โดย Countryman มีพื้นฐานแพลตฟอร์มจาก UKL ของ BMW Group ที่ได้รับการปรับปรุง ซึ่งเป็นรากฐานของ BMW X1/iX1 เจเนอเรชันที่ 3 และ BMW 2-Series Active Tourer เจเนอเรชันที่ 2 นั่นทำให้ Mini สามารถนำเสนอขุมพลังไฟฟ้าและเลือกที่จะเปิดตัว Countryman รุ่นใหม่ในรูปแบบพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบก่อน โดยใช้ชื่อเล่น E และ SE





MINI Countryman E (FWD) มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงตัวเดียวที่ด้านหน้า ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้าและแรงบิด 250 นิวตันเมตร
อัตราเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใน 8.6 วินาที
ทำความเร็วสูงสุดที่ 170 กม./ชม.
พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 64.7 kWh ที่วิ่งได้ไกลถึง 462 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตราฐานการทดสอบ WLTP
MINI Countryman SE ALL4 (AWD) มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้าและแรงบิด 495 นิวตันเมตร
อัตราเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใน 5.6 วินาที
ทำความเร็วสูงสุดที่ 180 กม./ชม. พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 64.7 kWh ที่วิ่งได้ไกลถึง 462 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตราฐานการทดสอบ WLTP
ด้วยการใช้ประโยชน์จากตัวถังที่กว้างขึ้นเล็กน้อยและระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น วิศวกรของ Mini ตั้งเป้าไปที่การขับขี่ได้แบบสปอร์ต แต่ก็สะดวกสบาย แม้จะมีตัวถังที่ใหญ่โตก็ตาม นอกเหนือจากการตั้งค่ามาตรฐานแล้ว ยังมีระบบช่วงล่างแบบปรับได้ ซึ่งช่วยให้รถใกล้พื้นมากขึ้น 15 มม.
Mini ได้ติดตั้งระบบ ADAS ระดับ 2 ใน Countryman ซึ่งรวมถึงระบบที่ซับซ้อน เช่น ความสามารถในการขับขี่แบบแฮนด์ฟรีบนเส้นทางเฉพาะที่ความเร็วสูงสุด 60 กม./ชม. และระบบจอดรถอัตโนมัติ





