มีสไตล์ที่โดดเด่น สวย พรีเมียมยิ่งขึ้น
ความแตกต่างจากในรุ่นก่อนเห็นได้อย่างชัดเจนจากกระจังหน้าโครเมียมแบบใหม่ มีฐานล้อยาวขึ้นจึงทำให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางขึ้น หากเทียบสัดส่วนใหม่จะกว้างขึ้น 14 มิลลิเมตร เป็น 1,890 มิลลิเมตร ยาวขึ้น 45 มิลลิเมตร เป็น 4,655 มิลลิเมตร (ในรุ่น PHEV จะยาว 4,670 มิลลิเมตร) แต่ปรับลดความสูงลงประมาณ 30 มิลลิเมตร เพื่อความทันสมัยและสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้น ในส่วนของระยะฐานล้อ ถูกขยายให้ยาวขึ้น 45 มิลลิเมตร เป็น 2,765 มิลลิเมตร มาพร้อมกับไฟหน้า LED ที่เพรียวบางลง ทำให้ดูโฉบเฉี่ยวและดุดันมากยิ่งขึ้น

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมกับเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออันยอดเยี่ยม รวมถึงความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้น มีการออกแบบที่ทันสมัย สวย พรีเมียม มีสไตล์ มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลอินโฟเทนเมนท์ความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว ติดตั้งระบบนำทางพร้อมอัปเดตการจราจรและสภาพอากาศแบบ Real Time รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Android Auto™ และ Apple CarPlay® สำหรับในรุ่นท็อปจะได้รับการติดตั้งกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360° และ Wireless Charger มาให้ด้วย สำหรับหน้าจอแสดงผลของคนขับจะเชื่อมต่อมาจากหน้าจออินโฟเทนเมนท์เลย มีขนาดเท่ากันคือ 12.3 นิ้ว สามารถปรับ Theme ความสว่าง และโหมดการแสดงผลได้ 3 โหมด รวมถึงแสดงแผนที่, ADAS, ข้อมูลการขับขี่ต่างๆ และการแสดงภาพยานพาหนะ สภาพแวดล้อมแบบ Real Time อีกด้วย


ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพระดับพรีเมียม ออกแบบให้มีบรรยากาศที่อบอุ่นและผ่อนคลายยิ่งขึ้น มาพร้อมกับรายละเอียดใหม่เล็กๆ น้อยๆ อาทิ พวงมาลัยสามก้าน สวิตช์เกียร์ และคันเกียร์ Shuttle Style แบบใหม่ และมีความจุของห้องเก็บสัมภาระเพิ่มขึ้น 44 ลิตร ทำให้มีขนาดความจุสูงสุดเท่ากับ 507 ลิตร มั่นใจได้ว่ามีพื้นที่เพียงพอสำหรับสิ่งของในชีวิตประจำวัน

ไฮไลท์สำคัญของ MG HS MY2025
MG ยังคงอัพเกรดคุณสมบัติสำคัญๆ หลายประการไม่ว่าจะเป็น ล้ออัลลอยลาย Diamond Cut ขนาด 19 นิ้ว ไฟตัดหมอกหน้า กระจกมองข้างปรับด้วยระบบไฟฟ้า เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง มาพร้อมระบบปรับอุณหภูมิและ Memory Seat ประตูท้ายเปิดด้วยระบบไฟฟ้า ติดตั้งกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360° ลำโพงรอบทิศทาง 8 ตัว และมี Vehicle-to-Load (หรือ V2L) ให้ในรุ่น PHEV
ติดตั้ง MG Pilot ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ มาพร้อมกับระบบเบรกฉุกเฉินแบบแอคทีฟ ระบบตรวจจับคนเดินถนนและจักรยาน ระบบช่วยรักษาเลนพร้อมระบบเตือนการออกนอกเลน ระบบตรวจจับจุดบอดพร้อมระบบช่วยเปลี่ยนเลน ระบบเตือนการชนด้านหน้า แจ้งเตือน Traffic Alert และ Door Open Warning และยังมี Adaptive Cruise Control, Traffic Jam Assist และระบบช่วยจำกัดความเร็วอัจฉริยะ ติดตั้งเสริมขึ้นมาจากรุ่นเดิมให้ด้วย

MG HS เจเนอเรชันใหม่ โมเดลปี 2025 มีสีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ White Pearl, Black Pearl, Sterling Silver Metallic, Hampstead Grey Metallic และ Dynamic Red Tri-Coat และมาพร้อมกับสีภายในสีแทนใหม่ เพิ่มความแตกต่างที่น่าดึงดูดทั่วทั้งห้องโดยสาร คาดการณ์ราคาจำหน่ายเบื้องต้น ในรุ่นน้ำมันเบนซิน ราคา 24,995 ปอนด์ หรือประมาณ 1,170,515 บาท ในรุ่น PHEV ปลั๊กอินไฮบริด ราคา 33,995 ปอนด์ หรือประมาณ 1,591,985 บาท

