Rolls-Royce 3.0
ไม่ใช่ยุค 3G แต่อย่างใด แต่หมายถึงเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของระบบ Decentralised Intelligence ที่เป็นเสมือนจุดเริ่มต้นยุคของ Rolls-Royce 3.0 ซึ่งในยุคแรกของ Goodwood-era หรือ Rolls-Royce 1.0 นั่นก็คือรุ่น Phantom ที่เปิดตัวในช่วงปี 2546 มาพร้อมกับจุดเด่นเชิงสถาปัตยกรรม Bespoke ต่อมาทางแบรนด์ได้รังสรรค์ Rolls-Royce 2.0 ที่ชูจุดเด่นในเรื่องของความหรูหรากับคอนเซปต์ “Architecture of Luxury” บนแพลตฟอร์มอะลูมิเนียมสเปซเฟรมที่ใช้เป็นพื้นฐานของรุ่น Ghost และ Cullinan ต่อมาก็มาถึงในยุคปัจจุบัน ยุคของ Spectre นั้นเอง

นอกจากนี้ Rolls-Royce Spectre ยังหยิบเอาเทคโนโลยีจากรุ่นพี่มาผสมผสานกัน อาทิ รุ่น Phantom กับนวัตกรรม Interior แบบ Bespoke รวมถึงหยิบเอาแพลตฟอร์มสถาปัตยกรรมแห่งความหรูหราจากในรุ่น Ghost และ Cullinan อีกทั้งยังเพิ่มความแข็งแกร่งของสเปซเฟรมอีก 30% ประกอบกันจนกลายมาเป็น “หนทางสู่อนาคต” คันนี้
ยนตรกรรมขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน
เหนือกว่าเทคโนโลยีไฮบริด ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์คู่ SSM หรือ Separately Excited Synchronous Motor ด้านหน้า 190 กิโลวัตต์ / 365 นิวตันเมตร ด้านหลัง 360 กิโลวัตต์ / 710 นิวตันเมตร เรียกว่ามีสมรรถนะที่ใกล้เคียงกับรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป ให้พละกำลัง 430 กิโลวัตต์ 584 แรงม้า มาพร้อมกับแรงบิด 900 นิวตันเมตร สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ได้ภายใน 4.5 วินาที

สำหรับระยะทางในการขับขี่ สามารถขับได้ไกล 530 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ทั้งนี้ทางผู้จัดจำหน่ายยังพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าในการติดตั้งระบบชาร์จไฟบ้าน ซึ่ง Rolls-Royce Spectre สามารถชาร์จไฟจาก 10-80% ได้ใน 34 นาที ผ่านการชาร์จไฟกระแสตรง (195 กิโลวัตต์-DC) และสามารถวิ่งได้ไกล 100 กิโลเมตร เมื่อผ่านการชาร์จไฟเพียง 9 นาทีเท่านั้น และสามารถชาร์จไฟจาก 0-100% ได้ภายใน 5 ชั่วโมง 30 นาที ผ่านการชาร์จไฟกระแสสลับ (22 กิโลวัตต์-AC) ซึ่งแบตเตอรี่ที่ใช้จะเป็น ลิเธียมไอออน102 กอโลวัตต์ชั่วโมง ผลิตจากแร่โคบอลต์และลิเธียมจากแหล่งผลิตที่มีการควบคุมเข้มงวดในออสเตรเลีย, โมรอคโค และอาร์เจนตินา ซึ่งเซลล?ภายในแบตเตอรี่ผลิตขึ้นด้วยพลังงานไฟฟ้าจากธรรมชาติ 100% พร้อมทำการทดสอบภายใต้อุณหภูมิสุดขั้วตั้งแต่ -40 องศาเซลเซียส ไปจนถึงร้อนจัดกว่า 50 องศาเซลเซียส ควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในทุกสภาวะ ผ่านระบบคอมพิวเตอร์อันชาญฉลาด

เทคโนโลยีและไฮไลท์อื่นๆ
แน่นอนว่ายังมีระบบเทคโนโลยีที่ยังไม่ได้กล่าวถึงอีกมากมาย อาทิ ระบบกักเก็บพลังงานจากการเบรก ซึ่งระบบจะทำงานเมื่อกดปุ่ม “B” บริเวณก้านควบคุม ซึ่งการใช้งานใน “Brake Mode” รถยนต์จะมีการหน่วงอัตโนมัติเมื่อยกคันเร่ง แต่หากเลือกโหมด “Low Recuperaion” การหน่วงเมื่อยกคันเร่งจะไม่มากนัก ทำให้คล้ายความรู้สึกเหมือนการขับรถยนต์เครื่องสันดาป

ระบบช่วงล่างพลานาร์ ที่ได้รับการพัฒนาต่อเนื่องจากี่เคยติดตั้งในรุ่น Ghost เป็นครั้งแรกโดยเป็นการทำงานร่วมกันหลายชิ้นส่วนอย่างพิถีพิถัน ที่เหมือนเป็น “ออเคสตร้า” ช่วยสร้างประสบการณ์การเดินทาง “Magic Carpet Ride” ให้ความรู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่บนพรมวิเศษ
ประตูอิเล็กทรอนิกส์ขนาดยาว 1.5 เมตร แบบไร้เสากลาง ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยทำมา ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวกในการเปิด-ปิด พร้อมฟังก์ชั่นพิเศษที่มีเฉพาะ Spectre เมื่อผู้ขับเหยียบเบรกประตูจะปิดเองโดยอัตโนมัติ

สุดท้ายกับระบบ SPIRIT สถาปัตยกรรมดิจิทัลที่ช่วยให้ผู้ครอบครองได้เชื่อมต่อกับรถยนต์ของตนอย่างใกล้ชิดกว่าที่เคย นอกเหนือจากการควบคุมฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ยังเป็นส่วนหนึ่งของแอพพลิเคชั่น Whispers ที่ช่วยให้สามารถสั่งการได้จากระยะไกล
Rolls-Royce Spectre คือรถยนต์ที่ลงตัวกับทุกยุคสมัย พร้อมกับการเป็นผู้กำหนดทิศทางสู่อนาคตภายใต้ปรัชญา “A Rolls-Royce first, and an eletric car second”


