Fisker Alaska vs. Tesla Cybertruck รถกระบะ EV คันไหนดี??
Tesla Cybertruck มีหนาวหลัง Fisker เปิดตัว Alaska รถกระบะพลังงานไฟฟ้า ซึ่งกำลังเป็นที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมขณะนี้ โดย Henrik Fisker มุ่งไปที่กลุ่มเป้าหมายผู้ที่ต้องการรถกระบะพลังงานไฟฟ้าล้วนระดับหรูหรา เราจึงได้นำเอาข้อมูลของทั้ง 2 ค่าย มาเปรียบเทียบกันว่าคันไหนจะดีที่สุดในแง่ของการใช้งานและความคุ้มค่า
ชื่อเสียงในการผลิตรถกระบะ
Fisker ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ OE EV รุ่นใหม่ล่าสุดในทางเทคนิคนั้นยังไม่มีสถิติที่แท้จริงที่จะยืนหยัดได้ แต่การใช้โรงงานที่ Magna Steyr ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับ OE EV ซึ่งหากจะเคลมในเรื่องของการผลิตรถยนต์ตามสั่ง Fisker ก็สามารถที่จะผลิต BMW 5-series และ Mercedes-Benz G-Wagen และจัดแสดงบนพื้นที่คาบมหาสมุทรได้สำเร็จ
และหากพูดถึงชื่อ (เสีย) ของ Tesla นั่นก็คือความพอดีและความสมบูรณ์ของรุ่นการผลิตที่มีแต่ความสงสัยว่า จะสามารถเกิดขึ้นจริงได้หรือ? ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย ระบบส่งกำลังไปจนถึงการซีลและปัญหาด้านโครงสร้างต่างๆ นานา ที่ส่งผลให้เกิดความล่าช้า ที่กำลังสร้างปัญหาให้กับแบรนด์ Tesla


เทียบกันในเรื่องของราคา
มาถึงเรื่องที่ผู้คนจำนวนมากต้องการทราบ ว่ารถกระบะไฟฟ้าพวกนี้มีราคาเท่าไหร่กันแน่นะ? และคันเดียวที่ยังไม่มีคำตอบให้ก็คือ Tesla Cybertruck แต่เรามาทำการคาดเดากัน ซึ่งหากเทียบดูกับ Model Y Performance นำมารวมกับ คุณสมบัติพิเศษที่มีอยู่ใน Cybertruck อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีราคาเริ่มต้นที่ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,100,000 บาท
สำหรับ Fisker Alaska มีราคาเริ่มต้นที่ 45,400 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,589,000 บาท และคาดว่าจะเริ่มส่งมอบในปี 2025 ซึ่งเป็นไปได้สูงมากว่า Fisker Alaska อาจเป็นรถกระบะไฟฟ้าล้วนที่ราคาถูกที่สุดในตลาด แม้ว่า Ford F-150 Lighting Pro จะเปิดราคามาที่ 51,990 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,819,650 บาท ซึ่งถูกที่สุดในขณะนี้ก็ตาม



บทสรุป
หากต้องเลือกผู้ชนะจากรถกระบะทั้งสองคันนี้ คิดว่าตอนนี้น่าจะเป็น Fisker Alaska หากผลิตที่โรงงาน Magna Styer ที่มีคุณภาพการผลิตที่สูงเช่นเดียวกับในรุ่นก่อนหน้านี้ ซึ่งหมายความว่าด้วยราคานี้ เราจึงได้ความคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป แม้อาจจะมีข้อโต้แย้งบ้างในเรื่องของความน่าเชื่อถือก็ตาม แต่ด้วยประวัติที่ไม่สดใสของ Tesla รวมถึงตัวเลขที่ออกมาเคลมว่าสามารถวิ่งได้ไกลถึง 500 ไมล์ หรือประมาณ 804 กิโลเมตร ที่อาจจะไม่เป็นไปตามที่พูด แต่ข้อได้เปรียบหนึ่งอย่างที่มองเห็นคือ ผู้ผลิตรายอื่นๆ จำนวนมากกำลังกระโดดเข้ามาสู่มาตรฐาน NACS ของ Tesla ก็ต้องมาดูกันอีกทีตอนที่ทั้งสองคันเข้าสู่สายการผลิตจริงในอนาคต

