประกายมุกที่ซ่อนอยู่ ซึ่งทำให้สีของภายนอกมีสีเหลือบหลายเฉด ซึ่งองค์ประกอบทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้ NISSAN ALMERA ใหม่ โดดเด่นขึ้นอีก
เข้ามานั่งในรถกับการตกแต่งใหม่ คอนโซลรถที่ได้รับการปรับเปลี่ยนวัสดุหนังให้มีสีสันที่สวยงามมากขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มอุปการณ์ที่ในปัจจุบันเรียกว่าเป็นสิ่งจำเป็นของรถก็ว่าได้ไม่ว่าจะเป็น ที่ชาร์จแบบไร้สาย Wireless Charger ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตคนยุคดิจิทัล ตัวช่วยในการขับขี่ เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ที่ทำให้ทุกการเดินทางระยะไกลสบายมากยิ่งขึ้น


