GWM POER SAHAR HEV 2025 มาพร้อมกัน 2 รุ่น ได้แก่
- รุ่น 2.0T HEV PRO DOUBLE CAB AUTO
- รุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD
GWM POER SAHAR HEV 2025 มี 3 สี ได้แก่
- สีขาว (Hamilton White)
- เทา (Ayers Gray)
- สีดำ (Sun Black)
สีรถภายในมีให้เลือก 1 สี คือ
- สีดำ Jade Black
มิติรถยนต์
GWM POER SAHAR HEV 2025 มาพร้อมกับมิติตัวรถ
- ความยาว 5,445 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,991 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,924 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 3,350 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อซึ่งนับว่ายาวที่สุดในตลาดรถกระบะในปัจจุบัน ระยะความสูงใต้ท้องรถ 224 มิลลิเมตร ระยะห่างของล้อคู่หน้าและหลัง 1,635 มิลลิเมตร อีกทั้งยังมาพร้อมกับความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ให้มาถึง 75 ลิตร และความสามารถในการลุยน้ำได้ถึง 800 มิลลิเมตรอีกด้วย แม้ว่าการออกแบบภายนอกจะเพรียบพร้อมไปด้วยความหรูหรา แต่ยังแฝงไปด้วยจิตวิญญาณของนักผจญภัยเพื่อพาเหล่าผู้ขับขี่ออกลุยได้ในทุกสถานการณ์ ทุกสภาพถนน
ขุมพลัง GWM POER SAHAR HEV 2025
GWM POER SAHAR HEV มาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริด 2.0 ลิตร เครื่องยนต์เบนซินพร้อมระบบเทอร์โบแปรผันที่มอบพละกำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์ หรือ 244 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ผสานขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่มอบพละกำลังสูงสุด 78 กิโลวัตต์ หรือ 106 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 268 นิวตันเมตร นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection และปริมาตรกระบอกสูบที่ให้ความจุมาถึง 1,998 ซีซี
- รุ่น 2.0T HEV PRO DOUBLE CAB AUTO มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ถึง 3 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต และโหมดประหยัด
- รุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD ที่มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกถึง 5 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมดขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วต่ำ (4L) และโหมดขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง (4H)
นอกจากนี้ทั้ง 2 รุ่นยังมาพร้อมกับระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent) อีกด้วย GWM POER SAHAR HEV ทั้ง 2 รุ่น มีระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9HAT) ร่วมกับ ระบบขับเคลื่อน AWD Dual Speed (เฉพาะรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD) ซึ่งเป็นระบบการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูงเหมาะสำหรับการขับขี่ในทุกสภาพพื้นผิวได้อย่างเต็มรูปแบบ
ระบบล็อกเฟืองขับ (Electric Differential Lock) เฉพาะด้านหลัง สำหรับรุ่น 2.0T HEV PRO DOUBLE CAB AUTO ระบบล็อกเฟืองขับ (Electric Differential Lock) ทั้งด้านหน้าและด้านหลังในรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD เพิ่มสมรรถนะในการยึดเกาะพื้นผิวได้อย่างเหนือชั้นเอาใจนักผจญภัยสายออฟโรดได้อย่างลงตัว
- ระบบช่วงล่างที่มาพร้อมกับ ระบบกันสะเทือนหน้าแบบดับเบิลวิชโบน (Double Wishbones) และระบบกันสะเทือนหลังแบบแหนบ ใน GWM POER SAHAR HEV ทั้ง 2 รุ่น
- ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าที่จะช่วยให้ทุกการขับขี่ง่ายดายยิ่งขึ้นด้วย ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าแปรผันตามความเร็ว รวมถึง โหมดช่วยผ่อนแรงพวงมาลัย ที่ให้มาถึง 3 โหมด ได้แก่ โหมดเบา โหมดสบาย และโหมดสปอร์ต อีกทั้งยังมี ระบบเบรกหน้าและหลังแบบดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน ที่ช่วยให้สามารถระบายความร้อนและระบายน้ำได้เป็นอย่างดี รวมถึงสามารถตอบสนองต่อการหยุดรถได้ดีอีกด้วย
อุปกรณ์ภายนอก GWM POER SAHAR HEV 2025
- ไฟหน้า LED อัจฉริยะ ให้ความสว่างที่จะมอบความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ตลอดเส้นทาง ทั้งระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home) ร่วมกับระบบไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED (DRL – Daytime Running Light) ระบบไฟตัดหมอกด้านหน้า-หลังแบบ LED (เฉพาะรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD) และระบบไฟท้ายแบบ LED
- ฝาท้ายอัจฉริยะ ที่สามารถเปิด-ปิดได้ถึง 2 รูปแบบ ร่วมกับระบบผ่อนแรง เฉพาะรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD ควบคุมได้ง่าย ๆ เพียงสัมผัสแค่ปลายนิ้ว รองรับการใช้งานทุกรูปแบบ
- ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ขนาด 265/60 R18 พร้อมกับล้ออะไหล่ มอบความพรีเมียมผสานกับดีไซน์ภายนอกของตัวรถได้เป็นอย่างดี
- เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานมากยิ่งขึ้น ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันเสริมอีก 5 รายการ ไม่ว่าจะเป็น กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว ที่จะทำให้คุณหมดกังวลขณะขับขี่ หรือจอดรถในทั้ง 2 รุ่นย่อย พร้อมระบบจดจำตำแหน่งอัจฉริยะและระบบปรับระดับอัตโนมัติขณะถอยหลัง ที่มีเฉพาะในรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าอัตโนมัติ ไม่เพียงแต่เพิ่มความสะดวกสบายขณะขับขี่ท่ามกลางสายฝนเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้สมาธิไปกับการควบคุมรถได้อย่างเต็มที่ ราวหลังคาที่ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มพื้นที่วางของบนหลังคารถ โดยไม่ทำให้รถเสียหาย เสาอากาศแบบครีบฉลาม นอกจากจะทำหน้าที่เพิ่มสัญญาณการสื่อสารในรถให้ดีมากขึ้นแล้ว ยังช่วยลดความต้านทานของอากาศในขณะขับขี่ และบันไดข้าง นอกจากความสะดวกเวลาขึ้น-ลงรถแล้ว ยังสามารถปกป้องรถจาก โคลน ก้อนหิน เศษหิน และทราย ตามท้องถนน ที่มากระทบกับตัวรถได้อีกด้วย
