Toyota Yaris ATIV HEV
Toyota Yaris ATIV HEV ประกาศราคาอย่างเป็นทางการ 2 รุ่นย่อย
– HEV Premium 719,000 บาท
– HEV GR SPORT 769,000 บาท
* ราคาพิเศษแนะนำช่วงเปิดตัว วันนี้ – 31 ธันวาคม 2025 หลังจากนั้นจะปรับขึ้นรุ่นละ 10,000 บาท เป็น 729,000 – 779,000 บาท
มาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ จาก โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ดังนี้
รับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 5 ปี หรือ 150,000 km.
รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด นาน 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
มิติตัวถัง Yaris ATIV HEV
ยาว 4,425 – 4,440 มิลลิเมตร
กว้าง 1,740 มิลลิเมตร
สูง 1,480 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ wheelbase 2,620 มิลลิเมตร
ระยะต่ำสุดถึงพื้น ground clearance 160 มิลลิเมตร
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 4.8 – 5.2 เมตร
ความจุถังน้ำมัน 36 ลิตร
โตโยต้าไม่รอช้าที่จะจัดทดสอบเพื่อให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่มีการปรับเปลี่ยนจากเดิมที่หลายคนอาจจะมองแค่เรืองเครื่องยนต์ แต่จริงๆแล้วพอได้ฟังในรายละเอียดลึกๆต้องบอกเลยว่ามีการปรับเปลี่ยนในหลายจุดมาก เป็นที่รู้ดี Yaris ATIV HEV มีเครื่องยนต์พื้นฐานเดียวกับ yaris cross ทำให้พละกำลังเท่ากัน หัวใจสำคัญในการเปลี่ยนแปลง
– ในจริงๆแล้วมีการปรับแต่งในบางส่วนของเครื่องยนต์ มีการปรับแต่งการไหลของอากาศใหม่ , ปั๊มน้ำใหม่ทำให้เก็บความร้อนเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มการจุดระเบิดให้ดียิ่งขึ้น พร้อมจูน ECU ทั้งหมดนี้ทำให้อัตราการประหยัดดียิ่งขึ้นแต่ไม่ได้เพิ่มแรงม้าแต่อย่างไร
– ตัวถังในส่วนของด้านหลังยกมาจาก yaris cross แล้วเสริมความแข็งแรงให้ตัวถัง
– ปรับจูนช่วงล่างใหม่เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น 100 kg ในรุ่น Premium 120 kg ในรุ่น GR SPORT (ปรับจูนพวงมาลัย) ซึ่งทั้งสองรุ่นปรับจูนแตกต่างกัน
การทดสอบ Yaris ATIV HEV
ทางโตโยต้า ได้จัดให้มีการทดสอบ Yaris ATIV HEV ใหม่ บนเส้นทาง กรุงเทพฯ – ระยอง – พัทยา ออกจากกรุงเทพฯ รถที่เราได้ใช้ในการทดสอบเริ่มจากรุ่น GR SPORT ที่มีการปรับมากที่สุดเริ่มจากการเป็นผู้นั่งก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่างจากรุ่น 1.2 เป็นอย่างมากการเก็บอาการหลุมบ่อต่างๆบนถนนที่ไม่เรียบบอกได้เลยว่าเอาอยู่แบบสบายๆ ทางโตโยต้าแจ้งว่าจะมีความแข็งกระด่างมากสุด แต่เมื่อเป็นผู้โดยสารก็ไม่ได้รู้สึกว่าแข็งเกินไป พอถึงระยองสลับเป็นผู้ขับขี่ บ้างรู้สึกได้ทันทีถึงช่วงล่างที่เปลี่ยนไปมีความกระชับเป็นอย่างมากเรียกได้ว่าพอดีสำหรับสายซิ่ง ในส่วนของพวงมาลัยก็ปรับจูนมากำลังพอดีไม่หนักจนเกินไป รู้สึกดีมากในความเร็วสูง
แต่สิ่งที่น่าประทับใจและไม่คิดว่าจะเกิดกับรถขนาดเล็กคือ ชุดแต่งที่เรียกได้ว่าไม่ได้มีเอาไว้เพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียวแต่กลับช่วงในเรื่องการขับขี่อีกด้วยในความเร็วสูงที่ใช้ความเร็วเกิน 100 กม./ชม. ชุดแต่งจะเพิ่มแรงกดอากาศเพิ่มขึ้นประมาณ 30% ทำให้รถยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น ถ้าเขาใจง่ายๆคือ เมื่อคุณวิ่งในความเร็ว 120 กม./ชม. การขับขี่จะให้ความรู้สึกสบายๆรถจะนิ่งยึดเกาะถนนได้ดี ถ้าเทียบกับตัว 1.2 วิ่งในความเร็วเดียวกันจะรู้สึกกังวลใจมากกว่า กำพวงมาลัยแน่น นั้นคือสิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
ในส่วนอัตราเร่งต่างๆนั้นไม่ได้โดดเด่นอะไรมากมายนักเพราะการออกแบบเครื่องยนต์เน้นในเรื่องอัตราการประหยัดน้ำมันมากกว่า ซึ่งถ้าวิ่งแบบทำตัวเลขจะทำได้ถึง 32 km/L เลยทีเดียว แต่ถ้าวิ่งแบบไม่สนใจก็ยังอยู่ที่ 24-25 km/L เลยทีเดียวซึ่งทำได้ดีมากๆตามที่เคลมเอาไว้จากโรงงานที่สามารถทำได้ 29.4km/L ถือว่าเป็นจุดเด่น
มาถึงฝั่งในรุ่นตัว Premium ซึ่งจะต่างจากตัว GR SPORT มากน้อยแค่ไหน ในเรื่องเครื่องยนต์นั้นไม่ต่างกันเลยให้อัตราเร่งพอๆกันแต่อัตราประหยัดก็ดีกว่าเล็กน้อยเพราะล้อที่เล็กกว่า แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือ ช่วงล่างที่ปรับแต่งไม่เหมือนกันเลยเรียกได้ว่าชัดเจน Premium เน้นนุ่มนวลขับขี่ไปเรื่อยๆไม่ต้องแรงแข่งกับใครน้ำหนักพวงมาลัยเบาเหมาะกับสาวสายประหยัด
แต่ถามว่าต่างกับในรุ่นเครื่องยนต์ 1.2 หรือไม่ บอกเลยว่าแตกต่างกันเพราะช่วงล่างที่มีความแข็งเพิ่มขึ้นทั้งโช้คและสปริงทำให้การขับขี่นั้นแตกต่างกัน ในเรื่องพละกำลังบอกเลยว่าไฮบริดทำได้ดีกว่าอย่างแน่นอนแบบไม่ต้องลุ้นกันเลย
